วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 546 แปลกและแตกต่าง

ซีซีจ้องมู่ยู่วฉีตาถลึง และคิดหาข้อแก้ตัวต่อ

พ่อแม่ของซีซีตกใจชั่วขณะหนึ่ง และถามต่อว่า “อะไรนะซีซี ลูกไม่สบายเหรอ?”

สีหน้าซีซีไม่สู้ดีนัก ตอบกลับว่า “ก็แค่ไม่สบายเล็กๆน้อยๆ ท้องเสียอะไรแบบนี้”

“งั้นมันจะเท่าไหร่กัน แค่คืนเงินเขาก็ได้แล้ว ต้องกลับบ้านมาเอาเงินด้วยเหรอ?”

“เงินไม่เยอะหรอกครับ พอดีกับเงินที่ขายห้องนี้ได้”

คำพูดนี้ ทำเอาคนอื่นๆหน้าซีด

รุ่นพี่ขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณอย่าเว่อร์!”

“คนที่อยู่ในสังคมระดับล่างแบบนาย คงไม่รู้หรอกว่าค่าห้องโรงพยาบาลไฮคลาสราคาคืนละเท่าไหร่ จ้างนักเชี่ยวชาญมาจากทั่วทุกมุมโลก ต้องจ่ายเงินเยอะมากอยู่แล้ว”

โดนคนฟาดหน้าด้วยเงินแบบนี้ แถมคนนั้นยังเป็นมู่ยู่วฉีอีก ซีซีหน้าแดงก่ำ พูดว่า “ไม่ใช่แค่ติดหนี้เหรอ ฉันคืนก็จบแล้วใช่ไหม!”

มู่ยู่วฉีส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้เธอคืนเงิน ฉันแค่อยากให้เธอเป็นคนนำทาง พาฉันเดินสำรวจดูรอบๆ จากนั้นกายกัน”

ซีซีฮึดฮัด จากนั้นผลักประตู

“นำทางบ้าบออะไร นายรีบออกไปเลย ถ้ายังไม่ไปฉันจะแจ้งตำรวจ”

“ได้ ตำรวจมาก็ดี จะได้ทำอะไรให้มันถูกต้อง ใช้บ้านเธอเป็นของจำนอง”

“นาย….”

“เอาล่ะ หยุดได้แล้ว!”

พ่อของซีซีไม่อยากเห็นลูกสาวฉุดๆดึงๆกับชายแปลกหน้า กล่าวขัดขึ้น

จากนั้นตัดสินใจว่า “ก็ได้ ไหนๆคนที่มาก็คือแขก อยากจะอยยู่เที่ยวเล่นที่นี่ใช่ไหม งั้นก็หาที่ให้พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยเตรียมแผนการ”

“คุณลุงเยี่ยมที่สุดเลยครับ”

จากนั้นมู่ยู่วฉีก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนดู

ซีซีที่ไม่อยากทนเห็นหน้าเขาอีกสักวินาทีเดียว ก็พูดขึ้นว่า “ทำไมนายยังไม่ไปอีก?”

มู่ยู่วฉีไม่ได้เงยหน้า และตอบกลับว่า “ฉันเห็นตึกข้างๆติดประกาศขายอยู่ เมื่อกี้ฉันให้ผู้ช่วยซื้อแล้ว พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วนะ”

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่ง

รอยยิ้มของเขาช่างกวนบาทาเหลือเกิน ซีซีทนไม่ไหว เดินไปจับหน้าเขา

“มู่ยู่วฉี นายจะเกินไปแล้วนะ!”

ซีซีกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธจัด

แต่มู่ยู่วฉีไม่ได้สะทกสะท้าน กลับพูดต่อว่า “ฉันอยู่คนเดียว ทำกับข้าวก็ไม่เป็น ต่อไปคงค้องมารบกวนที่นี่แล้วล่ะ”

“มีปัญญาซื้อบ้านได้ทั้งหลัง แต่ไม่มีปัญญาจ้างคนมาทำกับข้าวให้เหรอ?”

“ที่นั่นไม่อบอุ่นเหมือนบ้าน”

“นี่มันความอบอุ่นของบ้านฉัน เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ!”

“ใครบอกว่าไม่เกี่ยวกับฉัน มีความเป็นไปได้มากว่า ต่อไปอาอจจะเป็นของ….”

มู่ยู่วฉีจงใจไม่พูดคำต่อไปออกมา แต่ใครๆก็รู้ว่าเขากำลังกวนประสาทซีซีอยู่

ไอ้บ้าเอ้ย!

ซีซีมองไปรอบๆ เหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่

เมื่อมู่ยู่วฉีเห็นดังนั้น ก็เดินออกไป เมื่อถึงหน้าประตูก็หันหลังมาบอกคนในห้องว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน มีเรื่องอะไรค่อยพูดกันอีกที”

“พูดบ้าอะไรของนาย!”

พูดจบ ซีซีก็จับขวดปาใส่ประตู

เพล้ง!

ถึงแม้ว่าประตูจะถูกปิดแล้ว แต่ซีซียังเอาแต่จ้องประตูนั้นจนแทบจะทะลุ

“ซีซี ตกลงลูกกับคุณชายเสี่ยวเป็นอะไรกัน?”

แม่ถามขึ้น ทำให้ซีซีตกใจนิดหน่อย

จากนั้นค่อยๆหันไปตอบว่า “ไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ”

“ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ลูกไม่สบายแล้วเขาพาโรงพยาบาล?”

คำถามของแม่ซีซี ดูเหมือนไม่เชื่อ

“เอ่อ ตอนนั้นฉันทำงานอยู่ร้านขนม เขาเป็นญาติกับเจ้าของร้าน เลยรู้จักกัน ต่อมาฉันเข้าโรงพยาบาล เขามาช่วยเหลือฉันยังขอบคุณเขาอยู่เลย คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เขาจะมาเล่นลิ้น”

ซีซีพูดจาดูแปลกๆ ทำให้พ่อกับแม่รู้สึกสงสัย

“เขามีเงินขนาดนั้น จะสนใจเงินเล็กๆน้อยๆของลูกเหรอ? เขาตั้งใจมาถึงที่นี่ พ่อคิดว่าต้องไม่ปกติแน่”

ไม่ปกติแน่นอน แต่ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าเขามาทำไม กลัวว่าพ่อกับแม่จะถือมีดไปแทงเขาน่ะซิ

ไม่ได้ๆๆๆ จะให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้

จากนั้นซีซีก็กำมือตัวเองแน่น ตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้เขาออกไปจากชีวิตเธอให้ได้

เธอสุดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นพูดว่า “มาแค่ไม่กี่วันเองไม่ใช่เหรอ หนูทนได้อยู่แล้ว ทำให้เขาพอใจ เขาก็ไปเอง พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ”

“แต่ว่า….”

“คุณลุงคุณป้า ผมก็จะช่วยซีซีด้วยครับ ไม่ให้ใครมารังแกเธอได้แน่นอน และถึงแม้เขาจะเป็นคนรวยล้นฟ้า แต่อย่างไรซะบ้านเมืองก็มีขื่อมีแปลครับ”

รุ่นพี่พูดขึ้น ทำให้พ่อกับแม่สบายใจบ้าง

“งั้นก็รบกวนด้วยนะ”

“ซีซีเป็นรุ่นน้องผม ช่วยเธอเป็นเรื่องสมควรทำอยู่แล้วครับ”

รุ่นพี่พูด พร้อมกับแอบส่งสายตาให้กำลังใจไปให้ซีซี

ได้รับการปลอบใจ ในสถานการณ์แบบนี้ ทำให้ซีซีรู้สึกอุ่นใจ

“รุ่นพี่คะ ขอบ…”

“ถ้าจะขอบคุณละก็ ไม่ต้องพูดเลย”

ซีซียิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ฉันจะพาพี่ไปเที่ยวแน่ๆค่ะ เที่ยวจนพี่ลืมไม่ลงเลย”

“โอเค ฉันจะรอ”

ขณะนั้นเอง มู่ยู่วฉีเดินถึงประตูทางเข้า ก็เจอกับเซี่ยอันน่ากับเสี่ยวอวี้หลิน

สีหน้าท่าทางของทั้งสองดูร้อนรน

และเมื่อพวกเขาเห็นมู่ยู่วฉีก็ถอนหายใจโล่งอก

มู่ยู่วฉีขมวดคิ้วงงและถามว่า “ทำไมยังไม่ไปกันอีก?”

เซี่ยอันน่าสูดหายใจเข้าก่อนจะถามว่า “มู่ยู่วฉี นายนั่งเครื่องมาเหรอ ทำไมเร็วแบบนี้?”

“พวกเธอมีวิธีของพวกเธอ ฉันก็มีทางของฉัน ตอนนี้ฉันกับซีซีเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ค่อยๆสานสัมพันธ์กันทุกวันๆ ฉันไม่เชื่อว่าซีซีจะไม่ใจสั่น!”

ท่าทางมั่นใจของเขา ทำเอาเซี่ยอันน่ากับเสี่ยวอวี้หลินเงียบไป

“นายเจอซีซีแล้ว?”

“เจอแล้วซิ”

“แล้วก็เจอ…รุ่นพี่แล้ว?”

เขาฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “เจอแล้วเหมือนกัน”

“งั้นพวกนายไม่ได้ต่อยกันใช่ไหม?”

“อยากปรองดองกับคนอื่น ทำไมต้องต่อยหรือทะเลาะกัน ฉันอยากให้ซีซีชอบฉันด้วยใจจริงไม่ใช่บั

คับ”

ทั้งสองไม่ได้ทะเลาะกันก็ดีแล้ว ไม่งั้นแย่แน่

แต่คนอย่างมู่ยู่วฉียอมให้มีคนอื่นมายุ่งวุ่นวายกับผู้หญิงของตัวเอง เป็นไปได้เหรอ?

อ่าใช่ เมื่อครู่ที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนบ้านกับซีซีแล้ว นี่หมายความว่าอย่างไร?

เซี่ยอันน่ากำลังจะถาม แต่มู่ยู่วฉีก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “ฉันซื้อบ้านที่อยู่ตรงข้ามบ้านของซีซี แบบนี้ฉันก็สามารถเป็นเพื่อนบ้านเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้เจอหน้าเธอทุกๆวัน แถมยังได้พิสูจน์ให้พ่อแม่เธอเห็นความสามารถของฉัน พวกท่านจะได้สบายใจและยกลูกสาวให้ฉัน”

เอ่อ คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? มั่นใจในตัวเองไปหน่อยหรือเปล่า?

ตามที่เซี่ยอันน่าคิดและเข้าใจพ่อกับแม่ของซีซี เซี่ยอันน่าคิดว่า พวกท่านน่าจะพยายามอยู่ให้ห่างมู่ยู่วฉี

รุ่นพี่น่าจะเข้าตาพวกท่านมากกว่า

“เฮ้ พวกเธอมีธุระไม่ใช่เหรอ รีบกลับไปซิ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวก็พอแล้ว”

เซี่ยอันน่าถามกลับว่า “แน่ใจเหรอ?” เธอคิดว่ากับไอ้แค่เรื่องพวกเขาแค่นี้ ฉันจะจัดการไม่ได้เหรอ?”

เขาพูดด้วยความมั่นใจ แจ่เซี่ยอันน่ากลับไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“หวังว่าอย่าหน้าแตกเพราะคำพูดตัวเองแล้วกัน”

“พวกเธอสบายใจได้ ครั้งนี้ ฉันต้องทำให้เธอกลับคืนมาให้ได้”

เซี่ยอันน่ากำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ผู้ช่วยของมู่ยู่วฉีก็ขับรถมาก่อน บนรถเต็มไปด้วยของใช้ ของกิน

ดูแล้ว เหมือนจะมาอยู่นาน

มู่ยู่วฉีกับผู้ช่วยกลับมาที่จัดของที่ห้อง การตั้งฐานทัพอยู่ตรงข้ามบ้านแบบนี้ เป็นการยั่วยุและค่อนข้างกวนประสาทมาก แล้วแบบนี้คิดว่าคนของบ้านซีซีจะยอมสานสัมพันธ์กับเขาง่ายๆเหรอ?กลัวว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้น ต่อไปน่าจะมีฉากอะไรน่ากลัวๆขึ้นน่ะซิ!

เซี่ยอันน่าพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าอย่างไร นายห้ามทำร้ายซีซี ไม่งั้นนายโดนแน่”

“ไว้ใจได้ ถ้าเขาทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ คงไม่ต้องรอถึงเธอ เขาต้องโดนฉันจัดการก่อนแน่”

เซี่ยอันน่าหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อว่า “ว่าแต่ ทำไมอยู่ๆนายถึงมั่นใจขนาดนี้ล่ะ”

“อาจจะ ฉันมองว่าฝั่งตรงข้ามเป็นแค่กระต่ายน้อยมั้ง”

กระต่ายน้อย?

เซี่ยอันน่าพูดเสียงเบาลงว่า “อย่าประเมินฝั่งนั้นต่ำไป ไม่งั้นนายอาจจะแพ้ได้”

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าพูดเหมือนดูถูกมู่ยู่วฉี เสี่ยวอวี้หลินจึงถามขึ้นว่า “ทำไมพูดแบบนั้น หรือว่าพ่อกับแม่ของซีซีพูดอะไรกับเธอ?”

“ฉันเคยเจอพวกท่าน พวกท่านแค่อยากจะใช้ชีวิตเรียบง่ายตามประสาคนแก่ และสำหรับพวกเขามู่ยู่วฉีค่อนข้างเป็นพวกคนรวย และฐานะแตกต่าง”

“หรืออาจจะพูดได้ว่า ยิ่งมู่ยู่วฉีจัดการปัญหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้พวกท่านรู้สึกไม่ชอบมากขึ้นเท่านั้น?”

“ถูกต้อง” เซี่ยอันน่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “กลับกันรุ่นพี่ ภูมิหลังของเขาก็ดี ดูแล้วก็ค่อนข้างเหมาะกับซีซี ในสายตาของพวกท่านแล้ว รุ่นนี่แหละนัมเบอร์วัน รอแค่ซีซีตกลงเห็นด้วย พวกท่านคงจะรีบไปขอรุ่นพี่ถึงบ้านเลย”

ได้ยินแบบนั้นเสี่ยวอวี้หลินก็ถอนหายใจออกมา และพูดว่า “ดูเหมือนความหวังของมู่ยู่วฉีจะริบหรี่”

“เพราะแบบนี้ฉันถึงได้พูด นายต้องค่อยๆชี้แนะแนวทางให้เขา อย่าให้เขาใช้วิธีที่ผิด ไม่งั้นยิ่งแย่”

เสี่ยวอวี้หลินพยักหน้า “เธอก็โทรถามซีซีดูว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ถึงพวกเราจะยื่นมือเข้าไปช่วยอะไรมากไม่ได้ แต่พวกเราคอยแนะนำเขาและคอยส่งข่าวได้บ้าง”

เซี่ยอันน่าตอบกลับว่า “เห้อ ตอนนี้คงทำได้แค่นี้แหละ”

พูดจบทั้งสองก็หันไปมองทางบ้านของซีซี  ……………….

เพราะว่าตอนเที่ยง พ่อกับแม่มีนัดข้างนอกแล้ว ทำไมวันนี้จึงมีแค่ซีซีกับรุ่นพี่อยู่กินอาหารกลางวันกันที่บ้าน

ซีซีทำอาหารอะไรไม่ได้มาก ทำได้แค่ผัดหมี่ซีอิ๊ว รูปร่างหน้าตาของอาหารค่อนข้างดำ และรสชาติธรรมดามาก

แต่เพราะรุ่นพี่เห็นแก่หน้าเธอ จึงทำท่ากินอย่างเอร็ดอร่อย

เมื่อเห็นท่าทีดังนั้น ซีซีก็โล่งใจและเริ่มกินผัดของตัวเอง

เธอลองกินด้วยตัวเองถึงได้รู้ว่ารสชาติอาหารธรรมดามาก แต่ทำไมรุ่นพี่ถึงกินได้อร่อยขนาดนั้น ลำบากแย่เลย

ซีซีวางตะเกียบลงและพูดว่า “รุ่นพี่ เราสั่งอาหารกันดีไหม?”

“ทำไมต้องสั่งอาหาร ผัดเส้นอันนี้ก็อร่อยจะตาย”

“อร่อยตรงไหนกันน เส้นก็แข็ง อย่ากินเลย”

พูดจบ ซีซีก็ยื่นมือไปหยิบถ้วยของรุ่นพี่

แต่รุ่นพี่ขวางเอาไว้ “อร่อยจะตาย จริงๆ บ้านพี่อยู่ทางใต้ ไม่ค่อยได้กินอาหารรสชาติแบบนี้ พี่ชอบมากๆเลย”

สีหน้าท่าทางของเขา ทำให้คนไม่สามารถสงสัยในคำพูดได้

แต่ซีซีรู้ว่าเขาเป็นคนดี เลยไม่อยากพูดจาทำลายความมั่นใจเธอ

ซีซียิ้ม ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมากินต่อ

ทั้งสองกินไปคุยไป บรรยากาศอบอุ่นมาก ผ่านไปไม่นาน หมี่ในชามก็หมดเกลี้ยง

ขณะที่เธอกำลังพักผ่อนอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังลั่น

ซีซีรีบเช็ดปาก จากนั้นก็วิ่งไปเปิดประตู

ไม่ทันไรเธอก็ใช้แรงปิดประตูอีกครั้ง ราวกับเห็นผียืนอยู่ข้างนอก

ตอนแรกมู่ยู่วฉียืนยิ้มแฉ่งอยู่ แต่เมื่อถูกซีซีปิดประตูกระแทกหน้า เขาก็เริ่มตะโกนอยู่ข้างนอกว่า “ซีซี  ภายในห้องเงียบ

หึ ได้ แกล้งตายใช่ไหม

มู่ยู่วฉียิ้มชั่วร้าย จากนั้นพูดต่อว่า “เธอไม่เปิด ฉันจะไปชั้นล่าง แล้วตะโกนให้ทุกคนรู้ความในใจของฉันให้หมดไปเลย!”

ไอ้บ้านี่!

ซีซีโกรธมาก รู้สึกว่าเขาไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

รุ่นพี่เห็นดังนั้น ก็เดินไปจับลูกบิด จากนั้นส่งสัญญานให้ซีซีไปยืนอยู่ข้างหลัง

เมื่อรุ่นพี่เปิดประตู และมองคนข้างนอกด้วยสายตาเย็นชา

ทางมู่ยู่วฉีก็คิดไม่ถึงว่ารุ่นพี่จะเป็นคนเปิดประตู เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นขรึมจากนั้นเบียดตัวเอง และเดินเข้าไปนั่งหน้าซีซี

มองเห็นถ้วยว่างเปล่าที่ตั้งอยู่ข้างหน้า มู่ยู่วฉีถามว่า “ฉันหิว มีอะไรกินไหม?”

“ไม่มี!”

“งั้นที่เขากินคืออะไร?”

ซีซีตอบกลับว่า “ผัดหมี่ซีอิ๊ว ถ้วยสุดท้าย”

“งั้นทำอีกถ้วยหนึ่งศิ”

ซีซีกัดฟันตอบกลับว่า “ไม่มีเส้นแล้ว”

มู่ยู่วฉีทำหน้าตาครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมา และพูดว่า “งั้นพวกเราไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตกัน ซื้อกระดูกหมูด้วย ฉันอยากกินกระดูกหมูน้ำแดง”

ซีซีจ้องเขาตาถลึงและพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “มู่ยู่วฉี นายขอมากเกินไปแล้ว!”

มู่ยู่วฉีหยักไหล่ และตอบกลับว่า “นี่เป็นสิ่วที่เธอควรทำไม่ใช่เหรอ?”

“นาย….”

ซีซีรู้สึกอยากจะเป็นบ้าตาย จากนั้นรุ่นพี่ก็มายืนหน้าด้านหน้าเธอและหันไปพูดกับมู่ยู่วฉีว่า “รังแกผู้หญิงแบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง”

มู่ยู่วฉียิ้มเยาะและตอบว่านี่มันหลักการอะไร!”

“เหตุการณ์ของฉันกับนายไม่เหมือนกัน”

“ตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน?”

“กับฉัน ซีซียอมและเต็มใจทำให้ แต่กับนายคือถูกบังคับ”

ประโยคนี้ทำเอามู่ยู่วฉีโกรธควันออกหู

“เหอะ อวดดี!”

“ฉันแค่พูดความจริง”

รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆซีซี ดูพวกเขาเข้ากันได้ดีแบบอธิบายไม่ถูก ทำเอามู่ยู่วฉีอยากจะต่อยคน

จากนั้นรุ่นพี่ก็หยิบเสื้อคลุมมา คลุมให้ซีซี และหันไปพูดกับมู่ยู่วฉีว่า “ถ้านายอยากอยู่ต่อ ก็อยู่ได้ตามสบาย ฉันกับซีซีจะออกไปเดินเล่นข้างนอก ขอตัวก่อน”

พูดจบ รุ่นพี่ก็เดินจูงแขนซีซีออกไปข้างนอก

มู่ยู่วฉียืนตัวแข็งทื่อ จากนั้นตะโกนลั่นว่า “ฉันไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็ไปไม่ได้!”

แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สนใจ ปล่อยให้เขาอยู่ในห้องคนเดียว

ได้ยินเสียงปิดประตู มู่ยู่วฉีหยิบถ้วยบนโต๊ะทั้งสองใบปาลงบนพื้นด้วยความโกรธ

และเตรียมจะวิ่งตามออกไป

แต่เมื่อกำลังจะวิ่งออกไป ก็ได้เหยียบเศษถ้วยที่ตกอยู่บนพื้น

มู่ยู่วฉีลังเลเล็กน้อย และก้มลงไปค่อยๆเก็บเศษพวกนั้นให้สะอาดก่อน ค่อยออกไป

เพราะเขารู้ดี ว่าพ่อแม่ของซีซีไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่

ถ้าพวกท่านรู้ว่าของที่บ้านถูกคนปาลงพื้นแตกกระจาย แล้วยังไม่เก็บทำความสะอาดอีก พวกท่านคงจะเกลียดเขาเข้ากระดูกดำแน่

เห้อ คิดไปคิดมาก็อยากจะร้อง คนอย่างมู่ยู่วฉียอมทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? อดทนทุ่มเทลำบากมามากขนาดนี้ แต่ยัยนั่นกลับมองไม่เห็นมันเลย อยากจะบ้าตายรายวันจริงๆ!

แต่ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้เขาจะต้องไล่ผู้ชายคนนั้นไปให้ได้ ซีซีต้องเป็นของมู่ยู่วฉีคนนี้คนเดียวว!

จากนั้นเขาก็รีบวิ่งตามไป

ขณะนั้นเอง ซีซีกับรุ่นพี่ได้เดินมาถึงป้ายรถประจำทาง

ซีซีเอาหน้าซุกในผ้าพันคอหนาๆ ท่าทางดูน่าสงสาร

เมื่อรุ่นพี่เห็นดังนั้นจึงถามขึ้นว่า “ถ้าเธอไม่อยากไป เรากลับกันเถอะ”

“ไม่เอา” ซีซีตอบทันควัน “กลับไปตอนนี้ก็ได้เจอกับตานั่นอีกแน่ ฉันไม่อยากเจอเขาค่ะ”

“เธอไม่อยากเจอเขาเพราะเกลียดที่เอาแต่วุ่นวายไม่เลิก หรือเพราะเธอกลัวว่าจะใจสั่นกับเขา??”

ซีซีอึ้งไปชั่วขณะ และรีบปฏิเสธว่า “ก็ต้องเป็นเกลียดที่เขาเอาแต่วุ่นวายไม่เลิกซิคะ ฉันจะต้องบ้าแค่ไหนที่จะใจเต้นกับเขา”

“แต่มู่ยู่วฉีก็เพอร์เฟ็คนะ ก็แค่ค่อนข้างเอาแต่ใจไม่ค่อยสนใจความรู้สึกคนอื่นเฉยๆ แต่พี่เห็นที่เขาทำกับเธอ ก็ไม่เลวนะ”

ซีซีกำมือแน่น สีหน้าดูไม่เก้กัง “ตรงไหนดีคะ เขาไม่เคยนึกถึงความคิดของคนอื่นเลย อะไรๆก็ต้องเอาตามเขาหมด! ถ้าวันไหนเขาขาดสติก็จะเป็นเหมือนวันนี้ ตามก่อกวนไม่เลิก!”

รุ่นพี่มองไปข้างหน้า จากนั้นพยักหน้า พูดว่า “ประโยคสุดท้าย พี่เห็นด้วย”

ซีซีเห็นเขาจ้องไปข้างหน้า ก็เลยหันหน้าไปดู

เมื่อกี้ที่ใจเริ่มสงบลงมาบ้างแล้ว กลับปรี๊ดขึ้นมาอีกรอบ

“ตายยากจริงๆ”

ข้างหน้า มองเห็นมู่ยู่วฉีนั่งอยู่ในรถ จากนั้นมองมาทางทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา

“ไปทักทายหน่อยไหม?”

“ไม่เอาค่ะ!”

“อยากไล่เขาไหม?”

“แน่นอนค่ะ”

รุ่นพี่พยักหน้ารับทราบ “งั้นพี่ช่วยเธอแล้วกัน”

พูดจบ รุ่นพี่ก็คว้ามือซีซีมาจับ

การกระทำของเขา ทำเอาซีซีถึงกับเงยหน้ามอง ด้วยความงุนงง

จากนั้นรุ่นพี่ก็อธิบายว่า “เธอไม่อยากตอบรับไม่ใช่เหรอ ถ้าเขารุ้ว่าใจเธอมีคนอื่นอยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะยอมแพ้ไปก็ได้”

ซีซีทำหน้าตารู้สึกผิด “แบบนี้เหมือนฉันกำลังใช้รุ่นพี่เป็นเครื่องมือบังหน้าเลยนะคะ ไม่ค่อยดีเลย”

“ไม่เป็นไร พี่เต็มใจ”

มองเห็นรอยยิ้มของรุ่นพี่ ซีซีก็รู้สึกละอายใจ “พี่ช่วยฉันไว้เยอะขนาดนี้ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นหนี้พี่เยอะมาก”

“ถ้าเธอคิดว่าติดค้างอะไรพี่ งั้นก็คิดดีๆว่าจะพาพี่ไปเที่ยวที่ไหน”

“งั้นก็ได้ค่ะ” ซีซีคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “หรือตอนนี้เราก็ไปกันเลย ฉันพาพี่ไปสวนสัตว์ ที่นั่นมีการแสดงสัตว์ด้วยสนุกมาก”

“เอาซิ”

ระหว่างนั้นเอง รถบัสก็มาถึง ทั้งสองยิ้มขำๆเดินขึ้นรถไป

แต่อีกฝั่งหนึ่ง ตาแทบจะลุกเป็นไฟ

บัดซบ ไอ้บ้านั่นกล้าดีอย่างไรมาจับมือซีซี!

ทั้งที่รู้ว่าทั้งสองจงใจให้เขาโกรธ แต่มู่ยู่วฉีก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยังคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

จากนั้นมู่ยู่วฉีก็ขับรถตามรถประจำทางไป และมาจอดที่หน้าสวนสัตว์แห่งหนึ่ง จากนั้นเห็นพวกเขาเดินเข้าไป

มู่ยู่วฉีคิดเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา

การแสดงสัตว์ที่นี่ขึ้นชื่อมากในประเทศนี้ ทำเอาทุกคนต่างก็พากันตะลึงและอึ้งกับความสามารถ

ซีซีรีบพารุ่นพี่เข้าไปจับจองที่นั่ง จากนั้นก็รอการแสดงเริ่ม

ประมาณห้านาที ก็มีนกแก้วสีเขียวมรกตบินวนรอบๆ ระหว่างนั้นก็มีเสียงดนตรีบรรเลงขึ้น

“เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว!”

ซีซีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมจะถ่ายรูป

รุ่นพี่เห็นท่าทีของเธอก็ยิ้มอย่างเอ็นดู

ซีซีไม่ได้พูดเว่อร์ไปจริงๆ การแสดงของที่นี่เยี่ยมมาก ทำเอาคนที่ได้ดูลืมไม่ลงเลยทีเดียว

การแสดงผ่านไปได้ครึ่งหนึ่งจากนั้นก็มีนกแก้วน้อยใหญ่และหลากสีบินเข้ามา ประมาณ 10 กว่าตัว

จากนั้นซีซีก็พูดขึ้นว่า “นกแก้วพวกนี้ฉลาดมากเลย พิธีกรบรรยายลักษณะของคนนั้น พวกเขาก็หาเจอจนได้ค่ะ”

“น่าจะไม่ได้เตี๊ยมกันไว้มั้ง”

“ไม่ได้เตี๊ยมแน่นอน อีกแปปพี่ก็จะเห็นค่ะ….ว้าว!”

ซีซียังพูดไม่จบ นกแก้วก็บินมาเกาะที่ไหล่เธอ

จากนั้นเงยหน้ามองรุ่นพี่และพูดว่า “ดูเหมือนวันนี้ฉันจะเป็นสาวผู้โชคดีคนนั้นค่ะ”

รุ่นพี่ยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ยินดีกับคุณผู้หญิงท่านนี้ด้วยนะครับ ที่เป็นโชคดีได้รับการเลือกจากนกแก้วของเราในวันนี้!”

ทุกๆคนปรบมือให้ ซีซีพยักหน้าและยิ้มรับ

“ไหนๆนกแก้วของเราก็ชอบคุณผู้หญิงท่านนี้แล้ว งั้นเรามอบของขวัญสุดพิเศษให้เธอดีกว่าครับ”

พูดจบ นกแก้วก็วางแหวนลงบนมือของซีซี

“ว้าว!”

แหวนนั่นดูดีมีราคามาก ทำเอาซีซีอึ้งไปเลย

คนข้างๆก็ตาร้อน และเรียกให้พิธีกรมอบแหวนให้อีกวง

จากนั้นซีซีก็ค่อยๆเดินไปที่เวทีลานแสดง

รุ่นพี่ไม่ได้พูดอะไร แต่เดินตามซีซีไปเงียบๆ

จากนั้นซีซีก็รีบกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง

เมื่อปลายสายรับ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ซีซีก็ตวาดลั่นว่า

“มู่ยู่วฉี นายออกมา!”

มู่ยู่วฉีสีหน้ายิ้มแย้ม และพูดว่า “ทำไมอดใจคิดถึงฉันไม่ไหวเหรอ?”

“อย่าไร้สาระ รีบออกมาแล้วเอาแหวนของนายคืนไปด้วย ฉันไม่อยากได้!”

“ไม่อยากได้ก็โยนทิ้งไป แค่เงินไม่เท่าไหร่”

“นาย….ไ

ซีซีโกรธจนไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร เธอคิดแค่ว่าเขาเป็นคนน่ารำคาญ สบัดยังไงก็ไม่หลุด!

รุ่นพี่ที่ยืนข้างๆ พูดขึ้นว่า

“ไหนๆแหวนวงนี้ก็ไม่่มีเจ้าของ งั้นเราเอาส่งให้ตำรวจเถอะ ให้พวกเขาตามหาเจ้าของ ส่วนพวกเรากลับไปดูการแสดงต่อดีกว่า”

ซีซีรีบพยักหน้า

มู่ยู่วฉีที่ได้ยินรุ่นพี่แนะนำ ทำให้เขายิ้มไม่ออก

“ซีซี เธอกล้าเหรอ!?”

ซีซียิ้มเยาะเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ทำไมฉันต้องไม่กล้าด้วย เอาล่ะๆ ไม่คุยกับนายละ ฉันยังต้องไปเที่ยวเล่นต่อ”

พูดจบ ซีซีก็กดวางสาย

มู่ยู่วฉียังโทรกลับไปอีกหลายต่อหลายสาย แต่ก็ถูกซีซีตัดสายใส่

สุดท้าย ซีซีก็ปิดเครื่อง

มู่ยู่วฉีโกรธมาก กำโทรศัพท์แน่น “แต่ก่อนเธอไม่เป็นแบบนี้ ต้องเป็นเพราะไอ้คนที่อยู่ข้างๆเธอเสี้ยมเธอแน่ ไม่ได้การณ์ละ ฉันจะยอมมันอีกไม่ได้แล้ว!”

…………………

ซีซีไม่มีกะจิตกะใจจะเที่ยวเล่นต่อ จึงตกลงกับรุ่นพี่ว่าจะกลับ

รุ่นพี่ไปส่งซีซีกลับบ้าน และถือโอกาสทักทายพ่อกับแม่ของเธอ

เมื่อพ่อกับแม่เห็นทั้งสองกลับมาด้วยกัน ก็ยิ้มและถามว่า “ไปเที่ยวที่ไหนกันมาลูก?”

“วันนี้หนูกับรุ่นพี่ไปเที่ยวสวนสัตว์กันค่ะ”

“อ่อๆไม่เลวเลย ได้กินข้าวข้างนอกกันมาไหมจ้ะ?”

“กินนิดหน่อยค่ะ แต่ถ้าแม่ทำกระดูกหมูน้ำแดง หนูอาจจะกินได้อีก”

แม่ของซีซีพูดต่อว่า “ยัยลูกคนนี้ กว่าจะผอมได้ขนาดนี้ อย่าตามใจปากจนกลับไปอ้วนอีกซิ”

ได้ยินคำที่แม่พูด ซีซีรู้สึกอยากจะร้องไห้

รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า “ถ้าเธออยากกินกระดูกหมูน้ำแดง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พาไปกิน”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนของรุ่นพี่ ทำเอาซีซีทำตัวไม่ถูก

“ไมเป็นไรค่ะ ฉันแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย”

แม่เห็นท่าทีของทั้งคู่ก็พูดขึ้นวว่า “ไอหยา อย่าเกรงใจซิ ลูกชอบกระดูกหมูน้ำแดงร้านจางจี้ไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ลองไปกินดูซิ”

ซีซีเห็นท่าทางของแม่ แล้วรู้สึกเซ็ง

“แม่ เมื่อกี้ไม่ได้รังเกียจว่าหนูจะอ้วนเหรอ แล้วทำไมตอนนี้อยากให้หนูไปกินอีกล่ะคะ?”

“ไอหยา แม่ก็แค่พูดล้อเล่น แม่เป็นแม่นะจะรังเกียจลูกตัวเองได้อย่างไรล่ะ”

ซีซีมองแม่อย่างเบื่อหน่าย และเมื่อหันไปทางพ่อ ก็เห็นท่านกำลังคุยโวอยู่กับรุ่นพี่

ตอนแรกพวกท่านยังไม่ค่อยกล้าคุยหรือถามเรื่องทางบ้านของเขาเลย

ตอนนี้พ่อกับแม่รู้และมองออก ว่ารุ่นพี่มาที่นี่บ่อยๆเพราะเหตุผลอะไร

ยิ่งพวกเขาถามไถ่ พวกเขายิ่งรู้สึกพอใจ

เด็กนี่ไม่เลวเลย ที่บ้านอบรมสั่งสอนมาดี เขาถึงได้เป็นคนอ้อมน้อมถ่อมตนแบบนี้

ยิ่งนั่งข้างๆซีซีแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าเข้ากันดีมาก

แต่กลับกัน ซีซีรู้สึกทำตัวไม่ถูกและอึดอัด

ซีซีพยายามแอบส่งสายตาบอกให้พ่อกับแม่หยุดถามหรือซักไซร้เขา แต่พ่อกับแม่เธอก็หาได้สนใจไม่ ยังคงถามต่อไม่หยุด

ซีซีไม่มีหนทางอื่น จึงถอนหายใจยาวๆ

จากนั้นมีคนมาเคาะประตู ซีซีลุกขึ้นและเดินไปหน้าประตู

เมื่อเธอเดินถึงหน้าประตู เธอแอบมองทางตาแมวแล้วเห็นว่าไม่ใช่มู่ยู่วฉี เธอก็ถอนหายใจโล่งอกออกมา

เมื่อเปิดประตู มีคนหนึ่งยืนยิ้มให้เธออย่างมารยาทดี และถามว่า “คุณผู้หญิงคือคุณซีซีใช่ไหมครับ?”

“อ่าใช่ค่ะ”

“สวัสดีครับ ทางเรามาส่งอาหารครับ รบกวนเซ็นรับด้วยครับ”

“ห๊ะ?” ซีซีทำสีหน้างงงวย “แต่ฉันไม่ได้สั่งนี่คะ”

“แต่ทางข้อมูลที่อยู่และผู้รับเป็นของคุณผู้หญิงครับ อีกอย่างยังชำระเงินเรียบร้อยแล้วด้วย ทานให้อร่อยนะครับ”

พูดจบ ชายคนนั้นก็พาเพื่อนยกกระเป๋าเก็บอุณหภูมิเดินเข้ามา และค่อยๆเปิดกล่องออก

กลิ่นอาหารเตะจมูกซีซี จนทำให้เธอน้ำลายไหล

กุ้งอบ!

ขาหมุตุ๋นน้ำแดง !

ปลาราดซอส !

…..

เมื่อจัดแจงอาหารเสร็จ ชายผู้นั้นก็โค้งคำนับและหันมาพูดกับซีซีว่า “เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ทานให้อร่อยนะครับ”

“พวกคุณมั่นใจนะคะ ว่าไม่ได้ส่งผิดที่?”

“ไม่ผิดครับ ที่นี่ 502 คุณคือคุณซีซีใช่ไหมครับ?”

ซีซีพยักหน้า จากนั้นก็นึกอะไรออก

จากนั้นซีซีก็ถามต่อว่า “คนจองอาหารใช้เบอร์อะไรเหรอคะ?”

เขายิ้มกระดาษใบหนึ่งออกมา และยื่นให้ “เบอร์นี้ครับ”

ซีซีเห็นเบอร์นั้น หน้าก็เปลี่ยนสี

มู่ยู่วฉีจริงๆด้วย!

จากนั้นเธอก็เดินตรงดิ่งไปทางบ้านของมู่ยู่วฉี

เมื่อถึงหน้าห้องก็เคาะประตูเสียงดังและพูดว่า “มู่ยู่วฉี นายทำบ้าอะไรของนาย!?”

มู่ยู่วฉีเดินมาเปิดประตูุ และถามว่า “มีอะไรเหรอ?”

“แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเหรอ นายรู้ดีว่าฉันหมายถึงอะไร รีบไปเอาของพวกนั้นออกจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!”

ซีซีพูดท่าทีโกรธจัด แต่ท่าทางของมู่ยู่วฉีก็ไม่ได้ร้อนรนอะไร เขาค่อยๆเดินไปที่บ้านของซีซี และกวาดสายตามองอาหาร

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset