วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 525 สารภาพรักล้มเหลว

เพราะออกมาอย่างรีบร้อน มู่ยู่วฉีก็หาร้านอาหารทั่วไป ทั้งสองคนกินอาหารง่ายๆ

ถึงแม้ว่าเมนูอาหารจะเรียบง่าย แต่เทียบกับอาหารที่เป็นพิษเหล่านั้นแล้ว รสชาติดีจริงๆเลย ฉีฉีดีใจจนจะร้องไห้ออกมาแล้วไหม

หรี่ตาลงเล็กน้อย ฉีฉีกินอาหารทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าหมดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพิงลงที่เก้าอี้นั่งอย่างพึงพอใจ ท่าทางง่วงนอน เหมือนกับแมวตัวหนึ่ง

เห็นฉีฉีท่าทางอย่างนั้น มู่ยู่วฉีรู้สึกว่าเธอน่ารัก ในเวลาเดียวกันก็ทะนุถนอมช่วงเวลานี้

บางทีเพียงแค่มีประสบการณ์ที่เคยสูญเสีย ถึงจะทะนุถนอมสิ่งที่อยู่ในสายตาคู่นี้

ฉีฉีรู้สึกได้สายตาลุกโชนแวววาวของมู่ยู่วฉีที่มอง นี่ทำให้เธอไม่สบอารมณ์เล็กน้อย รีบนั่งตัวตรง ลูบแล้วลูบอีกที่ใบหน้าของตัวเอง ถาม”หน้าของฉันเปื้อนเหรอ?”

“ไม่นะ”

“อย่างนั้นคุณมองฉันทำไม?”

“เพราะว่า ดูเธอแล้วค่อนข้างอร่อยน่ากิน”

“ห้ะ?”

มู่ยู่วฉีไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดความคิดในใจออกมา หงุดหงิดจนอยากจะกัดลิ้นของตัวเอง

แต่ว่ามู่ยู่วฉีถนัดเรื่องสร้างภาพ ถึงในใจจะมีไฟที่ร้อนแรง เขาก็สามารถที่จะรักษารอยยิ้มนั้นไว้ได้เหมือนเดิม

เหมือนกับตอนนี้ มู่ยู่วฉียิ้มให้กับฉีฉี พูดอย่างสบายๆน้ำเสียงล้อเล่นพูดว่า”ขอโทษด้วยนะ ถูกเย่ชูวเสวียทำให้ทรมานด้วยอาหารที่เป็นพิษเหล่านั้น เห็นอะไรก็อยากจะเคี้ยวกลืนลงไปในท้อง”

หลังจากที่ได้ยินฉีฉียิ้มออกมาอย่างปล่อยวาง

และหลังจากนั้น ก็พูดออกมาอย่างงงงวยเล็กน้อยว่า”แปลกจริงๆ เย่ชูวเสวียทำของหวานอร่อยมาก ทำไมทำอาหาร มักใช้วิธีที่แตกต่างนอกรีตล่ะ?”

“ผู้หญิงคนนี้เป็นคนฉลาดค้นคว้าทำของแปลกประหลาด ก็เป็นปกติ เพียงแค่น่าสงสารพวกเรา เปลี่ยนมาเป็นหนูของเธอ ค่อยๆต่อต้านแล้วก็ทำให้เธอไม่พอใจ ครั้งนี้พูดว่าจะไปก็ไปเลย ต้องทำให้เธอโกรธมากแน่นอน กลับไปต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์พายุที่โหมกระหน่ำ ”

คำพูดของมู่ยู่วฉี ฉีฉีก็กังวลใจ ไม่รู้ว่ากลับไปแล้วจะอธิบายกับเธออย่างไร ถึงจะทำให้เธอไม่โกรธ

มองดูท่าทางของฉีฉี มู่ยู่วฉีก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

ปลาติดเบ็ดแล้ว มู่ยู่วฉีเริ่มต้นบีบรัดเป็นวงล้อม

“พูดจริงๆนะ ตอนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องให้เย่ชูวเสวียช่วยแล้ว เธออยู่ก็เสียเวลา ไม่แน่ก็ในแต่ละวันน่าเบื่อถึงทำให้เธอคิดค้นสูตรที่เป็นพิษอย่างนั้น ฉันว่าพูดตรงไปตรงมาให้เธอกลับไปก็จบแล้ว ทั้งเธอและพวกเราก็จะได้หลุดพ้น”

มู่ยู่วฉีพูดพร้อมกับมองฉีฉีอย่างละเอียดจดจ่อ รอคำตอบของเธอ

เพียงต้องการให้ฉีฉีเห็นด้วยกับคำพูดของมู่ยู่วฉี อย่างนั้นเขาก็มีเหตุผลยืนยันให้เย่ชูวเสวียกลับไปได้

น่าเสียดาย หลังจากที่ฉีฉีไต่ตรองอย่างรอบคอบ เลี่ยงพูดเบาๆว่า”เรื่องนี้ต้องให้เย่ชูวเสวียตัดสินใจ พวกเราไม่มีวิธีที่จะสามารถตัดสินใจแทนเธอ พวกเราออกมาอย่างนี้ เย่ชูวเสวียโกรธมากแน่ๆ ฉันรู้สึกว่าซื้อของอร่อยกลับไปให้เธอ ชดเชยให้กับเธอเถอะ”

ฉีฉีเรียกพนักงานต้อนรับมา สั่งอาหารที่เย่ชูวเสวียชอบกินหลังจากนั้นก็ห่อกลับ

มู่ยู่วฉีรู้ ฉีฉียินยอมที่จะให้ตัวเองทุกข์ใจ ก็ไม่อยากที่จะฉีกหน้าเย่ชูวเสวีย

ที่เธอเป็นแบบนี้ทำให้มู่ยู่วฉีเจ็บปวดหัวใจ

ในเวลาเดียวกันได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่มีทางให้เย่ชูวเสวียมีโอกาสทำลายกระเพาะอาหารพวกเขาอีก

กลับถึงอาพาร์ทเม้นต์ เย่ชูวเสวียหลบอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา ฉีฉีเคาะประตู พูดดีๆ

“ชูวเสวีย พวกเราซื้อแกงส้มสับปะรดที่เธอชอบกินมาให้ ออกมากินหน่อยนะ?”

“เมื่อกี้ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะชดเชยให้กับเธอ อย่าไม่มีความสุขเลย โอเคไหม?”

“อย่างนั้นแล้วจะให้ฉันทำอย่างไร เธอถึงจะอภัยให้ฉัน?”

ฉีฉีพูดอยู่หน้าประตูหลายครั้ง แต่ด้านในยังเงียบอยู่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา

หันศีรษะกลับมามองมู่ยู่วฉี ฉีฉีร้อนรนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

มู่ยู่วฉีจับที่แขนของฉีฉี ไม่ได้ใช้คำที่รุนแรงหรือเบาไปพูดว่า”ไม่ออกมาก็ดี ฉีฉี เธอมานี่ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว”

“มีเรื่องอะไร รออีกสักพักค่อยพูดได้ไหม?”

“ไม่ได้ ต้องพูดตอนนี้ สำคัญมาก”

ตอนนี้ฉีฉีแค่อยากปลอบใจให้เย่ชูวเสวียมีความสุข เรื่องอื่นอยากจะวางไว้ชั่วคราวก่อน

แต่ท่าทีของมู่ยู่วฉีเคร่งขรึม เหมือนกับมีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูด ฉีฉีจำใจต้องปล่อยเย่ชูวเสวียทางด้านนี้ไว้ก่อน

แต่ทว่าฉีฉีกำลังหมุนตัวเย่ชูวเสวียก็เปิดประตูออกมา

ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ในใจของเย่ชูวเสวียไม่พอใจอยู่เงียบๆ

เด็กคนนี้ โกรธอะไรกันล่ะแค่แกล้งเอง พอได้ยินเรื่องซุบซิบก็เร่งรีบเปิดประตูออกมา การโกรธของเธอเป็นเพียงกลอุบายอย่างหนึ่งก็จบสิ้นลง

ฉีฉีเห็นเย่ชูวเสวียเดินออกมาจากห้อง เธอดีใจมาก

เธอรีบจับที่แขนของเย่ชูวเสวีย ยิ้มแล้วพูดว่า”ชูวเสวีย ตอนนี้เธอหิวแล้วใช่ไหม ฉันเอาของอร่อยกลับมาให้ด้วยนะ”

เย่ชูวเสวียดึงหน้า พูดว่า”ถูกคนรังเกียจอย่างนั้น ฉันจะอยากกินอาหารที่ไหนกัน”

“อย่างนั้นเธอก็อยู่ในห้องต่อไปก็ดีละนะ”

ฉีฉียังไม่ได้พูด มู่ยู่วฉีได้เอ่ยปากพูดขึ้นก่อนแล้ว

พอได้ยิน ฉีฉีขมวดคิ้วมองที่มู่ยู่วฉี ให้เขาเงียบปากไว้

เห็นท่าทีกังวลใจทั้งตำหนิของฉีฉี ในสายตามู่ยู่วฉีที่มองรู้สึกว่าน่ารักแปลกๆ อดทนไม่ไหวยื่นมือออกมาหยิกที่ใบหน้าของเธอทันที

การกระทำนี้เต็มไปด้วยความรักเอ็นดูกับอบอุ่นทำให้ฉีฉีชะงักงัน และหลังจากนั้นหน้าแดงอย่างไม่สามารถควบคุมได้

เย่ชูวเสวียเห็นฉากนี้อยู่ต่อหน้า เกลียดจนคันปากยิกๆ

ไอ้มู่ยู่วฉีคนนี้ไม่เคยมีตัวเองในสายตาเลย!

ดี ในเมื่อนายทำเรื่องไม่ไว้หน้าให้เกียรติ อย่างนั้นฉันก็จะไม่คิดอะไรแทนนายแล้ว!

เย่ชูวเสวียหรี่ตาลง หลังจากนั้นจับที่แขนของฉีฉี ยิ้มแล้วพูดว่า”เพื่อที่จะไล่ฉันไป นายทำทุกวิถีทาง แต่ทำให้นายผิดหวังแล้วแหละ ฉันไม่ได้ตกหลุมพราง ฉีฉี ไปเป็นเพื่อนฉันกินข้าว ฉันก็มีเรื่องที่จะคุยกับเธอ”

พูดพร้อมกับลากแขนของฉีฉีเดินออกไป

ฉีฉียิ้มให้มู่ยู่วฉีอย่างขอโทษ พูด”อีกสักพักฉันค่อยไปหาคุณนะ”

เห็นฉีฉีถูกลากออกไปต่อหน้าตัวเอง มู่ยู่วฉีดวงตาเข้มตามพวกเธอไปที่ร้านอาหารด้วย

เห็นมู่ยู่วฉีก็ตามมาด้วย เย่ชูวเสวียไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจ

แต่ปากของเธอไม่ได้ให้อภัย มองมู่ยู่วฉีพูดว่า”นายมาทำไม อยากแอบฟังเหรอ?”

“ฉันต้องปกป้องฉีฉี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอเอาอะไรมาทำลายเธอต่ออีก”

“เชอะ ฉันขี้เกียจทำเรื่องที่เสียแรงแล้วไม่ได้รับผลดีแล้ว ต่อไปถึงนายจะมาขอร้องอ้อนวอนฉัน ฉันก็ไม่มีทางลงครัวทำให้พวกนายแล้ว!”

ได้ยินคำนี้ ฉีฉีถอนหายใจโล่งอกในใจเงียบๆ

ในใจมีความสุข ท่าทางใบหน้าของฉีฉีก็ยิงผ่อนคลาย รอยยิ้มก็ยิ่งเจิดจรัส

นำกล่องอาหารเดลิเวอรี่เปิดออกต่อหน้าของเย่ชูวเสวีย ฉีฉีพูดว่า”งานที่ใช้แรงอย่างนั้น จะมารบกวนเย่ชูวเสวียได้อย่างไรล่ะ เธอนั่งรออาหารเลิศรสก็พอแล้ว อาหารเหล่านี้ยังร้อนอยู่เลย เธอชิมดูก่อน”

ฉีฉีคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าในปาก ถึงแม้จะอร่อยแต่สีหน้าไม่สู้ดี พูด”เพียงเช่นนั้นก็จบเถอะ”

ไอ๋ ถ้าหากว่าเพียงเช่นนั้นแล้ว อย่างนั้นฉีฉีก็ยินยอมที่จะใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างนี้ต่อไป

แต่ตอนนี้เย่ชูวเสวียใหญ่สุด ฉีฉีก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มผงกศีรษะอยู่ด้านข้าง แสดงออกว่าเห็นด้วย

มองมู่ยู่วฉีที่เจ็บใจอยู่ตรงหน้า เย่ชูวเสวียเห็นสายตาของเขาที่โหดร้าย

นี่ก็โกรธแล้ว อย่างนั้นอีกสักพักก็ไม่ใช่ว่าต้องแยกห้องแล้ว?

ทันใดนั้นริมฝีปากได้กระตุกขึ้นด้วยกัน เย่ชูวเสวียหันศีรษะกลับไปมองฉีฉี ถาม”ฉีฉี เธออยู่ในมหาวิทยาลัย มีหรือไม่มีผู้ชายที่เธอชื่นชอบ?”

เย่ชูวเสวียเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างแปลกประหลาด ฉีฉีชะงักงันอยู่สักครู่ ส่ายศีรษะพูดว่า”ไม่มีนะ”

“เป็นไปได้อย่างไร มหาวิทยาลัยของพวกเธอมีคนหล่อตั้งเยอะแยะ นี่มีชื่อเสียงเลยนะ ประเภทอบอุ่น ประเภทไอดอล ประเภทติสท์ ยังมีประเภทยัปปี้ทำงานแล้ว มีหนุ่มหล่อหลายประเภทขนาดนี้ ยังไม่มีสักคนเข้าตาเธอ?”

มู่ยู่วฉีจ้องมองอย่างคับขัน ฉีฉียิ้มเล็กน้อย พูด”หนุ่มหล่อมีมากมาย แต่พวกเขาหล่อแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน”

คำตอบตรงไปตรงมาอย่างนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เย่ชูวเสวียอยากได้ยิน จึงขุดหลุมอย่างต่อเนื่อง

“ชื่นชมหน่อยก็ได้ไหมล่ะ ทุกคนก็ล้วนรักสวยรักงามกันทั้งนั้น หรือใครไม่อยากสวย”

ได้ยินคำนี้ ฉีฉีไต่ตรองแล้วพูด”พูดอย่างนี้ ก็มีผู้ชายที่ติดตามอยู่ไม่กี่คนนะ”

คำนี้ออกมาบรรยากาศรอบๆเปลี่ยนเป็นเย็นวูบทันที

“กี่คน?”

มู่ยู่วฉีจะยิ้มก็ไม่ยิ้มถามออกมา ทำให้บรรยากาศในสถานที่นี้แปลกประหลาดขึ้นมา

ฉีฉีหวาดผวากับคำพูดสองคำสุดท้ายนั้น เย่ชูวเสวียเหลือบมองเขาอย่างเหยียดๆ หันศีรษะกลับมาเติมเชื้อไฟต่อ

“ไม่กี่คนเท่านั้นเอง เอะอะทำไม ฉันเคยชอบดาราผู้ชายเป็นรถบรรทุก ฉีฉี อย่าสนใจเขา พวกเราคุยกันต่อเถอะ อืม อย่างนั้นผู้ชายประเภทไหนเหรอที่มีแรงดึงดูดใจเธอ?”

“ประเภทติสท์นะ แบบผู้ชายเล่นกีต้าร์ ฉันรู้สึกว่าหล่อมาก”

“ก็เล่นดนตรีเป็นนะสิ?”

“อืม ดีที่สุดคือร้องเพลงแล้วเล่นกีต้าร์เองด้วย”

มู่ยู่วฉีอยู่ด้านข้างพูดอย่างอ่อนแอว่า”ที่จริง ฉันก็เล่นเปียโนเป็นนะ”

แต่ทั้งสองคนที่พูดคุยกันอย่างสนุก ไม่ได้สนใจในคำพูดของมู่ยู่วฉี พูดคุยกันอย่างมีความสุขอย่างต่อเนื่อง

“ฉันรู้ เธอพูดถึงนักร้องในมหาวิทยาลัยประเภทนั้นใช่ไหม ดีที่สุดคือมีบุคลิกมาดนิ่ง ทำให้คนเห็นแล้วก็รู้สึกประมาณว่าปกป้องได้ประเภทนั้น”

“ใช่ๆ เธอก็ชอบแบบนั้นใช่ไหม?”

“แน่นอนสิ ฉันรู้สึกว่ามีผู้หญิงไม่กี่คนไหมที่จะปฏิเสธผู้ชายประเภทนี้”

เห็นทั้งสองคนมองข้ามตัวเอง มู่ยู่วฉีโกรธมาก หมุนตัวแล้วเดินออกไป

มองตามแผ่นหลังของมู่ยู่วฉีอย่างประหลาดใจ ฉีฉีถาม”เอ๊ะ มู่ยู่วฉีเป็นอะไร?”

“อย่ายุ่งกับเขาเลย เขาเด็กคนนี้ก็ชอบเจ้าอารมณ์ ใครจะไปรู้ว่าทำอะไรให้ไม่พอใจอีก มา พวกเราคุยกันต่อ ฉันยังชอบ…..”

เย่ชูวเสวียยังพูดไม่จบ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูหนักๆดังมา

ความผิดปกติของมู่ยู่วฉี ทำให้ฉีฉีไม่สบายใจเล็กน้อย พูดว่า”ฉันรู้สึกว่า ไปดูเขาหน่อยเถอะ”

“มู่ยู่วฉีตอนนี้โกรธมากแน่นอน เธอกล้าไปแล้วโชคไม่ดี?”

“ปล่อยให้เขาโมโหอย่างนี้ ไม่ค่อยดีนะ”

“เขาเป็นผู้ชาย โกรธอะไรกัน อาจจะทำงานอยู่ในห้อง เธออย่ารบกวนเขาเลย”

คำพูดของเย่ชูวเสวียมีเหตุผล ฉีฉีผงกศีรษะ พูดว่า”โอเค”

ต่อมาทั้งสองคนก็พูดคุยกันต่อ บรรยากาศคึกคัก และมู่ยู่วฉีที่อยู่ในห้องควันจะออกจากหัวแล้ว

เย่ชูวเสวียโกรธ เธอก็ซื้อของอร่อย คำพูดชักชวนดีๆ ยืนเกลี้ยกล่อมอยู่หน้าประตูนานขนาดนั้น

พอมาถึงตัวเองทำไมไม่มีการเคลื่อนไหว? เด็กผู้หญิงที่ไม่มีจิตใจ ลำเอียงมากเกินไปแล้ว!

มู่ยู่วฉียกไหล่ขึ้น นั่งอยู่ในห้องรอฉีฉีอยู่ตลอด

แต่ว่าจนถึงไฟด้านนอกปิดแล้ว ห้องของตัวเองด้านนอก ยังคงเงียบสนิทเหมือนเดิม

สีหน้าของมู่ยู่วฉียิ่งดูไม่ได้

ทันใดนั้น เขาเหยียดตัวลุกขึ้นเดินออกจากห้อง มุ่งเดินตรงไปที่ห้องของฉีฉี

เขาไม่อยากเดินไปเดินมา ตอนนี้เขาต้องการหาฉีฉีให้เจอ พูดให้เข้าใจชัดเจน!

ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องของฉีแี ผ่านไปชั่วแวบหนึ่ง ฉีฉีท่าทางสะลึมสะลืออยู่หน้าประตู มองเห็นมู่ยู่วฉี ถามว่า”ดีกขนาดนี้แล้ว มีธุระอะไรไหม?”

มู่ยู่วฉีพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า”ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับเธอ”

“พรุ่งนี้ดีไหม ตอนนี้ฉันง่วงมาก”

“ไม่ได้ ต้องพูดตอนนี้”

เห็นมู่ยู่วฉียืดหยัด ฉีฉีจำยอมพูดว่า”อย่างนั้นเอาเถอะ คุณพูดมา”

มู่ยู่วฉีหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก้มศีรษะคิดถ้อยคำ และฉีฉีกำลังคิดว่าจะต้องกลับไปสวมชุดในห้องไหม

“ฉีฉี ฉันชอบเธอ”

มู่ยู่วฉีพูดออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้ฉีฉีชะงักงัน

เงยศีรษะมองมู่ยู่วฉี ฉีฉีกำลังคิดว่าตัวเองกำลังหลับ ปรากฎเสียงหลอนในหู?

“ฉีฉี เธอเป็นแฟนฉันเถอะนะ!”

มองสายตาที่จริงจังของมู่ยู่วฉี ฉีฉีรู้ ตัวเองไม่ได้ยินเสียงหลอนในหู มู่ยู่วฉี กำลังสารภาพรักกับตัวเองจริงๆ!!

“คุณดื่มเยอะแล้ว?”

“ไม่นะ”

“อย่างนั้นเป็นไข้?”

“ก็ไม่นะ”

“อืม ละเมอแน่นอน รีบไปนอนเถอะนะ”

ฉีฉีพูดพร้อมกับหมุนตัวจะปิดประตู

แต่มู่ยู่วฉีใช้มือติดอยู่รั้งฉีฉี ไม่ให้เธอหลบหนี

“ฉันจริงจัง ฉีฉี คิดทบทวนหน่อย เป็นแฟนฉันนะ”

มู่ยู่วฉีมองฉีฉีด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง สายตาแสดงออกถึงความปรารถนา

“ฉันไม่ตอบรับ”

ฉีฉีพูดออกมาไม่กี่คำโดยไม่ต้องคิดทำให้มู่ยู่วฉีชะงักงัน

“อะไร?”

“ฮาๆๆๆ——”

ตอนที่มู่ยู่วฉีชะงักงัน ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราอย่างบ้าคลั่งดังออกมาจากในห้อง

เห็นเย่ชูวเสวียที่อยู่ในห้องนอน มู่ยู่วฉีขมวดคิ้ว อารมณ์หงุดหงิดมาก

และเย่ชูวเสวียไม่ได้หวาดกลัวสายตาห้ำหั่นคนของมู่ยู่วฉี ยังพูดด้วยความอิ่มเอมใจว่า”ไอ๋หยา มู่ยู่วฉีที่ภูมิฐาน คาดไม่ถึงว่านายก็มีช่วงเวลาที่กินติ่งเนื้อ ฮาๆ ฉันตลกจะตายแล้ว!”

“เธออยู่นี่ได้อย่างไร!?”

“ฉันคุยกับฉีฉีจนถึงดึกดื่นเลยต้องนอนด้วยกันเลย แต่ว่านาย ดึกดื่นไม่ยอมนอน ยังวิ่งมาสารภาพรัก โรแมนติกไหม”

มู่ยู่วฉีหลบอยู่นาน คาดไม่ถึงว่าถูกเย่ชูวเสวียแอบฟัง นี่ก้ทำให้คนระทมทุกข์เกินไปแล้ว

และที่ทำให้มู่ยู่วฉีระทมทุกข์ที่สุดคือคาดไม่ถึงว่าฉีฉีจะปฏิเสธตัวเอง คาดไม่ถึงเธอปฏิเสธแล้ว!!

ตัวเองหล่อไม่พอใช่ไหม ตัวเองมีเงินไม่พอใช่ไหม ให้ความรักความผูกพันธ์กับเธอไม่พอใช่ไหม?ผู้หญิงมากมายมาจีบเขา ทำไมเฉพาะฉีฉีถึงปฏิเสธเขา!!

มู่ยู่วฉีรับผลอย่างนี้ไม่ไหว เขาขมวดคิ้ว หวังว่าฉีฉีจะมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับตัวเอง

มู่ยู่วฉีกำลังมองด้วยสีหน้าหม่นหมองและเคร่งขรึม ฉีฉีก้มศีรษะลง ก้มต่ำลงมากๆคล้ายกับว่าจะแนบแปะลงไปบนพื้น

มองปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอ มู่ยู่วฉีโกรธมาก แต่ก็จนปัญญา

“เธอปฏิเสธฉัน ทำไมเธอเศร้าใจกว่าฉัน?”

“ฉันเพียงแค่ เพียงแค่รู้สึกขอโทษจริงๆ”

เสียงนุ่มนวลนั้นทำให้ความโกรธของมู่ยู่วฉีค่อยๆหายไป ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากจะทำเรื่องนี้ให้เข้าใจชัดเจน นั่นก็คือ เด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงปฏิเสธตัวเอง

“เธอให้เหตุผลที่ขอโทษฉันมาหน่อย”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset