วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 517 อับอายต่อหน้าฝูงชน

ซีซีรีบตอบกลับว่า “อ่อโอเคค่ะ”

เมื่อเดินถึงหลังเคาน์เตอร์ ซีซีเตรียมรินน้ำมะนาวให้ลูกค้า

จากนั้นเย่ชวูเสวียก็เดินมายืข้างๆเธอ และพูดว่า “พวกนั้นพูดมั่วซั่ว เธออย่าคิดอะไรเลย”

ซีซีตกใจเล็กน้อย ที่โดนจับได้ ที่แท้ทีวีดูไม่ได้ เพราะเย่ชวูเสวียทำนี่เอง

เธอรีบฝืนยิ้มออกมา พูดตอบว่า “ก็แค่เม้ามอยกันเฉยๆ ฉันจะใส่ใจได้อย่างไร ถ้าฉันกับเพื่อนเม้ากัน คงยิ่งกว่านี้อีก”

“เธอไม่ได้คิดอะไรมากก็ดีแล้ว”

ซีซีพูดกับเย่ชวูเสวียด้วยท่าทีตั้งใจว่า “ชวูเสวีย ฉันไม่เป็นอะไร ช่วงสองวันมานี้ฉันไม่ค่อยสดชื่น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ อีกอย่างฉันกับคุณมู่รู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่เอง ไม่ได้ติดต่อก็ไม่ได้ติดต่อ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คนที่อย่าคิดมากน่าจะเป็นคุณมากกว่านะ”

เย่ชวูเสวียจ้องตาเธอ สายตาเธอเหมือนไม่ได้โกหก จึงค่อยๆภออนหายใจอย่างโล่งอก “เธอคิดได้แบบนี้ฉันก็สบายใจ”

“ฉันเข้มแข็งมาก เรื่องเล็กๆแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก วางใจเถอะ”

“อื้ม เธอคือซีซีผู้แข็งแกร่งที่สุด สู้ๆล่ะ”

เย่ชวูเสวียตบไหล่ซีซีเบาๆ และเดินจากไป

รอยยิ้มที่ฝืนยิ้มของซีซีกลับบค่อยๆเลือนไป

…….

เพราะหัวหน้าห้องกับชายใส่แว่นคนนั้นไม่ได้ปล่อยข่าวต่อ เรื่องของซีซีก็ค่อยๆซาไป

ถึงแม้ว่าพฤติกรรมของเพื่อนร่วมห้องจะไม่ได้อะไรมาก แต่ซีซีก็พอใจแล้ว และคิดว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ถึงแม้ว่าอารมณ์แลละจิตใจของเธอจะดีขึ้น แต่สภาพร่างกายของเธอกลับไม่ค่อยจะดี

ตอนแรกเป็นลำไส้อักเสบ ต่อมาเป็นไข้หนัก อีกทั้งอารมณ์หน่วงๆก่อนหน้านี้อีก ทำให้ตอนนี้ซีซีไม่สามารถหายกลับไปเป็นปกติได้ 100%

ซีซีมองตัวเองในกระจก จากนั้นหยิบเครื่องสำอางขึ้นมาแต่ง หวังว่าจะทำให้เจอโชคดีบ้าง

แต่หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอแต่งได้ตาแพนด้า และแก้มแดงๆเหมือนตูดลิง

แปลกจัง ทำไมตอนแต่งให้อันน่าถึงได้สวยขนาดนั้น แต่พอมาแต่งให้ตัวเองกลับเป็นแบบนี้

ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเช็ดออก คิดถึงเซี่ยอันน่าจัง ถ้าเธออยู่คงจะช่วยเธอแต่ง

จากหน้าอ้วนๆเป็นซาลาเปา ตอนนี้กลับซูบผอม ใบหน้าที่เคยเปล่งปลั่ง กลับกลายมาโทรมแบบนี้

แต่จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ อีกสักพักเธอต้องประชุมใหญ่ แถมยังต้องขึ้นเวทีกล่าวแทนเพื่อนๆอีก

ซีซีจึงรีบหาวิดีโอแต่งหน้าดู จากนั้นค่อยๆทำตาม

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ซีซีค่อยๆตั้งใจมองในกระจก จากนั้นถอนหายใจออกมา

อืม ถึงแม้จะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ยังพอดูได้

เธอรีบเปลี่ยนชุดและเดินไปหอประชุมใหญ่

แต่เมื่อเธอมาถึง ทุกคนก็ได้เริ่มแล้ว

เกิดอะไรขึ้น เธอกะว่าจะมาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ทำไมเหมือนว่าเธอมาถึงสาย?

ซีซีหันไปเห็นสีหน้าสะใจของหัวหน้าห้อง ก็ถึงบางอ้อ

ต้องเป็นเพราะเธอตั้งใจแจ้งเวลาผิดแน่ๆ คงอยากให้เธอขายหน้า

เมื่อเห็นซีซี หัวหน้าห้องเดินมาเหน็บแนมว่า “ทำไมถึงเพิ่งมา กี่โมงแล้ว หัดรู้จักรับผิดชอบและตรงต่อเวลาบ้าง ไม่เข้าใจจริงๆคนแบบนี้ทำไมอาจารย์ถึงให้รางวัล!”

ทั้งๆที่รู้ว่าเธอตั้งใจ แต่ซีซีพูดอะไรไม่ได้

หนึ่ง เธอไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับหัวหน้าห้องนี่ สอง และถึงเธอจะพูดอะไรไป ก็ไม่มีใครเชื่อ คงคคิดว่าแค่คนสองคนทะเลาะกัน

เพราะแบบนี้ซีซีจึงทำได้แค่ก้มหน้าและบอก “ขอโทษ”

ด้วยท่าทีสงบของซีซี ทำให้หัวหน้าห้องยังเหน็บแนมเธอต่อ และบอกให้เธอไปหาที่นั่งแถวหน้า

ระหว่างที่ซีซีเดินไปที่นั่งแถวหน้า

ชายใส่แว่นก็มองเห็นซีซี

ถึงแม้ซีซีจะแต่งหน้าอ่อนๆ แต่ก็ทำให้เธอดูดีขึ้นมาก จนทำให้เขาละสายตาจากเธอไม่ได้

หัวหน้าห้องเห็นเขาเอาแต่จ้องเธอ ก็โกรธมาก

นังเลวนี่ เวลาแบบนี้ยังจะมาอ่อยผู้ชายอีก แต่เดี๋ยวอีกสักพัก แกจะขำไม่ออกแน่ ฉันจะทำให้ทุกคนรู้ว่าแกเป็นยังไง!

เมื่อนึกถึงเเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดดขึ้น หัวหน้าห้องก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ

พิธีการดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถึงงพิธีมอบรางวัล

ซีซีและเพื่อนๆที่ได้รับรางวัล เดินไปขึ้นเวที ค่อยๆรับรางวัลจากอาจารย์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

และเมื่อทุกคนลงจากเวทีหมดแล้ว ซีซีก็ไปประจำตำแหน่งเพื่อรอกล่านสุนทรพจน์

สุนทรพจน์บทนี้ ซีซีตั้งใจเตรียมมาอย่างดี ถึงแม้ว่าความสามารถในการพูดของเธอจะไม่ได้ดีมากนัก แต่เพราะเธอตั้งใจ จึงหวังว่าเพื่อนๆจะรู้สึกแบบเดียวกับเธอ

เมื่อเธอเริ่มพูดประโยคแรก เสียงฮือฮาจากเพื่อนๆก็ดังขึ้น

พวกเขาเพ่งมองโปรเจ็คเตอร์ที่อยู่หลังซีซี

ซีซีแปลกใจจึงหันไปดู จากนั้นก็ละสายตาไม่ได้

จู่ๆก็คิดถึงเขาขึ้นมา

ขณะที่ซีซีกำลังเหม่ออยู่นั้น เพื่อนๆที่อยู่ข้างล่างต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์

“ผู้หญิงคนนี้ปลอมจริงๆ ปากบอกไม่มีอะไรๆ แต่ดูจากรูปแล้ว คงจะไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะซิ”

“อยู่ต่อหน้าหลักฐานขนาดนี้ เธอยังจะกล้าพูดอะไรอีก? เห็นท่าทางน่าสงสารของเธอ ฉันเกือบจะเชื่อแล้ว”

“แสดงได้ยอดเยี่ยยมมาก ไม่งั้นจะสับรางผู้ชายไปมาแบบบนี้ได้ไง”

“เฮ้ย พวกนายว่าพวกเขาแอบไปโรงพยาบาลกัน ไม่น่าจะพากันไปทำแท้งหรอกมั้ง?”

“ดูแบบนี้ เหมือนจะใช่นะ”

………

ยิ่งงวิจารณ์ยิ่งเสียงดัง

อาจารย์เดินขึ้นมาบนเวที จากนั้นทุกคนก็เงียบ “ใครเป็นคคนทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ รีบเอารูปลงไปเดี๋ยวนี้!”

ภาพกลายเป็นสีดำ แต่เสียงของนักศึกษากลับดังขึ้น

จากนั้นมีคนหนึ่งยืนขึ้นพูดว่า “อาจารย์ครับ ผมคิดว่าให้รางวัลกับคนแบบนี้ ไม่เหมาะสมครับ”

พูดจบ ก็มีเสียงเห็นด้วยดังขึ้น

“ใช่ๆ อาจารย์ไม่รู้ว่าซีซีแย่มากแค่ไหน คนแบบเธอ เอาอะไรมาเป็นตัวแทนของพวกเราครับ”

“เธอคือคนที่ทำให้มหาลัยเสียชื่อเสียง ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป ต้องส่งผลกระทบต่อมหาลัยแน่”

“พวกเราแนะนำว่า ยกเลิกรางวัลของซีซีเถอะ!”

ซีซีรีบพูดกับอาจารย์ว่า “อาจารย์คะ พวกนั้นมันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ฉันไม่เคยทำอะไรทั้งนั้น”

จากนั้นมีนักศึกษาคนหนึ่งพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ถ้าเธอไม่เคยทำ งั้นรูปพวกนั้นมาจากไหน? หรือเธอคิดว่าพวกเราตาบอดหรือไง?”

“ฉันไม่สบาย เขาพาฉันไปโรงพยาบาลแค่นั้นเอง”

“ใครจะไปรู้ว่าป่วยจริงหรือไปทำแท้ง!”

“เธอ….”

“เอาล่ะ พอได้แล้ว!” อาจารย์พูดแทรกขึ้น “ซีซี เธอลงไปก่อน เรื่องนี้พวกอาจารย์จะสืบค้นอย่างละเอียด ถ้าเป็นจริง เธอคงไม่เหมาะกับรางวัลนี้ แต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง รับรองว่าอาจารย์ให้ความยุติธรรมกับเธอแน่”

“แต่ว่า…”

“โอเค ตามนีไปก่อน งาดำเนินต่อ”

ซีซีอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ถูกอาจารย์ขัด และทำท่าทางให้เธอรีบลงไป ไม่ให้เธอมากระทบกับพิธีการนี้

ซีซีทำได้แค่ก้มหน้าและเดินลงไป

นักศึกษาที่อยู่ข้างล่างเมื่อเห็นซีซี จงใจพูดฉีกหน้าเธอ

“ยัยนี่ทำไมกล้าขึ้นไปรับรางวัลอีกนะ ถ้าฉันเป็นหล่อนละก็ คงจะหาที่หลบไปแล้ว”

“เธอกล้าทำเรื่องผืผดศีลธรรมแบบนั้นได้ หน้าคงด้านไปแล้วล่ะ”

“นั่นน่ะซิ พูดอีกถูกอีก”

ซีซีทนฟังอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว รีบวิ่งออกไปจากหอประชุม

เมื่อหัวหน้าห้องเห็นซีซีวิ่งออกไปแบบนั้น เธอก็มองไปทางหนุ่มแว่นยิ้มมุมปาก และเธอก็รู้สึกพอใจ

ซีซีเอ๋ยซีซี ไม่ใช่ว่าอวดดีนักหรือ ครั้งนี้อาจารย์รู้เรื่องของเธอแล้ว ดูซิเธอจะมีหน้าอยู่ที่นี่อีกได้อย่างไร

ซีซีวิ่งออกมาข้างนอก และรู้สึกว่าสายตาของคนรอบข้าง ต่างก็มองเธอด้วยสายตารังเกียจ

พวกเขาต่างก็หัวเราะเยาะเธอ สายตาจิกกัดพวกนั้น ทำให้ปวดใจมาก

ซีซีอยากหนีสายตาพวกนั้น เธอวิ่งไปเรื่อยๆ จนหมดแรงและล้มลงกับพื้น จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ

ทำไม ทำไมทุกคนไม่เชื่อเธอ!?

ซีซีคิดว่าแค่ปิดข่าวลือพวกนั้นได้ ทุกๆอย่างก็น่าจะกลับมาดี

แต่เสียดาย เพราะมันเป็นได้แค่ความคิดลมๆแล้งๆ

มีแต่คนที่กำลังรอหัวเราะเยาะเรื่องของเธอ ไม่มีสักคนที่จะเข้ามาช่วยเธอ ไม่มีสักคน!

คิดไว้แล้วแท้ว่าชีวิตจะดีขึ้น ได้ออกมาจากหลุมดำ และรอวันที่ฟ้าจะสว่าง

แต่ที่ไหนได้ เธอกลับตกลงไปในหลุมลึกลงกว่าเดิม เสียงพูดของพวกเขา เหมือนมีดมากรีดแทงจิตใจของเธอ

ตอนนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บ แต่กลับรู้สึกชา ภายในใจรู้สึกเหน็บหนาว ไม่มีแม้ใครสักคนที่จะให้ความอบอุ่นกับเธอ เธอทำได้แค่กอดตัวเอง และคอยปลอบตัวเองว่ามันจะดีขึ้น มันต้องดีขึ้น

แต่ว่า มันจะดีขึ้นจริงๆไหม? ซีซีพยายามทำทุกอย่างแล้ว เข้มแข็งต่อสู้กับบทุกอย่างแล้ว

แล้วผลลัพธ์ล่ะ? มีแต่เจ็บแต่เสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีก

หรือว่าชาตินี้ เธอต้องจมอยู่กับความเศร้าโศกตลอดชีวิตหรือ?

เมื่อคิดได้ดังนั้น จู่ๆก็รู้สึกไม่อยากอยู่

ติ้งๆ____

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา เธอก็น้ำตาไหลพราก

เซี่ยอันน่านั่นเอง

เซี่ยอันน่าได้ลองชิมช็อกโกแลตอร่อยๆมา และรู้ว่าซีซีชอบ จึงตั้งใจซื้อมาฝาก

เมื่อนึกได้เห็นว่า ซีซีน่าจะยังไม่นอน เลยโทรมาหาเธออยากรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร

เมื่อปลายสายรับ เซี่ยอันน่าก็พูดอย่างร่าเริงว่า “ซีซี ฉันซื้อช็อกโกแลตไปให้เธอด้วย อร่อยๆมากๆๆๆ เธอว่า รอฉันกลับไปค่อยเอาไปให้ หรือว่าให้ฉันส่งให้ตอนนี้เลย? อืม..จากนิสัยเธอแล้ว น่าจะรอไม่ไหวแน่ๆเลย ต้องให้ฉันส่งไปให้ก่อน ถูกไหม?”

ปลายสายเงียบ ไม่มีคำใดๆตอบกลับ

เซี่ยอันน่าหุบยิ้ม รีบถามว่า “ซีซี เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม?”

รออยู่พักใหญ่ ปลายสายถึงตอบกลับ “อันน่า…..”

เซี่ยอันน่ารู้ดีว่าซีซีเป็นคนสดใสร่าเริงมากและมองโลกในแง่ดีมาก ถึงบางครั้งจะมีเรื่องไม่สบายใจบ้าง แต่อาหารอร่อยๆก็จะช่วยเธอไว้ได้ทุกครั้ง

แต่ตอนนี้ เกิดอะไรขึ้น?

เซี่ยอันน่ากำโทรศัพท์แน่น “ซีซี เธอร้องไห้อยู่หรือ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่อยพูดได้ไหม”

พูดหรือ จะเริ่มจากตรงไหนดี?

ซีซีหลับตาลง และตอบว่า “ฉันไม่รู้ว่าควรพูดอะไร พวกเขาทำเกินไปจริงๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ก็เอาแต่รังแกฉันแบบนั้น ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร ก็ไม่มีสักคนที่จะะเชื่อฉัน อันน่า ฉันไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไง!”

เซี่ยอันน่าได้ยินแบบนั้น ก็ขมวดคิ้ว “ฉันเชื่อเธอ เด็กดี อย่าร้องเลย บอกฉันนะว่าพวกเขาาพูดว่าอะไรทำให้เธอไม่สบายใจ”

ซีซีอยากจะเล่าเรื่องงทั้งหมดให้เซี่ยอันน่าฟัง แต่ตอนนี้เธอกำลังฮันนีมูนอยู่นะ เธอจะเอาเรื่องของตัวเองไปทำให้เซี่ยอันน่าคิดมากทำไม?

ชีวิตของเธอแย่มากพอแล้ว ไม่ควรดึงคนรอบข้างมาเดือดร้อนด้วย

ซีซีรีบข่มเสียงและขำ จากนั้นพูดว่า “เธอเชื่อหรือ? ฮรี่ๆ เมื่อกี้ฉันล้อเล่นน่ะ ไม่ได้โทรหาฉันตั้งนาน ฉันเลยแกล้งหลอกให้ เป็นไงเธอเชื่อไหม?”

ซีซีพยายามคุมเสียงให้เป็นปกติ

แต่เซี่ยอันน่าไม่ได้ตอบกลับ หรือต่อว่าอะไรซีซี

ซีซีๆจึงถามไปว่า “อันน่า เธอโกรธหรือ? เอาล่ะ ฉันไม่ดีเอง ไม่น่าแกล้งเธอแบบนี้ อย่าโกรธเลยโอเคไหม?”

เซี่ยอันน่าไม่ได้โกรธ แต่เป็นห่วง

เธอเป็นเพื่อนสนิทกับซีซี เธอรู้ดีว่าน้ำเสียงเมื่อกี้ซีซีแค่แกล้งหลอกหรือมันเป็นเรื่องจริง

ยิ่งซีซีไม่พูด แสดงว่าเรื่องนี้ต้องสาหัสมาก

แต่ในเมื่อซีซีไม่อยากให้เธอรู้ เธอก็จะเล่นตามน้ำ

“ใช่น่ะซิ ฉันโกรธแล้ว เธอรู้ไหมฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน ถ้ามีคนมารังแกเธอจริงๆ ฉันไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่”

ได้ยินแบบนั้น ซีซีก็ยิ้มเบาๆ

จากนั้นหายใจเข้าลึกๆ ขำตอบกลับไปว่า “วางใจเถอะ ถ้ามีคนมาแกล้งฉัน อย่าให้ถึงมือเธอเลย คงโดนฉันจัดการก่อนแน่ งั้นแค่นี้ก่อนนนะ ฉันไปห้องสมุดก่อน”

“อื้ม ไปเถอะ รักษาสุขภาพด้วยนะ”

“เธอก็เหมือนนะ”

พูดจบ ซีซีก็วางสาย น้ำตาค่อยๆไหลออกมาอีกครั้ง

ทางเซี่ยอันน่าก็ไม่ได้วางใจ ทำสีหน้าเคร่งเครียด

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset