วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 528 เดินทางกลับมาที่เดิม

เมื่อกี้ตอนที่มู่ยู่วฉีถาม ฉีฉีพูดโกหก ที่จริงเธอยังไม่ได้กินข้าวมา

ตอนนี้เธอหิวท้องร้องจ๊อกๆ ได้กลิ่นหอมทำให้เธอเกิดอาการน้ำลายสอ

เลียริมฝีปาก ฉีฉีผลักประตูเดินออกมาจากห้อง อยากจะดูว่าสุดท้ายแล้วคืออะไร ทำไมหอมขนาดนี้

ตามกลิ่นมาจนถึงห้องครัว หลังจากนั้นเห็นมู่ยู่วฉีคาดผ้ากันเปื้อนไว้ที่เอว กำลังยุ่งอยู่ด้านใน

มู่ยู่วฉีหันศรีษะกลับมามองเห็นฉีฉี หลังจากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า”ข้าวผัดไข่ กินเป็นเพื่อนฉันสักหน่อยเถอะ”

ฉีฉีเลียริมฝีปาก พูด”ที่จริงฉันกินมาแล้ว ก็กินนิดหน่อยเป็นน้ำใจนะ”

เห็นชัดๆว่าฉีฉีอยากกิน แต่ยังต้องทำเหมือนไม่อะไรอย่างนั้น มู่ยู่วฉีกระตุกริมฝีปากขึ้น ยิ้มเบาๆ

ถึงแม้รู้ว่าฉีฉีพูดโกหก แต่มู่ยู่วฉีไม่ได้พูดออกมา ยื่นตะเกียบให้เธอหนึ่งคู่ ในเวลาเดียวกันได้นั่งฝั่งตรงกันข้ามกับฉีฉี

ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน ตอนนี้ลืมความเก้อเขิน กินอาหารด้วยกันอย่างเรียบง่าย

ถึงแม้จะเรียบง่าย แต่ฉีฉีรู้สึกว่าหอมมาก กินคำแล้วคำเล่า ไม่นานก็กินไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ยังมีคนประจบประแจงอย่างนี้ มู่ยู่วฉีรู้สึกประสบความสำเร็จ ต่อให้ไม่กินอะไรก็อิ่มอกอิ่มใจ

ดวงตาทั้งสองข้างมองฉีฉีลึกๆ มู่ยู่วฉีถาม “อร่อยไหม?”

ฉีฉีไม่มีเวลาพูด เพียงแค่ผงกศีรษะ แสดงออกบอกใบ้ว่ารสชาติอร่อยมาก

เห็นฉีฉีพึงพอใจอย่างนี้ มู่ยู่วฉียิ้มออกมาบางๆ ข้าวผัดไข่ธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นอาหารที่เอร็ดอร่อยเช่นนี้

มู่ยู่วฉีก้มศีรษะลงกินอาหารด้วยกิริยาท่าทางสง่างาม ระหว่างทั้งสองคน ช่วงเวลาอย่างนี้หาได้ยาก บรรยากาศก็ไม่อึดอัดอีก

ช่วงที่เงียบสงบ ทันใดนั้นฉีฉีเอ่ยปากถามหนึ่งประโยค

“มู่ยู่วฉี ฉันคุยเรื่องหนึ่งกับคุณได้ไหม?”

“เรื่องอะไร?”

ฉีฉีลังเลใจสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นพูดว่า”วันนี้ฉันเจอหัวหน้าห้อง ตอนนี้เธอน่าสงสารมาก ฉันคิดว่าพวกเขาได้รับโทษเพียงพอแล้ว ใช่หรือไม่ใช่ว่าวางมือได้แล้ว?”

คำพูดของฉีฉี ทำให้การเคลื่อนไหวของมู่ยู่วฉีหยุดไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นเงยศีรษะขึ้น มองฉีฉีด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ถาม”เธอกินข้าวกับฉันก็เพื่อเรื่องนี้?”

“เดิมทีฉันไม่อยากกินข้าว ข้าวผัดไข่คุณหอมเกินไป อดทนไม่ไหว เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดวิสัยไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”

ได้ยินคำพูดของฉีฉี สีหน้าของมู่ยู่วฉีผ่อนคลาย

ฉีฉีแอบมองมู่ยู่วฉี ถามว่า”คุณ….คิดเห็นว่าอย่างไร?”

“ฉันเคยพูดแล้วว่าจะเอาพวกเขาออกจากนครปักกิ่ง ก็ต้องทำให้ได้แน่นอน”

“ถ้าหากพวกเขาไม่อยากไปจะทำอย่างไร?”

“ไม่มีทางเป็นไปได้”

“ทำไมจะต้องกำจัดให้สิ้นซาก พวกเขาถูกมหาวิทยาลัยไล่ออกแล้ว โทษอย่างนี้เพียงพอแล้ว”

“แต่ฉันรู้สึกว่าไม่พอ ให้คนอย่างนี้อยู่ในนครปักกิ่ง ฉันรู้สึกว่าอากาศถูกพวกเขาทำให้ด่างพร้อย”

มู่ยู่วฉีกำลังรู้สึกไม่คุ้มแทนฉีฉี เขาก็อยากกำจัดให้สิ้นซาก ไม่ให้พวกเขามีโอกาสมาทำร้ายฉีฉีอีก

แต่ฉีฉีรู้สึกว่าวิธีการของมู่ยู่วฉีน่าตลกมาก โต้ตอบกลับ”แต่ว่าในนครปักกิ่งมีคนที่แย่กว่าพวกเขา หรือว่าคุณก็อยากไล่พวกเขาไป? สรุปคุณเป็นนักธุรกิจหรือว่าตำรวจ?”

สายตาจ้องเขม็ง น้ำเสียงของมู่ยู่วฉีน่าสะพรึงกลัว ถาม”เธอพูดอะไร?”

ฉีฉีกระวนกระวาย เอ่ยปากพูด”ฉัน….ฉันหมายความว่าทำไมจะต้องเสียเวลากับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันด้วย มีเวลาทำเรื่องที่มีสาระไม่ดีเหรอ?ยกตัวอย่างเช่น อยู่เป็นเพื่อนฉันบ่อยๆ”

คำนี้พอพูด อีกนิดหนึ่งฉีฉีไม่กัดลิ้นตัวเองขาดแล้ว

พระเจ้า ข้ออ้างนี้ยังเน่าได้อีกนิดไหม!เมื่อกี้ตัวเองบ้าแล้วแน่ๆ ถึงพูดคำพูดที่น่าขนลุกออกมา

ฉีฉีรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก อยากจะหาที่เย็บติดเข้าไป

ทันใดนั้นมู่ยู่วฉีมีสีหน้าที่อบอุ่น มองฉีฉีด้วยสายตาหยาดเยิ้ม

“เธออยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนจริงๆ?”

เอ่อ……

พูดออกมาแล้ว ตัวเองก็ไม่สามารถที่จะหักหน้าตัวเอง ไม่มีวิธีแล้ว ฉีฉีจำใจต้องผงกศีรษะ

ได้รับคำตอบนี้ มู่ยู่วฉีพึงพอใจมาก เมื่อกี้กำลังกลัดกลุ้มใจก็หมดเกลี้ยงไป มองฉีฉีแล้วยกมุมปากขึ้น

“อยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอ เธอพูดตรงๆก็จบทำไมจะต้องใช้วิธีวกไปวนมา”

เวลานี้ ฉีฉียิ้มแห้งอย่างจนปัญญา พูดคำอื่นออกมาไม่ได้

“ในเมื่อเธอไม่อยากให้ฉันทำเรื่องไร้สาระมาก ฉันก็ฟังเธอ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปให้พวกเขาเกิดเองตายเองต่อสู้เพื่อตัวเอง”

เห็นได้ชัดว่ามู่ยู่วฉีเห็นด้วยแล้ว แต่ทำไมฉีฉีรู้สึกว่าเรื่องกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้นล่ะ?เธอทำให้มู่ยู่วฉีเข้าใจอะไรผิดแล้วใช่หรือไม่?

ไอ๋ เรื่องนี้ยุ่งกันไปใหญ่แล้วจริงๆ

ฉีฉีชำเลืองมอง ทันใดนั้นนิ้วมือของมู่ยู่วฉีถูกสายตาดึงดูดไป

“เฮ้ย นิ้วมือของคุณเป็นอะไร ได้รับบาดเจ็บ?”

ได้ยินคำพูดของฉีฉี มู่ยู่วฉีรีบเอามือวางไว้ที่อื่น น้ำเสียงไม่สบายใจ พูด”ไม่มีอะไร ไม่ระวังถูกบาด”

“ทายาหรือยัง?”

“อืม จัดการเรียบร้อยแล้ว วางใจเถอะ”

ฉีฉีผงกศีรษะไม่ได้พูดอะไรอีก

หลังจากเงียบสงบ บรรยากาศเปลี่ยนเป็นอึดอัดขึ้นมา มากจนกระทั่งมีความสับสนเล็กน้อย

มู่ยู่วฉีมองสายตาของฉีฉี ก็เปลี่ยนเป็นร้อนวูบวาบ เหมือนกับกำลังรออะไรอยู่

กลืนน้ำลายลงคอ ฉีฉีเงยศีรษะขึ้นยิ้มให้กับมู่ยู่วฉี พูดว่า”อย่างนั้น ฉันอิ่มแล้ว กลับห้องก่อนนะ คุณค่อยๆกิน”

พูดจบ ฉีฉีเหมือนกับหนี หมุนตัวรีบเดินกลับห้องอย่างรวดเร็ว

มองตามแผ่นหลังของฉีฉี มู่ยู่วฉีหรี่ตาลง

ชัดเจนมาก ฉีฉียังไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกตัวเอง แต่ไม่เป็นไร เขาสามารถทำให้ฉีฉียอมรับตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว

มู่ยู่วฉีลูบไล้ที่นิ้วมือ สายตายืนกรานดื้อรั้น

…………………..

ในมือกุมโทรศัพท์ สีหน้าของเซี่ยอันน่าสงสัยหนักมาก

เสี่ยวอวี้หลินเพิ่งจะอาบน้ำออกมา มองเห็นเซี่ยอันน่ามีเรื่องในใจคิดหนักนั่งลงบนโซฟา ก็เดินไปหาเธอ กอดเธอเบาๆถาม”คิดอะไร?”

“สองวันมานี้ฉันโทรหาฉีฉีกับชูวเสวีย ทำไมทั้งสองคนไม่มีใครรับสายเลยสักคน?”

เสี่ยวอวี้หลินใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่ศีรษะตัวเอง สับหลีกสายตาพูด”อาจจะยุ่งอยู่”

“ถึงจะยุ่งก็ไม่ถึงกับไม่รับสายโทรศัพท์เลยหรอกนะ”

“ฉันโทรหาหนานกงเจาหรือว่าเป็นมู่ยู่วฉีให้ บางทีพวกเขาอาจจะรู้อะไร”

“อย่างนั้นรีบโทรเถอะ ฉันรู้สึกเป็นห่วง”

“โอเค”

ในเวลาที่เซี่ยอันน่าจ้องมองอย่างกระตือรือร้นนั้น เสี่ยวอวี้หลินให้ความสำคัญโดยการโทรหาหนานกงเจากับมู่ยู่วฉี

การที่เซี่ยอันน่าติดต่อฉีฉีกับเย่ชูวเสวียไม่ได้ ต้องเป็นกลอุบายของมู่ยู่วฉีแน่นอน

และเวลานี้เสี่ยวอวี้หลินกำลังช่วยมู่ยู่วฉีปิดบัง ในเวลาที่ถามสถานการณ์ยังบอกเป็นนัยๆว่าเซี่ยอันน่านั่งอยู่ข้างกายตัวเอง

ฝ่ายตรงข้ามได้ยิน ก็เข้าใจความหมายของเสี่ยวอวี้หลิน พูดสิ่งที่ดูดีน่าเกรงขามเหล่านั้น ก็วางสายไป

“ถามชัดเจนหมดแล้ว “เสี่ยวอวี้หลินมองเซี่ยอันน่าอย่างจริงจัง พูด “ฉีฉีกำลังทบทวนบทเรียน เรียนจนฟ้ามืดสลัว ลืมชาร์จโทรศัพท์บ่อยๆ ก็ปิดเครื่องอัตโนมัติ ส่วนชูวเสวีย ก็กำลังยุ่งๆ มีหนานกงเจาอยู่เล่นเป็นเพื่อน เธอไม่ต้องเป็นห่วง”

ไม่ต้องเป็นห่วง? อย่างนั้นก็แปลกแล้ว

เซี่ยอันน่าหรี่ตาขึ้น พูดพึมพำ”คำพูดอย่างนี้……”

“เป็นอย่างไร เธอพอใจหรือยัง?”

“ไม่ น่าสงสัย”

เห็นเซี่ยอันน่าไม่เชื่อ เสี่ยวอวี้หลินร้องตะโกนอยู่ในใจ

“ทำไมยังเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันรู้สึกว่าสมเหตุสมผลมากแล้วนะ”

“ไม่สมเหตุสมผลสักนิดหนึ่ง ฉันรู้จักฉีฉีดี ก็ต่อให้เธอกำลังยุ่งอยู่ ก็ไม่มีทางที่จะลืมชาร์จแบตโทรศัพท์เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ส่วนชูวเสวียเธอชอบเล่นอย่างนี้ แต่เธอมีลำดับความสำคัญ เธอไม่มีทางให้คนข้างกายมากังวลใจกับเธออย่างแน่นอน โดยเธอก็ไม่มีทางปิดเครื่องให้คนตามหาเธอไม่เจอ”

เซี่ยอันน่าวิเคาระห์เหตุผลนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินไม่มีวิธีโต้แย้ง

คิดไปคิดมา เสี่ยวอวี้หลินพูด”แต่ว่าหนานกงเจากับมู่ยู่วฉีก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกพวกเรา นี่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับพวกเขา?”

เสี่ยวอวี้หลินพูดพร้อมกับยกมือขึ้นจับที่ไหล่ของเซี่ยอันน่า “โอเคแล้ว เธออย่าตื่นตระหนก สัปดาห์หน้าพวกเราก็กลับแล้ว เที่ยวให้สบายใจอีกไม่กี่วันเอง”

เซี่ยอันน่าขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะพูด”ไม่ ต้องมีปัญหาอะไรแน่นอน! ต้องเกิดอะไรขึ้นกับฉีฉีกับชูวเสวียแน่ๆ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้ฉันรู้!”

ไอ๋หยา คุณภรรยาทำไมยิ่งนานเข้ายิ่งฉลาด?จัดการยากแล้ว!

เห็นเซี่ยอันน่าเข้าใกล้ความจริงเรื่อยๆ เสี่ยวอวี้หลินร้อนใจเล็กน้อย

ในเวลาที่เสี่ยวอวี้หลินกำลังไม่รู้จะทำอย่างไรกับแผนการ ทันใดนั้นเซี่ยอันน่าไปนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์

“เมียจ๋า เธอกำลังทำอะไร?”

“ฉันกำลังจองตั๋วเครื่องบิน พรุ่งนี้จะกลับนครปักกิ่ง!”

เสี่ยวอวี้หลินรูม่านตาหดต้องการที่ขัดขวาง

แต่เซี่ยอันน่าเร็วกว่า กดปุ่มยืนยันเสร็จ หมุนตัวกลับมาพูดกับเสี่ยวอวี้หลิน “เรียบร้อย!พรุ่งนี้พวกเรากลับนครปักกิ่งกัน!”

ได้ยินคำนี้ สีหน้าของเสี่ยวอวี้หลินเต็มไปด้วยความผิดหวัง พูด”อา ต้องจบการฮันนีมูนก่อนเวลา? ฉันไม่เห็นด้วย ฉันยังอยากไปเที่ยวที่Firenzetนะ!”

“พวกเราเที่ยวมาหนึ่งเดือนแล้ว สมควรแก่การฮันนีมูนแล้ว คุณยังมีอะไรที่ไม่พึงพอใจ?อยากไปFirenze อย่างนั้นครั้งหน้าพวกเราก็ค่อยไป โอกาสมีเหลือเฟือ แต่พวกฉีฉี ฉันเป็นห่วงมาก ไม่ว่าอย่างไรต้องกลับไปดู ไม่อย่างนั้นนะใจของฉันก็คิดอยู่ตลอด”

“แต่ว่า….”

“ไม่มีแต่ ตั๋วจองเสร็จแล้ว พวกเรารีบพักผ่อนกัน พรุ่งนี้เช้าออกเดินทางแต่เช้า”

เสี่ยวอวี้หลินสีหน้ากล้ำกลืนมองเซี่ยอันน่า ถอนหายใจหนักๆ

ไอ๋ มู่ยู่วฉี ฉันพยายามยืดเวลาช่วยนายแล้ว ที่เหลือก็ต้องดูตัวนายเองแล้ว…..

ฮัดเช้ย——

มู่ยู่วฉีกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้อง จามออกมาอย่างกะทันหัน

ขยี้ที่บริเวณจมูก มู่ยู่วฉีรีบเร่งเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นออกมาจากห้องเตรียมตัวไปที่บริษัท

ด้านนอก เขามองเห็นเย่ชูวเสวียเดินเตร่ในห้อง ยังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นสูง ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“แกว่งไกวอะไรล่ะ”

เย่ชูวเสวียพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า “ฉันว่านะที่อยู่นายสัญญาณทำไมมันแย่ขนาดนี้ โทรศัพท์ของฉันไม่มีสัญญาณอีกแล้ว ใครติดต่อฉัน ไม่ได้รับเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”

มู่ยู่วฉีกระพิบตาเล็กน้อย พูด”จะมีใครติดต่อเธอ คิดเยอะจริงๆ”

เย่ชูวเสวียหันศีรษะกลับมาจ้องเขม็งใส่มู่ยู่วฉี พูดอย่างไม่พอใจ”พูดอะไร ฉันเวลาคนเจอคนก็รักถูกชะตา ดอกไม้เห็นดอกไม้ก็ยังบานเลย คนอยากจะนัดฉันมีเยอะโอเคไหม!”

“อย่างนั้นเธอก็ไปนัดพบสิ หน้าด้านอยู่ที่นี่ทำอะไร”

“อย่าคิดใช้การกระตุ้นพูดรุนแรงไล่ฉันไป ฉันก็อยากจะอยู่ที่นี่ ดูความสนุกครึกครื้นฟรีๆ”

คำพูดตรงไปตรงมาทำให้มู่ยู่วฉีกรอกตาขาวด้วยความหงุดหงิดใจร้อน

“เย่ชูวเสวีย เธอเป็นผู้หญิงที่ฉันเห็นว่าสอดรู้สอดเห็นที่สุด”

“สอดรู้สอดเห็นแล้วยังไง มีความครึกครื้นให้ดูก็พอแล้วไหม”

เย่ชูวเสวียทำเหมือนไม่ได้อะไร ยกโทรศัพท์ขึ้นหาสัญญาณต่อไป

และมู่ยู่วฉีก็ขับรถไปที่บริษัท

เลขาของมู่ยู่วฉีกำลังรายงานตารางงานในวันนี้ และพูดได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของมู่ยู่วฉีดังขึ้น

บอกใบ้ให้เลขาหยุดชั่วคราว มู่ยู่วฉีรับโทรศัพท์ น้ำเสียงเฉยเมย

“เวลานี้นายควรนอนหลับอย่างสนิท ทำไมถึงคิดจะโทรหาฉันได้?”

เสี่ยวอวี้หลินถอนหายใจหนักๆ พูด”ฉันกลุ้มใจแทนนายเลยนอนไม่หลับ”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เตรียมใจไว้หน่อยนะ พรุ่งนี้พวกฉันต้องเดินทางกลับนครปักกิ่งแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของมู่ยู่วฉีเปลี่ยน ถาม”ทำไมเร็วจัง?”

ได้ฟังคำพูดของมู่ยู่วฉีก็คือไม่ยินดีต้อนรับที่พวกเขากลับประเทศ

“ฉันว่าฉีฉีไม่ใช่ฟื้นฟูโอเคดีแล้วเหรอ? ทำไมนายยังต่อต้านคัดค้านขนาดนี้?”

มู่ยู่วฉีขมวดคิ้ว พูด”เธอฟื้นฟูแล้ว แต่พออันน่ากลับมาต้องให้ฉีฉีย้ายออกไปแน่นอน พอเป็นอย่างนี้ เวลาที่ฉันจะได้ใกล้ชิดกับเธอก็น้อยแล้ว”

มู่ยู่วฉีมีท่าทางปวดหัวทำให้เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้ว ถาม”คงไม่ใช่ว่านายยังจัดการฉีฉียังไม่เรียบร้อยหรอกนะ? ล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่งยังไม่เร่งรีบคว้าไว้”

เรื่องที่มู่ยู่วฉีสารภาพรักไม่ได้บอกคนอื่น แต่ทว่าเสี่ยวอวี้หลินอยู่มหาสมุทรที่ห่างกันไกลรู้เรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน นี่ทำให้สีหน้าของมู่ยู่วฉีดูไม่ได้

“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ใครบอกนาย?อ้อ ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นเย่ชูวเสวียปากมากนั่นแน่นอน!”

เสี่ยวอวี้หลินไม่ได้ปฏิเสธ เขาพูด”ไม่ช้าก็เร็วฉันก็ต้องรู้ รู้เร็วยังสามารถช่วยนายคิดหาหนทางได้”

ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของมู่ยู่วฉีทำให้เขาปฏิเสธเสี่ยวอวี้หลิน พูด”ไม่จำเป็น ฉันจัดการเองได้”

“ไอ๋ ถ้าหากนายจัดการได้จริง ก็ไม่นานหลายวันขนาดนี้หรอก ความถี่ที่เจอหน้ากับฉีฉีสามารถใช้มือเดียวคว้ามาได้แล้ว ”

เห็นเสี่ยวอวี้หลินรู้รายละเอียดปีกย่อยเหล่านี้อย่างชัดเจน มู่ยู่วฉีกำหมัดแน่น กัดฟันพูดว่า”ฉันว่าละเย่ชูวเสวียเด็กคนนี้ทำไมไม่กลับไป ที่แท้ก็ต้องการรายงานพวกนาย ทำการถ่ายทอดสด!ตัวเองรู้ก็ช่างเถอะ ยังต้องให้คนรู้ทั้งเมือง น่าเกลียดจริงๆ!”

เห็นมู่ยู่วฉีโกรธ เสี่ยวอวี้หลินหัวเราะ พูด “เธอไม่ได้ชั่วร้าย เพียงแค่ปากมากนิดหนึ่งเท่านั้นเอง”

“เชอะ ไม่ใช่เพียงแค่ปากมากนิดหนึ่งเท่านั้น!”

“ไอ๋หยา นายก็ไม่ปล่อยวาง ทุกคนคือเพื่อนของนาย ใครจะหัวเราะเยาะนายเหรอ? เพียงจะใช้แรงกายแรงใจช่วยนายเท่านั้น อีกอย่างคนเยอะความสามารถพละกำลังยิ่งมาก อาจจะมีใครครั้งแรกก็สามารถช่วยนายบรรลุจุดมุ่งหมายได้ล่ะ”

มู่ยู่วฉีหงุดหงิดเล็กน้อย พูด” ฉันบอกแล้ว ไม่ต้องการคนช่วย ฉันคนเดียวก็ทำได้!”

เห็นมู่ยู่วฉีหงุดหงิดมาก เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่พูดอะไรมากอีก “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ฉันบอกนายแล้ว นายวางแผนเอง ถ้าหากว่าต้องการฉันก็พูดมาตรงๆก็พอแล้ว”

“ฉันหวังว่านายจะดึงรั้งอันน่าไว้ได้ นายทำได้ไหม?”

เสี่ยวอวี้หลินยิ้มเจื่อนๆ พูด”อันนี้ไม่ได้ ถ้าหากว่าฉันพูดแทนนายอีก อันน่าสงสัยฉันแน่นอน ถึงเวลานั้นไม่เพียงช่วยนายไม่ได้ กลับจะมาพัวพันฉันเสียด้วยซ้ำ ไม่เป็นผลดีกับใครสักคน”

มู่ยู่วฉีขยี้ผมอย่างกลุ้มใจ พูด”ได้ ฉันรู้แล้ว เอาอย่างนี้ไปก่อนละกัน”

มู่ยู่วฉีวางสายเสร็จ พิงหลังลงที่เก้าอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความห่อเหี่ยว

ไอ๋ เจอหน้ากันทุกวัน ก็ไม่ได้ดึงดูดให้ฉีฉีสนใจได้ ถ้าหากว่าฉีฉีห่างจากข้างกายตัวเอง นี่ต้องรอจนถึงอีกนานกว่าจะเกิดหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจีบฉีฉีติด?

มู่ยู่วฉีอยู่ในยุทธศาสตร์สนามรักมาหลายปี ครั้งแรกที่รู้สึกได้ถึงใจสู้แต่แรงไม่ยอมเป็นใจ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset