วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 539 ติดสินบนรุ่นพี่

ฉีฉียิ้มลูบหัวแล้วพูดว่า:“ ไม่นะ ฉันโทรศัพท์หาเพื่อน และอีกอย่าง ฉันก็ยังไม่มีแฟน”

“งั้นคนที่ให้ขนมคุณในวันนั้น ไม่ใช่แฟนของคุณเหรอ ?”

ฉีฉีตกตะลึง จากนั้นโบกมือและพูดว่า:“ คุณพูดถึงมู่ยู่วฉีเหรอ ไม่ใช่ เขา…..ก็แค่เป็นเพื่อนคนหนึ่งของฉัน”

“มองออกนะ เพื่อนของคุณคนนี้มีใจให้กับคุณ เห็นได้ชัดว่าเขามีอิทธิพล แต่ก็ยังแอบเอาขนมมาส่งให้คุณ ผมเดา ด้วยฐานะของเขา เพียงแค่เขาพูดออกมาประโยคเดียวก็คงทำให้อาจารย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเปิดร้านอาหารเล็กให้คุณ”

คำพูดของรุ่นพี่ทำให้ฉีฉีแสดงท่าทางที่รู้สึกสับสน

“รุ่นพี่คุณรู้ได้ยังไง………”

“ในคืนนั้นมีรถหรูจอดอยู่ข้างนอก และในตอนนั้นเอง ก็มีคนส่งของให้กับคุณ ถ้าคุณคิดดีๆ คุณก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

เป็นแบบนี้นี่เอง

ฉีฉีก้มศีรษะลงและพูดว่า เขาน่ะ เห็นฉันเรียนหนักเกินไป เลยอยากช่วยฉัน แต่คุณสมบัติของฉันมีขีดจำกัด ถึงแม้ว่าจะเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถเคาะหัวสมองของฉันได้ มันจะทำให้พวกเขาโกรธจนรู้สึกสงสัยในชีวิตเลยล่ะ

“โอ้ คุณอย่าพูดถึงตัวเองแบบนี้ ผมดูคะแนนเปรียบเทียบของคุณแล้ว เมื่อเทียบกับตอนที่คุณกำลังเข้ามา มันดีขึ้นมากเลย คุณยังมีศักยภาพ ตั้งสติให้ดี มันจะกระตุ้นศักยภาพในตัวคุณอย่างแน่นอน และผลลัพธ์สุดท้าย จะต้องทำให้คุณประหลาดใจอย่างแน่นอน”

ไม่ว่าสิ่งที่รุ่นพี่พูดจะจริงหรือเท็จ อย่างไรก็ตามฉีฉีก็ยังเชื่ออยู่ดี และเธอก็ยังรู้สึกตื่นเต้นในใจเล็กน้อย

ฉีฉีเหล่ตายิ้มและพูดว่า:“ ไอ่หยา รู่นพี่ คุณนี่ปลอบคนเก่งจริงๆเลย”

เรื่องตลกของฉีฉี ทำให้รุ่นพี่จริงจังขึ้นมาและพูดว่า:“ ผมเป็นครูสอนพิเศษ ไม่ใช่ครู่จิตวิทยา ผมจะช่วยนักเรียนวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของตัวเอง ถ้าหากไม่มีเหตุผล ผมก็จะไม่พูดออกมา คุณเป็นคนที่เก่งมาก แต่แค่ตัวคุณเองยังมองไม่เห็นก็เท่านั้น ดังนั้น คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองหน่อย แล้วคุณจะดีขึ้นมาก”

ความจริงจังของรุ่นพี่ ทำให้ฉีฉีไม่สามารถยิ้มได้ และตกใจจากก้นบึ้งของหัวใจ

“ขอบคุณค่ะ” ฉีฉีหยุดลง จากนั้นก็หยิบเต้าหู้แห้งในกระเป๋าออกมา ยัดใส่ในมือผู้อาวุโสและพูดว่า“ อันนี้ ให้คุณ !”

เดิมทีรุ่นพี่เป็นคนจริงจังมาก เมื่อเห็นของที่ฉีฉียัดใส่มือตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“นักเรียนฉีฉี คุณกลัวว่าจะไม่มีใครรู้ว่าคุณแอบเอาขนมเข้ามาเป็นการส่วนตัวเหรอ ?”

“แต่ ฉันก็แค่เอาขนมให้คุณเท่านั้นเอง”

“อืม ยังมีวิธีอื่นที่คุณสามารถทำได้”

“อะไรคะ ?”

“หลังจากเลิกทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองในภาคค่ำแล้ว ยังมีเวลาเหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมง ผมสามารถใช้ช่วงเวลานั้น ช่วยคุณหาข้อบกพร่องได้”

หลังจากที่ได้ยินสิ่งนี้ ฉีฉีก็พยักหน้าก่อน จากนั้นก็ส่ายหัว

“ทำไม คุณไม่เห็นด้วย ?”

ฉีฉีเต็มไปด้วยความงงงวย จึงถามว่า:“ รุ่นพี่ นี่คุณช่วยฉัน หรือว่าฉันช่วยคุณ ?”

“คุณเป็นนักเรียนของที่นี่ คุณมีคะแนนที่ดี ก็เป็นเครดิตของผม และเป็นความภาคภูมิใจด้วย”

“แต่ว่า………”

“เอาแบบนี้แล้วกัน คุณก็รู้ว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วคุณยังมีข้อบกพร่อง เพื่อไม่ให้โรงเรียนของคุณขายหน้า คุณต้องขยันมากกว่านี้นะ”

การกระทำที่ใส่ใจของรุ่นพี่ ทำให้ฉีฉีซาบซึ้งมาก

เมื่อคิดถึงประสบการณ์ต่างๆมากมายที่สัมผัสมา ฉีฉีก็ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า:“ ถ้าหากว่าในโรงเรียนนีฉันเจอนักเรียน ที่ใจดีเหมือนกับคุณแบบนี้ก็คงดี………”

“คุณพูดอะไร ?”

ฉีฉีรีบโบกมืออย่างรีบร้อน ยิ้มและพูดว่า:“ อ่อ ไม่มีอะไร ฉันบอกว่า เมื่อฉันสอบเข้าปริญญาโทได้สำเร็จ ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณแน่นอน”

“ผมจะจำคำพูดนี้ไว้นะ ผมจะกินซุปหม้อไฟน้ำใสที่ร้านตรงข้ามโรงเรียน”

“ไม่ต้องห่วง เตรียมตัวกินเนื้อให้อิ่มได้เลย !”

ฉีฉียิ้ม ดวงตาของเธอคดเคี้ยวเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยวในตอนกลางคืน ทำให้คนที่เห็น ก็อยากจะยิ้มให้กับเธอ

……

อย่ามองว่าปกติรุ่นพี่เป็นคนอ่อนโยน แต่เวลาติวการสอบ เขาเข้มงวดมาก ถ้าหากว่าทำแบบลวกๆคุณจะโดนตำหนิแน่นอน

ดังนั้นเมื่อเรียนกับรุ่นพี่ ฉีฉีจะตัวสั่น และระมัดระวังอยู่เสมอ ในระยะเวลาครึ่งชั่วโมงสั้นๆนั้น เขาเก็บทุกรายละเอียด แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็จริงจัง

ถึงแม้ว่ามันจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็มีประสิทธิภาพมาก บวกกับความเข้มงวดของอาจารย์ ทำให้ฉีฉีเข้าใจได้เร็วขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเธอ ทำให้เธอเปลี่ยนไปในสายตาของคนอื่น

เธอรีบกลับหอพักก่อนไฟจะปิด ฉีฉีเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

นักเรียนหญิงคนๆอื่น เมื่อเห็นฉีฉี สีหน้าก็เต็มไปด้วยการล้อเลียนเธอ

“ฉีฉี กลับมาจากการทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองแล้วเหรอ ?”

“อ่า”

ฉีฉีตอบกลับไปอย่างอ่อนแรง จากนั้นก็วางกระเป๋าหนังสือไว้ที่โต๊ะ ร่างกายขี้เกียจจนแทบไม่อยากขยับตัว

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งชะโงกหน้ามา ถามกึ่งจริงกึ่งเท็จว่า ::“ไอ่ รุ่นพี่ที่สุดหล่อคนนั้นโดนเธอแย่งไปแล้ว ทำให้คนไม่พอใจจริงๆ”

อีกคนก็พูดออกมาด้วยความเสียใจเช่นเดียวกันว่า:“ ใช่แล้ว ฉันยังคิดอยู่เลยว่าถ้าสอบเสร็จแล้ว จะนัดเขาไปดื่มกาแฟ ตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว”

ฉีฉีขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ทั้งสองคนและถามว่า:“ พวกเธอพูดถึงอะไร”

“ไอ่หยา เธออย่าเสแสร้งเลย รุ่นพี่สนใจเธอ พวกเราต่างก็รู้ดี”

เมื่อฉีฉีได้ยินเช่นนี้ ก็รีบปฎิเสธอย่างชอบธรรมโดยทันที:“ พูดบ้าอะไรกัน รุ่นพี่จะสนใจฉันได้อย่างไรกัน”

“ถ้าหากว่าเขาไม่สนใจเธอ ทำไมถึงสอนพิเศษให้เธอทุกวันล่ะ และยังเป็นการสอนแบบตัวต่อตัวอีก ?”

“นั่นเป็นเพราะว่าพวกเราเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกัน”

“งั้นฉันกับเขาก็เป็นเพื่อนบ้านเก่ากันนะ ก็ไม่เห็นว่าเขาจะดูแลฉันสักหน่อย คุณอย่าเล่นลิ้นหน่อยเลย อยู่ด้วยกันก็อยู่ด้วยกันสิ อายุในตอนนี้ก็สามารถมีความรักได้แล้ว”

“ใช่แล้ว อีกอย่างรุ่นพี่ก็ไม่เลวเลย ทั้งหล่อ ทั้งมีความสามารถ อย่ามองว่าตอนนี้เขาเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ รอเขาเรียนจบ เขาจะต้องเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น เธอก็ได้ขึ้นสวรรค์เลยนะ”

“พูดอะไรน่ะ หรือว่าฉันจะเปลี่ยนเป็นดีเลิศไม่ได้เลยเหรอ ?” ฉีฉีส่ายหัวแล้วพูดว่า “เหอะ ไม่มีอะไรเลย เขาไม่ใช่แฟนของฉันจริงๆ พวกเราทั้งสองคนไม่ได้มีความหมายอย่างนั้นจริงๆ อีกอย่าง ฉันก็มีคนที่ชอบแล้ว !”

ฉีฉีเป็นกังวล เมื่อพูดออกไปแบบนี้ มันก็ทำให้ตัวเธอเองรู้สึกตกใจเช่นกัน

ที่แท้ ในจิตใต้สำนึกของงฉีฉีมีคนชอบอยู่นานแล้ว เพียงแต่เธอหลบเลี่ยง และปฎิเสธมาโดยตลอด

แต่ความรู้สึกในก้นบึ้งของจิตใจของเธอก็จะยังไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเธอไม่สนใจ เธอก็คงพูดมันออกมาแล้ว

และสิ่งนี้มันก็ทำให้ฉีฉีรู้สึกรำคาญ เธอไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ล่ะ ตัวเลขที่สูงน่าขยะแขยงนั่น คำศัพท์ที่ท่องไม่หมด คนที่ฟังการเมืองก็อยากนอนหลับ ตัวเองก็รอดอยู่สุขสบายดี ทำไมในใจของเธอเอง ถึงยังควบคุมไม่ได้ล่ะ ?

ฉีฉีกัดปาก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและหงุดหงิด

แต่เพื่อนร่วมมชั้นของเธอทั้งสองคนค่อนข้างสนใจและซุบซิบกันและถามว่า:“ ฮ่า เธอมีคนที่ชอบแล้วจริงเหรอ ? ใครล่ะ

ฉีฉีดูอึดอัด เธอก้มศีรษะและพึมพำว่า:“ ก็เป็นเพือนคนหนึ่ง แต่ฉันไม่ค่อยสนิทกับเขา !”

“เอ๊ะ ไม่สนิทแต่เธอก็ยังชอบเขา ?”อีกฝ่ายไม่ค่อยเชื่อและถามต่อว่า “เขายอดเยี่ยมกว่ารุ่นพี่อีกเหรอ ?”

ฉีฉีส่ายหัว และพูดว่า:“ ไม่ เขาไม่ยอดเยี่ยมเลยสักนิด เขาเจ้าชู้มาก ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี ความสำเร็จของเขาไม่ตรงกับตำแหน่งของเขาในตอนนี้ ถ้าหากว่าเปลี่ยนคนมาที่ตำแหน่งของเขา คนนั้นก็จะมีผลงานที่ดีกว่าเขา เขาสำหรับฉันแล้ว……ถึงแม้ว่ามีความรู้สึกที่ดี แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ดีนี้จะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน”

พวกผู้หญิงพูด “เห๋” แสดงท่าทีขยะแขยงและพูดว่า:“ คนแบบนี้ จะดีกว่ารุ่นพี่ไปได้อย่างไร ?”

ฉีฉียักไหล่และพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า:“ ฉันก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรเทียบได้ และก็บอกตัวเองว่าอย่าตกหลุมพลาง แต่ว่า ฉันก็ชอบเขาหนิ ไม่มีทางเลือก”

เมื่อเห็นการแสดงออกของฉีฉี ทั้งสองคนก็ไม่ได้ถามต่อ แต่มีคนหนึ่งพูดเบาๆว่า:“ เรื่องของความรู้สึกมันไม่มีเหตุผลหรอก แต่ว่าถ้าผู้ชายไม่เลว ผู้หญิงก็ไม่รักหรอก”

เป็นแบบนี้จริงๆเหรอ ?

ในความเป็นจริงฉีฉีมีคำตอบอยู่ภายในใจแล้ว ก็แค่ เธอปฎิเสธที่จะยอมรับก็เท่านั้น

ในตัวของมู่ยู่วฉีก็ยังมีข้อดีอยู่ แต่คนอื่นไม่มีไง บางทีข้อดีพวกนั้น อาจจะดึงดูดฉีฉี ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะใจเต้น

แต่ฉีฉีในปัจจุบันนี้ เหมือนกับนกกระจอกเทศ ไม่กล้าเผชิญกับใจของตัวเอง และก็ยังไม่ยอมรับว่ามู่ยู่วฉีนั้นดี

แต่ตอนนี้ฉีฉีก็แอบประหลาดใจ ผู้หญิงคนหนึ่งตบมือของเธอ และพูดว่า:“ อื้ม ถ้าพูดอย่างนี้ คนที่ส่งขนมให้เธอครั้งที่แล้วก็คือคนที่คุณชอบคนนั้น ?”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉีฉีเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจในทันทีและถามว่า:“ พวกเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันมีขนม ?”

“ขอร้องล่ะ ในหอพักมีกลิ่นของเนื้อวัวและมันฝรั่งทอด เธอคิดว่าพวกเราไม่ได้กลิ่นเหรอ ?”

พวกผู้หญิงดูทำอะไรไม่ถูก ทำให้ฉีฉีหน้าแดง ก้มหน้าและพูดว่า:“ งั้น ฉันยังมีอยู่หน่อย พวกเธอจะเอาไหม ?”

“เอาสิ อาหารในโรงอาหารจะทำให้ฉันแทบคลั่ง ฉันอยากจะทำเตาเล็กๆมาตั้งนานแล้ว”

“เฮ้ ถ้าหากว่าฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันจะต้องไปค้นหาที่กระเป๋าเธอแน่”

“รีบหน่อยรีบหน่อย อีกเดี๋ยไฟก็จะปิดแล้ว”

ฉีฉียิ้ม หันไปหยิบขนมในกระเป๋าออกมา และวางไว้บนโต๊ะ

เมื่อก่อนทุกครั้งฉันต้องแอบกิน ถึงแม้ว่าฉีฉีจะกิน แต่ก็กินได้ไม่ค่อยดี

แต่ตอนนี้ ทุกคนมานั่งอยู่ด้วยกัน สามารถลิ้มรสได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องแอบอีกต่อไป

แน่นอนว่า เป็นมนุษย์ก็ต้องแบ่งปัน แบบนี้ความสุขก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว

ผู้หญิงที่ชื่นชมรุ่นพี่มู่กำลังกินแล้วยิ้มอย่างมีชัยและพูดว่า:“ ฉันยังคิดว่า ขนมพวกนั้นเป็นของที่รุ่นพี่ส่งให้เธอซะอีก เห้อ ไม่ใช่ก็ดีไป ถ้างั้นก็แสดงว่าฉันยังมีโอกาสอยู่ ฮ่าฮ่า”

“มองว่าเธอสวย ราวกับกำลังโสดอยู่ เธอก็จะยังมีโอกาสอยู่นะ”

“ฉันมีโอกาสสิ ตราบใดที่ยังมีความหวัง ฉันก็จะใช้ความพยายามให้หมด ไม่ช้าก็เร็วฉันจะจับรุ่นพี่และเป็นอาจารย์แม่ของพวกเธอ !”

“ถ้าหากเธอเอาความกระตือรือร้นนี่มาไว้กับการเรียน การจำลองการสอบของเธอในครั้งนี้ก็คงจะไม่เลวร้ายแบบนี้”

“เกลียด ”อะไรคุณก็ไม่พูดทำไมถึงต้องมาพูดเรื่องนี้ !”

เมื่อเห็นพวกเธอหัวเราะเสียงดัง ฉีฉีรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างโชคดี เพื่อนใหม่ที่มาที่นี่ล้วนเป็นคนมองโลกในแง่ดีและคิดบวก ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นกับตัวเอง หากปราศจากพลังด้านลบพวกนี้ เธอก็คงจะร่าเริงมากกว่านี้

เพียงแต่……

ปากคำลังเคี้ยวมันฝรั่งทอด และฉีฉีก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงชายผู้ครอบงำคนนั้น ในใจก็รู้สึกสูญเสียเล็กน้อย

เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย สองวันหลังจากนี้ฉีฉีจึงไม่ได้ไปหารุ่นพี่

ตอนนี้มีข่าวลือเกิดขึ้นมาแล้ว ฉีฉีรู้สึกว่าตัวเองควรเว้นระยะห่างกับรุ่นพี่ เพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิด และสร้างความเดือดร้อนให้กับรุ่นพี่

ฉีฉีต้องแยกแยะความสัมพันธ์ระหว่างสองคน แต่ก็มีบางคนไม่เห็นคุณค่า

หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ฉีฉีก็จะงีบหลับสักพัก หลังจากตื่นแล้วค่อยท่องคำศัพท์ต่อ

แต่เมื่อเดินออกจากโรงอาหาร เธอก็เจอกับรุ่นพี่

ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นบรรยากาศต้องอึดอัดมากแน่ๆ

“สองวันนี้ ทำไมถึงไม่มาเรียน ?”

น้ำเสียงของรุ่นพี่เรียบสงบ ไม่ได้ยินถึงความสุขหรือทุกข์ ราวกับว่ากำลังคุยอยู่กับอากาศ

ฉีฉีเกาศีรษะ เธอก้มศีษะลงและพูดว่า:“ ฉันคิดว่า ฉันทบทวนอยู่ในห้องนอนก็โอเคดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องรบกวนคุณแล้ว”

“คุณไม่สามารถเพียงเพราะคะแนนของคุณเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ก็จะวางใจแล้ว คุณต้องพยายามขยันต่อไป”

“ฉันจะทำ”

“ถ้างั้นคืนนี้เจอกันที่เดิม ไม่เจอไม่แยกย้าย”

เอ๊ะ ?

ฉีฉีรู้สึกว่าถ้าตัวเองปฎิเสธไปอย่างชัดเจนแล้ว รุ่นพี่ก็อาจจะโกรธได้ และอาจจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ดี แต่ไม่ว่ายังไง ก็ไม่ควรเรียนเสริมให้กับเธออีกต่อไปได้แล้ว

ฉีฉีกระพริบตาและพูดว่า:“ รุ่นพี่………..”

“มีเรื่องอะไร ?”

หลังจากลังเล ฉีฉีก็ตัดสินใจอธิบายกับรุ่นพี่ว่า ตามจริงเรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา และรุ่นพี่มีสิทธิ์ที่จะรู้

หลังจากหายใจเข้าลึกๆ ฉีฉีก็รวบรวมความกล้า ขมวดคิ้วและพูดว่า:“ เพราะว่าคุณสอนพิเศษให้กับฉัน มันจึงมีข่าวลือ ฉันรู้สึกว่าสถานการณ์แบบนี้ ไม่เหมาะสมที่จะเรียนพิเศษอีกต่อไป”

“ข่าวลืออะไร ?”

“ก็คือ…….ก็คือ…….”

ไอ่หยา ฉีฉีรู้สึกพูดออกมา

รุ่นพี่ดีขนาดนั้น และฉันก็เป็นเพียงผักเล็กๆ มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคุณ มันราวกับว่าจะทำให้รุ่นพี่เสื่อมเสีย

ฉีฉีพูดอะไรไม่ออก รุ่นพี่เลยพูดแทนเธอว่า:“ พวกเขาคิดว่าผมชอบคุณ ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉีฉีก็ยิ้มอย่างเขินอายและโบกมือและพูดว่า:“ แน่นอนสิ นั่นเป็นเรื่องไร้สาระที่พวกเขาพูดกัน คุณจะ…………”

“แต่ผมก็ชอบคุณจริงนะ”

ยังไม่ทันที่ฉีฉีจะพูดจบ รุ่นพี่ก็พูดความในใจออกมาอย่างตรงไปตรงมา

สิ่งนี้ทำให้ฉีฉีแทบบ้า

“อะไรนะ ?”

“คุณน่ารักขนาดนี้ ชอบคุณก็ไม่ผิดหรอก และอีกอย่าง ในฐานะนักเรียนของผม ถ้าหากว่าผมไม่ชอบ รักพวกคุณ ผมจะช่วยพวกคุณจากก้นบึ้งของหัวใจได้อย่างไร ?”

“รุ่นพี่……….”

ความใจกว้างที่รุ่นพี่พูดออกมา ทำให้ฉีฉีรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

ฉีฉีก้มศีรษะและพูดว่า:“ ขอโทษค่ะ ฉันผิดเอง”

“เธอน่ะ อย่าคิดอะไรไร้สาระเลย คนอื่นจะพูดอย่างไร พวกเราไม่สามารถหยุดมันได้ ตราบใดที่มีจิตสำนึกที่ชัดเจน เธอคิดว่าคนอื่นเข้าใจผิดกับควาสัมพันธ์ของพวกเรา คุณถึงเริ่มที่จะหลีกเลี่ยง และเพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย คุณเลยไม่สนใจ และให้ข่าวลือค่อยๆหายไปใช่ไหม ”

“พูดเหตุผลได้เข้าท่าเหมือนกัน”

“ทุกอย่างจะต้องราบรื่นขึ้น ขอแค่ในใจคุณยังมั่นคง ก็ไม่มีใครสามารถมาทำอะไรคุณได้”

หลังจากฟังคำพูดของรุ่นพี่ ฉีฉีก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

เมื่อเห็นการแสดงออกที่เศร้าของฉีฉี รุ่นพี่จึงถามว่า:“ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ?”

เมื่อคิดย้อนไปถึงช่วงเวลาเดือนแห่งความมืดมิดนั้น แววตาของฉีฉีก็สั่นไหวและพูดว่า:“ ถ้าหากฉันรู้จักกับคุณเร็วกว่านี้สักนิดก็คงจะดี ฉันเชื่อว่าในตอนที่ฉันลังเล คุณจะต้องให้คำแนะนำฉันและให้ความช่วยเหลือฉันอย่างถูกต้องแน่นอน ฉันก็คงจะไม่ต้องเดินอ้อมไปแบบนั้น ก็คงไม่…….”

ฉีฉีส่ายหัวอย่างกะทันหัน ทิ้งอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้และพูดว่า:“ ช่างเถอะช่างเถอะ มันก็ผ่านไปแล้ว ไม่พูดแล้ว”

รุ่นพี่เงียบไปครู่หนึ่งด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อยและพูดว่า:“ ดูเหมือนว่า คุณก็เคยผ่านเรื่องที่ไม่ดีมาเหมือนกัน”

“การเติบโตหน่ะ มันจะราบรื่นไปได้ยังไง”

“มันยากที่จะจินตนาการจริงๆว่า คำพูดที่ลึกซึ้งแบบนี้จะออกมาจากปากของคุณ”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset