วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 69 การทรยศที่แสนโหดร้าย

หนานกงเฮ่าหยิบโทรศัพท์ออกมา และรีบโทรออกอย่างรวดเร็ว แปปเดียวปลายสายก็รับ

” ฮัลโหล ? ใช่เฉียวซินโยวไหม ? ฉันคือหนานกงเฮ่า ”

เฉียวซินโยวที่นอนอยู่บนเตียง กระโดดลงจากเตียงด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคนที่โทรมา จากนั้นก็ตั้งสติรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเขา เธอรักษาท่าทีและพูดออกไปว่า ” หนานกง คุณโทรมาหาฉันมีธุระอะไร ? ”

” เธอพอมีเวลาไหม ? ฉันอยากเลี้ยงกาแฟคุณ “ หนานกงเฮ่าพูดพลางหมุนกุญแจรถในมือเล่นไปด้วย

” มีค่ะ !” เฉียวซินโยวตอบด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อเธอรู้สึกว่าเธอตื่นเต้นเกินไปจึงสงวนท่าทีและถามกลับไปด้วยเสียงเรียบว่า ” ร้านกาแฟที่ไหนคะ ? ”

” กุหลาบแดง “

……

ณ ร้านกาแฟกุหลาบแดง

เมื่อเฉียวซินโยวมาถึง หนานกงเฮ่าก็รออยู่ที่ร้านแล้ว หลังจากทั้งสองคนทักทายกัน หนานกงเฮ่าก็สั่งกาแฟไปสองแก้ว

เฉียวซินโยวมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ในใจเธอรู้สึกตื่นเต้น แต่พยายามรักษากิริยาท่าทางไว้ และถามออกไปเบาๆ ว่า “หนานกง คุณเรียกฉันมามีธุระอะไรรึเปล่า? ”

หนานกงเฮ่าจิบกาแฟพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้า เขาพูดเบาๆว่า ” คุณได้คะแนนสูง ดังนั้นฉันจึงอยากแสดงความยินดีกับคุณ ”

หลังจากได้ยินที่เขาพูด ใบหน้าที่สง่างามของเฉียวซินโยวเต็มไปด้วยความสุข และพูดว่า “ ขอบคุณค่ะ ”

เฉียวซินโยวรู้สึกภูมิใจมาก เธอรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่ทัศนคติของเย่ฉ่าวเฉินที่เปลี่ยนไป แม้แต่หนานกงเฮ่าที่อ่อนโยนก็ยังใส่ใจเธอ !

หนานกงเฮ่ามองเห็นชัยชนะในสายตาของเธออย่างชัดเจน เขาคิดอะไรในใจ และพูดออกมาว่า ” ซินโยว วันที่เธอแสดงผลงานได้เยี่ยมมาก ฉันว่าเธอเป็นนักออกแบบที่มีพรสวรรค์มาก แม้แต่เย่ฉ่าวเฉินยังชื่นชมเธอเลย !”

เฉียวซินโยวรู้สึกตกใจ เธอมีความสุขมากจนแทบจะตัวลอย เธอถามอย่างเริงร่าว่า ” ประธานเย่ก็ชื่นชมผลงานของฉันด้วยเหรอ ? ดีจังเลย !”

” ใช่สิ เขาบอกว่าคุณมีศักยภาพ คุณรู้ไหม ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะชมใคร แต่ฉันเห็นเขาชมเธอ !” ริมฝีปากของหนานกงเฮ่ากระตุกยิ้มเล็กน้อย และพูดอย่างใจเย็น

เย่ฉ่าวเฉินชื่นชมเธอ !!

เฉียวซินโยวยิ้มและพูดต่อไปว่า “ขอบคุณ คุณและคุณชายเย่สำหรับความคิดเห็นค่ะ “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากเลย ”

หนานกงเฮ่าก้มศีรษะลงและจิบกาแฟต่อ เขาซ่อนความรังเกียจเอาไว้ภายในตา ผลงานชิ้นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นของเวยเวย เฉียวซินโยวแอบอ้างผลงานของคนอื่น และยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นหน้าหนาขนาดไหน !

” อันที่จริงมันค่อนข้างจะบังเอิญ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันอยู่กับเย่ฉ่าวเฉิน และไปเห็นแบบร่างที่คล้ายกับผลงานชิ้นนี้ เขาบอกกับฉันว่า กำลังตามหาคนออกแบบงานชิ้นนี้ ซินโยว คุณเคยออกแบบร่างมาก่อนรึเปล่า ? ”

เฉียวซินโยวตกใจ เธอมีแบบร่างแค่ฉบับเดียว ถ้างั้นอาจจะเป็นของมู่เวยเวย…..

หลังจากกลืนน้ำลาย เฉียวซินโยวก็เงยหน้าขึ้นมา และพูดเบาๆว่า “ จำได้ว่าฉันทำมันหายไป จากนั้นเลยทำฉบับร่างขึ้นมาใหม่ เมื่อกี้คุณพูดว่า คุณชายเย่ กำลังตามหาคนออกแบบ จริงเหรอคะ ? ”

” อืม ใช่แล้ว เพียงแต่รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก บางทีเย่ฉ่าวเฉินอาจจะกำลังหาเจ้าของ และส่งต้นฉบับคืนให้กับเขาก็เป็นได้นะ !” หนานกงเฮ่ากระตุกยิ้มพูดเบาๆ

” อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง ”

หลังจากทั้งสองคนคุยกันสักพัก หนานกงเฮ่าก็บอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อ เขาแวะส่งเฉียวซินโยวกลับบ้าน และขับรถออกมา

เฉียวซินโยวระงับความตื่นเต้นไว้ในใจ ในใจก็คิดถึงเรื่องที่ทั้งสองคนพูด ตอนนี้ในหัวของเธอมีคำถามเดียว เรื่องที่เธอโกหกหนานกงเฮ่าว่าเป็นแบบร่างที่เธอทำหาย ตกลงแล้วมันใช่ของมู่เวยเวยไหม ?

เฉียวซินโยวหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบโทรไปหามู่เวยเวย และพูดว่า ” เวยเวย ฉันมีเรื่องจะถามเธอ ”

เมื่อเวยเวยได้ยินเสียงของเฉียวซินโยว จึงถามออกไปว่า ” มีเรื่องอะไร ? ”

” งานที่ฉันเลียนแบบคุณเพื่อเข้าแข่งขัน เธอยังเก็บสำเนาเอาไว้อยู่ไหม ? ” เฉียวซินโยวถามด้วยความกังวล

มู่เวยเวยจำได้ว่าเธอทำแบบร่างหายที่โรงแรม และตอบไปตามจริงว่า ” ฉันทำสำเนาก่อนหน้านี้หายไป ”

” แบบนี้นี่เอง ! ” เฉียวซินโยวถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ใบหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มที่เดาไม่ถูก พร้อมกับพูดว่า “ ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ถามดู “

” อ่อ ”

” ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระอยู่ งั้นฉันวางก่อนนะ ไว้มีเวลาพวกเราไปเที่ยวกัน ”

” โอเค ”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฉียวซินโยวก็ฉีกยิ้มกว้าง ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจของเธอ

จากที่ได้ยินหนานกงเฮ่าพูดมา เย่ฉ่าวเฉินยังไม่รู้ว่าแบบร่างนั้นแท้จริงแล้วเป็นของมู่เวยเวย ที่เย่ฉ่าวเฉินเจอเธอวันนี้ ไม่ได้มีท่าทีเย็นชาบนใบหน้าของเขา แต่กลับยังชมว่าผลงานของเธอมีความคิดที่ดี หรือเป็นเพราะว่าเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นเจ้าของผลงานนั้น ?

ถ้าเป็นเช่นนั้น เธออาจจะใช้ประโยชน์จากวิธีนี้เข้าใกล้เย่ฉ่าวเฉินได้ !

สวรรค์เข้าข้างเธอจริง !

เพียงแต่ เธอรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงตามหาคนที่วาดภาพนั้น ?

หรือว่าจะเป็นอย่างที่หนานกงเฮ่าพูดมา ?

จากที่เธอรู้เกี่ยวกับเย่ฉ่าวเฉิน เขาไม่ใช่คนที่น่าเบื่ออะไรขนาดนั้น เขามีความลับอะไรที่เธอไม่รู้กันแน่นะ ?

……

คฤหาสน์ตระกูลเย่

มู่เวยเวยเท้าคาง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงบนกระดาษสีขาว ภายในห้องที่เงียบสงบมีเพียงเสียงกร๊อบแกร๊บของปากกาที่กระทบกับกระดาษ

ทันใดนั้น…..

” อ๊ะ ! ! ” ผี….. ! ! ”

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าใหญ่ปรากฎขึ้นต่อหน้าเธอ ทันใดนั้นมู่เวยเวยกรี๊ดร้องขึ้นด้วยความตกใจ

” ชู่ว…..อย่าเสียงดัง ฉันเอง ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา

มู่เวยเวยกลับมามีสติอีกครั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเสี่ยวจื่อปรากฎขึ้นต่อหน้าเธอ

เมื่อมองเขาไปด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่มู่เวยเวยกัดฟันโกรธ และพูดเสียงดังว่า ” คุณออกมาทำไมไม่ส่งเสียง ฉันเกือบหัวใจวายตายแล้ว !”

” โอ้ ” เสี่ยวจื่อแตะคางของเธอ ดวงตาสีม่วงเปล่งประกาย พร้อมพูดเบาๆว่า ถ้าคุณตกใจฉันจนตาย พวกเราก็กลายเป็นพวกเดียวกันนะสิ…..

มู่เวยเวยนึกถึงสิ่งที่เขาเคยเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับการตาย เธอกลอกตาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำไรไม่ถูกว่า ” ฉันคงไม่เลือกตายแบบนี้หรอก…..มันน่าอายเกินไป…..”

มุมปากของเสี่ยวจื่อกระตุก ในใจนึกถึงประโยคสุดท้ายของเธอ และพูดเบาๆ ว่า” เป็นแบบฉันก็ดีออก อยากบินไปไหนก็ได้ อยากมาก็มา อยากไปก็ไป ไม่เจ็บป่วย และก็ไม่หิวหรือหนาวด้วย ”

มู่เวยเวยเม้มริมฝีปาก ไม่แสดงสีหน้าอะไร ” ร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ได้ วันๆจะมีอะไรสนุก ? ”

” เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ร้อง ฉันไม่หัวเราะ ? ” เสี่ยวจื่อยกริมฝีปากยิ้มที่ดูแย่ราวกับร้องไห้ เหมือนจะยืนยันคำพูดของเขา

มู่เวยเวยแตะที่หน้าผาก และพูดเบาๆว่า “ เสี่ยวจื่อ คุณน่าจะหนักหนากว่าฉัน….. ”

” อะไรหนักหนา ? ” เสี่ยวจื่อถามด้วยความแปลกใจ

มู่เวยเวยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก กระแอมคอและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า ” มันนอนอยู่บนพื้น ขาสองข้างลากเดินไปเป็นวงกลม !”

เสี่ยวจื่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและค่อยๆพูดว่า “ น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถลงไปที่พื้นได้…. ”

มุมปาของมู่เวยเวยกระตุก เหมือนกับว่ามีอีกาสามตัวบินผ่านหน้าเธอไป…..

แล้วก็ตาย——–

ในขณะเดียวกัน เสียงคุณอาหวังดังขึ้นจากข้างนอกประตู ” คุณหนู คุณหนูเฉียวมาหาคุณ ”

มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมา เธอส่งสัญญาณให้เสี่ยวจื่อหายตัวไป และพูดออกไปว่า ” รู้แล้ว เดี๋ยวฉันลงไป ”

เมื่อเธอพูดจบ ร่างเสี่ยวจื่อก็หายไปจากห้อง

เป็นคนที่ประหลาดจริงๆ มาอย่างไร้ร่องรอยไปก็ไร้ร่องรอย…..

มู่เวยเวยไม่คิดอะไรมาก รีบเดินลงไปห้องรับแขก เธอมองเห็นเฉียวซินโยวนั่งอยู่บนโซฟา

มู่เวยเวยยิ้มอย่างร่าเริง และพูดอย่างเร็วว่า ” ซินโยว วันนี้เธอมีเวลามาหาฉันเหรอ ? ”

เฉียวซินโยวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และพูดว่า ” วันนี้ฉันไม่มีธุระอะไร คิดว่าเธออยู่บ้านคงเหงา เลยมาเที่ยวหาเธอ ”

มู่เวยเวยพยักหน้า และพูดต่อว่า “ เป็นเรื่องที่ยากนะที่เธอจะคิดถึงฉัน ฉันซาบซึ้งจนแทบจะร้องไห้….. ”

สีหน้าของเฉียวซินโยวเป็นประกาย ก่อนกลับมาเป็นปกติ และถามอย่างเบาๆว่า ” คุณชายเย่ไม่อยู่บ้านเหรอ ? ”

มู่เวยเวยมองอย่างเรียบเฉย ก่อนจะพูดอย่างใจเย็นว่า ” เขาไปทำงานที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว ”

เฉียวซินโยวรู้สึผิดหวังเล็กน้อย เธอตั้งใจตื่นแต่เช้า แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะคลาด !

เธอปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เฉียวซินโยวพูดอย่างประชดประชัน ” เวยเวย เธอนี่โชคดีจริงๆ ! วันๆอยู่ในคฤหาสน์ อยู่ดีกินดีไม่ต้องกังวลอะไร เย่ฉ่าวเฉินก็ออกไปทำงานทุกวัน ถ้าหากว่าฉันสามารถหาคนแบบนี้ได้ เดาว่ามันคงเป็นฝันที่สวยงาม !”

สีหน้าของมู่เวยเวยดูเศร้า เธอไม่มีความสุขเลย บางทีคนอื่นอาจคิดว่าเธอได้ใช้ชีวิตดุจเจ้าหญิง แต่ใครจะรู้ว่าเธอต้องทนความเจ็บปวดขนาดไหน ?

เย่ฉ่าวเฉินแต่งงานกับเธอ ไม่ใช่เพราะความรัก เธอเป็นเพียงแค่ข้อต่อรองของพี่ชายเธอเท่านั้น !

มู่เวยเวยพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ ในใจเธอไม่อยากให้เฉียวซินโยวเป็นกังวลกับความเศร้าของเธอ เธอพยายามยิ้มที่มุมปากและพูดอย่างขมขื่นว่า ” ซินโยว ฉันหวังว่าเธอจะได้อยู่กับคนที่เธอรักและคนที่รักเธอ….. ”

เมื่อฟังจบ เฉียวซินโยวเม้มริมฝีปากในใจรู้สึกตลก ความรักคืออะไร ?

คือสามารถซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้ หรือว่าซื้อเครื่องประดับเงินทองได้ ? ของถูกๆเช่นนั้นไม่ใช่ของหายากสำหรับเฉียวซินโยวเลย !

สิ่งที่เธอต้องการคือ การทำให้ผู้หญิงทุกคนอิจฉาชีวิตของเธอ !

ไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับเธอแล้ว เฉียวซินโยวมองไปที่เธอ และถามด้วยความแปลกใจว่า ” เวยเวย ครั้งที่แล้วเธอบอกว่า แบบร่างของเธอหายไป ทำไมมันถึงหายไปได้ ? เกิดอะไรขึ้น ? แล้วสุดท้ายไปทำหายไว้ที่ไหน ? ”

มู่เวยเวยตกตะลึงไป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามเรื่องพวกนี้ เธอไม่รู้จะตอบยังไง

เห็นเธอหน้านิ่งเงียบ เฉียวซินโยวมองด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดว่า ” เวยเวย เธอเห็นฉันเป็นเพื่อนไหม ? เธอเคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าเพื่อนที่ดีต้องซื่อสัตย์กัน !”

เธอพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ?

บอกว่าเธอถูกแฟนเอาไปขาย และหายไปไหนก็ไม่รู้ ในใจเธอรู้สึกกังวลมาก บอกว่าเธอไม่ระวังลืมผลงานทิ้งไว้ที่โรงแรม ?

เรื่องแบบนี้เธอจะไม่มีวันพูดออกมาเด็ดขาด !

มู่เวยเวยคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเธอแน่วแน่และพูดออกมาอย่างเก้ๆกังๆว่า ” ตอนนั้นฉันไปดื่มกาแฟ บางทีอาจจะลืมเอาไว้ที่นั่น ”

“อ่อ แบบนี้นี่เอง…..” เฉียวซินโยวพูดอย่างรู้ทัน

หลังจากส่งเฉียวซินโยว มู่เวยเวยกำลังจะเดินขึ้นมาที่ชั้นสามเพื่อไปหาเสี่ยวจื่อ ในขณะเดียวกันเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากทางมหาลัย ให้เธอรีบไปมหาลัยเดี๋ยวนี้

คุณอาหวังให้คนขับรถไปส่งเธอ พอใกล้ถึงมหาลัยมู่เวยเวยลงจากรถเดินไปที่ประตู พอดีกับที่เธอเห็นด้านหลังของเฉียวซินโยว

” ซินโยว รอฉันด้วย !” มู่เวยเวยวิ่งเหยาะๆ ไปหยุดอยู่ที่ข้างหน้าเธอ

เฉียวซินโยวหันกลับมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “ เวยเวย ทำไมเธอถึงมาที่โรงเรียน ? ”

” ทันทีที่เธอหันกลับไป ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ใหญ่ ให้ฉันมาที่โรงเรียน เธอล่ะ ? ”

” ฉันก็ด้วย !” เฉียวซินโยวโกรธ เธอควรจะโทรหามู่เวยเวยก่อน ให้มารับเธอไปด้วย เธออยู่บนรถบัสเป็นครึ่งชั่วโมงอึดอัดจะตายอยู่แล้ว !

ทั้งสองมาถึงห้องอาจรย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่ซุนกำลังมานั่งที่โต๊ะ เห็นทั้งสองคนมา เขาก็ยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ ในที่สุดพวกคุณก็มา ”

มู่เวยเวยโค้งศีรษะด้วยความเคารพ และพูดเบาๆว่า “ อาจารย์ใหญ่ คุณเรียกพวกเรามา มีธุระอะไรรึเปล่า ? ”

อาจารย์ใหญ่ซุนจับแว่นและพูดอย่างสง่าว่า ” นั่นสินะ ผลงานการแข่งขันของพวกเธอเป็นที่ชื่นชอบของเย่ฮวางอินเตอร์เนชันแนลกรุ๊ป ตอนนี้พวกเธอก็ศึกษาชั้นปีที่ 4 แล้ว สามารถไปฝึกงานได้แล้ว พรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่เย่ฮวางนะ !”

เฉียวซินโยวตื่นเต้นมาก ในที่สุดเธอก็จะได้ไปทำงานที่เย่ฮวางแล้ว ?

งั้นก็ต้องเห็นหน้าเย่ฉ่าวเฉินทุกวัน ถ้าเป็นอย่างนี้…..

มู่เวยเวยตกตะลึงและตื่นตระหนกเล็กน้อย ปกติเวลาอยู่บ้านเย่ เธอก็ถูกเขาทรมานอยู่แล้ว ถ้าหากว่าไปทำงานที่เย่ฮวางกรุ๊ป แสดงว่าโอกาสที่ทั้งสองจะเจอกันก็ยิ่งมากขึ้น เธอก็ยิ่งรู้สึกทรมานจนแทบตายหน่ะสิ !

มู่เวยเวยคิ้วขมวด และพูดอย่างเคารพว่า “ อาจารย์ใหญ่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามรถทำตามความคาดหวังของประธานเย่ได้ ”

หลังจากเฉียวซินโยวได้ยินคำพูดของเธอ ในใจเธอก็มีความสุขมาก จนแทบอยากจะพูดแทนอาจารย์ใหญ่ว่า ไม่ไปก็ไม่ต้องไป !

อาจารย์ใหญ่ซุนประหลาดใจจ้องมองเธอผ่านแว่นตาดำ และถามด้วยความงงงวยว่า ” มู่เวยเวย เธอน่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่ฮวางกรุ๊ปนะ เย่ฮวางอินเตอร์เนชันแนลกรุ๊ปเป็นผู้นำในเมือง A คนตั้งมากมายอยากจะเข้า ทำไมคุณถึงปฎิเสธล่ะ? ”

มู่เวยเวยสีหน้าเรียบเฉย และพูดอย่างเคารพว่า “ ฉันรู้สึกว่าความสามารถ——- ”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ อาจารย์ใหญ่ซุนก็ขัดจังหวะเธอ และพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า ” เธอถ่อมตัวเกินไป ผลงานเธอในครั้งนี้ได้รับคำชมจากกรรมการทั้งสี่คน ถ้าเธอพูดแบบนี้ ในหนานฮวาก็คงจะไม่มีใครทำได้แล้ว !”

” แต่ว่า……. ”

” งั้นก็ตามนี้นะ !” อาจารย์ใหญ่ซุนพูดอย่างหนักแน่น ” มู่เวยเวย พรุ่งนี้คุณกับเฉียวซินโยวไปลงทะเบียนที่เย่ฮวาง ฝึกงานหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีนี้ เย่ฮวางจะจ้างพวกเธอต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ความสามารถของพวกเธอแล้ว ! ”

หลังจากฟังอาจารย์ใหญ่พูดจบ มู่เวยเวยก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก ในใจรู้สึกเป็นทุกข์

ขณะเดียวกันในใจของเฉียวซินโยวรู้สึกไม่ดี จริงๆแล้วเธอหวังว่ามู่เวยเวยจะไม่ไปทำงานที่เย่ฮวาง ไม่เช่นนั้นเธอจะเป็นอุปสรรคในการเข้าใกล้เย่ฉ่าวเฉิน !

……

เมื่อมู่เวยเวยกลับมาถึงบ้าน เย่ฉ่าวเฉินกำลังกินข้าวอยู่ เห็นเธอกลับมา ก็พูดขึ้นมาว่า ” เธอยังรู้จักกลับมาเหรอ ? ไปทำอะไรข้างนอกทั้งวัน ? ”

เมื่อรู้ว่าเขาจงใจหาเรื่อง มู่เวยเวยก็รู้สึกปวดตับ เธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร เธอจึงพูดงงๆว่า ” ฉันจะไปไหนได้ ? ฉันเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนไหมล่ะ ? ”

เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเย็นชาและพูดย่างเฉยเมยว่า แบบนี้นี่เอง ถ้างั้นอาจารย์ใหญ่คงบอกพวกเธอแล้วสินะ ?

” ทำไมคุณวางแผนให้ฉันไปทำงานที่บริษัทคุณ ? ” มู่เวยเวยถามด้วยความไม่เข้าใจ

เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย พูดอย่างเย็นชาว่า ” แน่นอนว่ามันสะดวกที่จะทรมานเธอ !”

ไอ้นี่ !

มู่เวยเวยจ้องมองไปที่เขา เธอไม่อยากได้ยินเสียงยั่วโมโหของเขา หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน กลับไปที่ห้องนอน ในขณะที่กำลังจะปิดประตู ก็มีแรงผลักประตูทำให้เธอเซไปสองสามก้าว

เมื่อร่างของเย่ฉ่าวเฉินปรากฎขึ้น มู่เวยเวยก็หดตัวและแสดงออกไปด้วยความตึงเครียด และเสียงสะท้าน “ คุณ…..คุณมาทำไม ? ”

เย่ฉ่าวเฉินมองเธออย่างไม่แยแสพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของเขา และพูดอย่างเย็นชาว่า ” แน่นอนว่าเธอต้องทำตามหน้าที่ ถอดเสื้อผ้าออกและไปนอนรอฉันบนเตียง !”

มู่เวยเวยกัดริมฝีปากแน่นและสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธและความอับอายว่า “ ฉันไม่ทำ !”

เย่ฉ่าวเฉินตะคอกอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาบึ้งตึงและพูดออกมาว่า ” อย่าแสร้งทำตัวเป็นสาวบริสุทธิ์ต่อหน้าฉัน เธอก็เป็นแค่อีตัวที่ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน จะมาทำตัวสูงส่งอะไร ? ”

สีหน้าของมู่เวยเวยดูเจ็บปวด และพูดอย่างเศร้าๆว่า ” เย่ฉ่าวเฉิน คุณพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร !คุณทำเกินไปแล้ว คุณรู้จักคำว่าเคารพบ้างไหม ? ”

หลังจากเธอพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็เยาะเย้ยและพูดด้วยความเหยียดหยามว่า ถ้าอย่างนั้นในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิง เธอมีความละอายบ้างไหมที่ชิงสุกก่อนห่าม?

ใบหน้าของมู่เวยเวยซีดเผือด เธอส่ายหัวอย่าสั่นๆ พร้อมพูดอย่างเศร้าๆ ว่า ” ไม่ใช่อย่างนั้น ที่จริงแล้วฉัน….. ”

เพียง พูดไปได้ครึ่งเดียว มู่เวยเวยก็พูดอะไรไม่ออก…..

เธออยากบอกว่าเธอถูกขืนใจ เธอไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะทำให้เธออับอายกว่าเดิมแน่นอน !

เห็นเธออาเจียน

หลังจากอาเจียนเป็นเวลานาน และยังพูดไม่ทันเสร็จ หน้าของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความร้อนรน เขาผลักเธอลงเตียง ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาทับเธอไว้ทันที และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า ” ในเมื่อเธอเป็นอีตัว เธอก็อย่ามาแสร้งทำเป็นรังเกียจฉัน !”

มู่เวยเวยกัดฟัน น้ำตาเธอไหลในดวงตาเธอดูรั้น เธอกำลังสับสน เธอจึงทำเพียงแค่ปิดปากและอดทนต่อความโหดร้ายที่เขาทำกับเธอ

เช้าวันรุ่งขึ้น มู่เวยเวยถูกเย่ฉ่าวเฉินลากลงจากเตียง บอกว่าวันนี้เธอต้องบริษัทพร้อมกับเขา

เมื่อมองไปที่ตาแพนด้าในกระจก มู่เวยเวยก็ถอนหายใจออกมา เธอถูกเขาทำทั้งคืน และเพิ่งผล็อยหลับไปเมื่อตอนตีสาม แต่สุดท้ายก็ถูกเขาปลุกแต่เช้า

เย่ฉ่าวเฉินเจ้าคนโหดร้าย !

ในใจของมู่เวยเวยโกรธเคืองมาก

หลังจากทานข้าวเช้าด้วยความเร่งรีบ มู่เวยเวยก็รีบตามเขาไปขึ้นรถ หลังจากเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถก็มาหยุดที่อาคารธุรกิจที่สูงตระหง่าน

เมื่อเดินมาถึงโถงทางเข้า ก็เห็นเฉียวซินโยวแต่งตัวสวย เธอดูตื่นเต้น และพูดเสียงอ่อนว่า ” ประธานเย่ สวัสดีตอนเช้าค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณ เป็นโชคดีของฉันจริง ! ”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอและพยักหน้า

เมื่อเป็นแบบนี้ ทั้งสองคนเดินตามเย่ฉ่าวเฉินมาถึงประตูลิฟต์ทางด้านตะวันออกของล็อบบี้ พวกเขาเห็นคำว่า Persident Only อยู่บนนั้น นั่นหมายความว่ามีเพียงเย่ฉ่าวเฉินเท่านั้นที่ใช้ได้

หลังจากขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 28 ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก เย่ฉ่าวเฉินเห็นทั้งสองเดินตามเข้ามาในห้องทำงาน เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า ” ชั้นที่ 16 เป็นของแผนกออกแบบ อีกเดี๋ยวจะมีคนพาพวกเธอไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ”

เฉียวซินโยวพยักหน้าและพูดด้วยเสียงอ่อนหวานว่า ” เข้าใจแล้วค่ะ ประธานเย่ ฉันจะตั้งใจทำงานค่ะ !”

มู่เวยเวยขมวดคิ้ว เธอไม่พูดอะไรออกมา อยู่ที่บ้านเจอเย่ฉ่าวเฉินก็ว่าแย่แล้ว มาฝึกงานยังต้องเจอเขาอีก เธอโชคร้ายจริงๆ !

ขณะเดียวกัน มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

” เข้ามา ” เย่ฉ่าวเฉินพูด

ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก ผู้หญิงคนหนึ่งวัยสามสิบกว่า ใบหน้าของเธอและดวงตาสีอำพันของเธอช่วยทำให้รูปลักษณ์ที่ไม่ยิ้มแย้มของเธอดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น ทำให้คนนึกถึงคำว่า ‘ผู้หญิงสวยเย็นชา’

ชุดสูทสีดำแบบมืออาชีพดูเหมาะสม ช่วยเพิ่งความเคร่งขรึมให้กับเธอ ป้ายชื่อที่ติดไว้ที่อกของเธอเขียนว่า ‘ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ’ เหม่ยหลิง เขียนอยู่

เหอเหม่ยหลิงเดินไปที่โต๊ะทำงานด้วยท่าทีสุภาพ ตาก็เหลือบไปที่คนสองคนอย่างรวดเร็ว และกลับมาพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า ” ประธานเย่ คุณเรียกฉันเหรอคะ ”

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและพูดอย่างเฉยเมยว่า ” ผู้จัดการเหอ สองคนนี้เป็นนักเรียนจากหนานฮวา เรียนคณะการออกแบบ หลังจากนี้เขาจะอยู่ในความดูแลของคุณ ”

เหอเหม่ยหลิงพยักหน้า และพูดอย่างเย็นชาว่า ” โปรดวางใจ ฉันจะปลูกฝังเป็นอย่างดี ”

” อืม งั้นก็ดี คุณพาพวกเขาไปทำความคุ้นเคยกับบรรยากาศก่อนเถอะ ”

” ค่ะ เมื่อเหอเหม่ยหลิงพูดจบ ก็หันหลังและพูดกับมู่เวยเวยและเฉียวซินโยวว่า พวกเธอตามฉันมา ”

ในขณะเดียวกัน……

” มู่เวยเวย เธออยู่นี่ก่อน ” เย่ฉ่าวเฉินพูดกะทันหัน

มู่เวยเวยตกใจ และหันกลับมามองเขา เฉียวซินโยวที่อยู่ด้านข้างแสดงความหึงหวง แต่ก็ถูกเหอเหม่ยหลิงส่งสัญญาณ เธอเลยจำใจจากไป

” ยังมีอะไรอีก ? ” มู่เวยเวยถามด้วยความระแวดระวัง

เย่ฉ่าวเฉินมองเธออย่างไม่แยแส พร้อมพูดขู่ว่า ” ฉันแค่จะเตือนว่า ตอนอยู่บริษัท เธอเป็นเพียงพนักงานในบริษัท อย่าแสร้งทำเป็นว่าเป็นคุณหนู ถ้าหากฉันรู้ละก็ เธอต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา ! ”

มือของมู่เวยเวยจับคอเสื้อแน่นด้วยท่าทางที่เจ็บปวด เธอกัดฟันพูดว่า “ ประธานเย่โปรดวางใจ จะไม่มีวันเกิดเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอน !”

เธอไม่สนใจหรอก !

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มมุมปากอย่างพอใจ และพูดเสียงเบาว่า ” เธอลงไปได้แล้ว ”

มู่เวยเวยกลับลงมาที่แผนกออกแบบ เฉียวซินโยวก็รีบมาล้อมเธอ และถามด้วยความสงสัยว่า ” เวยเวย เมื่อครู่ที่ประธานเย่ให้เธออยู่ก่อน ตกลงมีเรื่องอะไรเหรอ ? ”

มู่เวยเวยส่ายหน้า และพูดเบาๆว่า ” แค่บอกให้ฉันตั้งใจทำงาน ”

” แค่นี้เองเหรอ ? ”

” ใช่ ”

เฉียวซินโยวเม้มริมฝีปาก เธอแสดงท่าทีที่ไม่ค่อยชัดเจน และพูดเบาๆว่า ” ผู้จัดการเหอเรียกเธอไปพบที่ห้องทำงาน ”

” ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ”

เมื่อมาถึงห้องทำงานของเหอเหม่ยหลิง เธอที่กำลังหมกมุ่นกับการทำงาน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามา เธอก็เงยหน้ามองมู่เวยเวยและพูดอย่างเย็นชาว่า ในระหว่างการประชุมเมื่อวานนี้ ” ประธานเย่ได้แจ้งให้พนักงานทุกคนทราบแล้วว่า ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นี่ เธอจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เธอมีข้อโต้แย้งอะไรไหม? ”

มู่เวยเวยหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างหนักแน่นว่า ” ไม่ค่ะ คุณปฎิบัติต่อฉันในฐานะพนักงานคนหนึ่งก็พอ ”

” ตกลง ” เหอเหม่ยหลิงแสดงออกด้วยท่าทางชื่นชม และพูดต่อว่า ” ผลงานการแข่งขันของคุณ ฉันได้ดูแล้ว ความคิดไม่เลวเลย หวังว่าคุณจะพยายามต่อไปนะ !”

มู่เวยเวยยิ้มด้วยความดีใจ และพูดเบาๆว่า ” ฉันจะพยายามค่ะ ”

เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง มู่เวยเวยกับเฉียวซินเย่ก็สั่งอาหารให้มาส่ง รสชาติปากของมู่เวยเวยค่อนข้างอ่อน เธอจึงสั่งโจ๊กกับขนมปังในเน็ตของร้านจินฝอมา

เฉียวซินโยวสั่งด้วยความเพลิดเพลิน เธอสั่งพิษซ่าหน้าเนื้อพริกไทยดำ และสั่งกาแฟอีกสองแก้ว

มู่เวยเวยดื่มโจ๊กอย่างช้าๆ เมื่อมองเห็นเซียวซินโยวเดินมาพร้อมกับถุงอาหารจำนวนมาก เมื่อมานั่งข้างๆ เธอก็ถามด้วยความแปลกใจว่า ” ซินโยว คุณซื้ออาหารมาตั้งมากมายจะกินเหรอ ? ”

เฉียวซินโยวมองไปที่มู่เวยเวยด้วยสายตาที่ดูถูก ริมฝีปากเธอกระตุกและพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า ” ชีวิตคนเรามันสั้น ฉันขอเพลิดเพลินก่อน !”

มู่เวยเวยไม่พูดอะไร ในขณะเดียวกัน เฉียวซินโยวก็ถือถุงและเดินจากไป

มู่เวยเวยตกใจ และถามว่า ” ซินโยว เธอจะไปไหน ? ”

เฉียวซินโยวหันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า ” ฉันจะไปนั่งแถวที่พักริมถนนฝั่งตรงข้ามตึก ที่นี่มันไร้บรรยากาศเกินไป !”

มู่เวยเวยมองไปที่ข้างหลังเธอ และถอนหายใจออกมา

เฉียวซินโยวเดินเข้าไปในลิฟต์ รอจนประตูลิฟต์ปิดลง จ้องมองไปที่ปุ่มบนลิฟต์ ในที่สุดเธอก็กดปุ่ม 28 ซ้ำๆ

เมื่อมองไปที่ลูกศรที่กะพริบตามจำนวนตัวเลขที่เพิ่มขึ้น เฉียวซินโยวก็ยิ้มออกมาอย่างมีชัย

เธอไม่ได้จะลงไปข้างล่าง แต่จะไปหาเย่ฉ่าวเฉิน !

เมื่อก้าวออกจากลิฟต์ เฉียวซินโยวก็เดินไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน ประตูห้องเปิดแง้มอยู่ และมองเห็นเย่ฉ่าวเฉินนั่งทำงานอยู่ในนั้น

เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เฉียวซินโยวก็ใจเต้นออกมา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากว่าเขาเป็นของเธอ มันจะดีขนาดไหนกันนะ !

‘ ปัง ปัง ——’

มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้น และพูดอย่างเยือกเย็นว่า ” เข้ามา ”

เมื่อเขาเห็นร่างของเฉียวซินโยว เย่ฉ่าวเฉินก็ตกใจ ดวงจาสีฟ้าดูเคร่งขรึมและพูดอย่างเย็นชาว่า ” คุณเฉียวมาหาฉันมีธุระอะไร ? ”

เฉียวซินโยวมองไปที่เขาด้วยความประหม่า และถามด้วยความเป็นห่วงว่า ” ประธานเย่ คุณทานอาหารกลางวันรึยัง ? ”

” ยัง ”

เมื่อได้ยินเขาบอกว่ายัง เฉียวซินโยวก็โล่งใจ เธอค่อยๆเดินไปข้างหน้าเขา จะชี้ไปที่ถุงอาหารในมือ และพูดอย่างคาดหวังว่า ” ฉันเพิ่งสั่งพิษซ่าหน้าเนื้อกับกาแฟมาจากอินเตอร์เน็ต คุณอยากทานหน่อยไหม ? ”

เดิมทีเย่ฉ่าวเฉินจะปฎิเสธ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอคือผู้หญิงในคืนนั้น เขาคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า ” ขอบคุณ ไปทานที่ห้องนั่งเล่นกับฉัน ”

” ค่ะ ” มองตามหลังเขาไป เฉียวซินโยวยิ้มอย่างชัยชนะ และเดินตามเขาด้วยความภาคภูมิใจ

ห้องพักผ่อนในห้องทำงานของเขามีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน พูดได้เลยว่าเป็นเสมือนห้องนอนขนาดเล็ก ทิศตะวันออกของห้องมีเตียงเดี่ยว ข้างๆมีตู้เสื้อผ้าและตู้หนังสือ ด้านทิศตะวันตกมีโซฟาสุดสวย และด้านหน้าโซฟาก็เป็นโต๊ะกาแฟที่หรูหรา

เฉียวซินโยววางอาหารบนโต๊ะชา รีบถอดถุงอาหารออกและพูดอย่างเร็วว่า ” เนื้อผัดพริกไทยดำและกาแฟที่ไม่หวาน ไม่รู้รสชาติจะถูกปากคุณรึเปล่า ? ”

” ก็พอใช้ได้ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดเบาๆ

ทั้งสองทานอย่างเงียบๆ เฉียวซินโยวครุ่นคิดว่าจะพูดยังไงดี กระแอมที่คอเบาๆ และพูดว่า ” ประธานเย่ ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าผลงานของฉันมีแนวคิดที่ดี คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ ? ”

เย่ฉ่าวเฉินจิบกาแฟและพูดเบาๆว่า ” ใช่ ”

” อิอิ…..” เฉียวซินโยวยิ้มอย่างมีความสุขและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า ” ที่จริงแล้ว ฉันเคยกังวลว่าจะไม่เข้ารอบ เพราะว่าแบบดีไซน์นั้นไม่ใช่ต้นฉบับเดิม แต่เป็นสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมาใหม่ตามความจำเดิม แต่ก็คิดว่ายังเทียบไม่ได้กับอันแรก !”

เมื่อฟังเธอพูดจบ สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็ดูตึงขึ้น และถามออกไปอย่างไม่เป็นทางการว่า ” งั้นทำไมคุณถึงไม่ใช้แบบต้นฉบับ ? ”

แววตาเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นในดวงตาของเฉียวซินโยว พร้อมกับมองใบหน้าของเขาและพูดอย่างเสียใจว่า ” ต้องโทษที่ฉันไม่รู้จักระวัง ไม่รู้ว่าไปทำหล่นไว้ที่ไหน !”

เย่ฉ่าวเฉินก้มหัวลงให้คนอื่นมองไม่เห็นอารมณ์เขา และพูดด้วยเสียงต่ำว่า ” เป็นแบบนี้นี่เอง ”

เฉียวซินโยวแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร เธอยิ้มที่มุมปากและพูดอย่างอ่อนโยนว่า พิษซ่าพวกนี้พอไหม ? ” ถ้าไม่พอฉันจะไปซื้อเพิ่มให้ หลังจากนี้คุณต้องทานข้าวให้ตรงเวลา ไม่อย่างนั้นมันจะเสียสุขภาพ ”

เมื่อได้ยินเธอเป็นห่วง ใจของเย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกผ่อนคลายลง และพูดเบาๆว่า ” ฉันกินอิ่มแล้ว ลำบากคุณแล้วล่ะ ”

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉียวซินโยวก็นำอาหารมาขึ้นมาให้เย่ฉ่าวเฉินตลอด

เฉียวซินโยวรู้สึกประหลาดใจมากที่ทัศนคติของเย่ฉ่าวเฉินที่มีต่อเธอนั้นจะดีขึ้น เขาไม่เย็นชาใส่เธอเหมือนแต่ก่อน บางทียังพูดกับเธอประโยคสองประโยค มันทำให้เธอรู้สึกดีมาก

เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ดวงตาของเฉียวซินโยวก็เต็มไปด้วยความหลงใหล ความคิดที่จะครอบครองเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แค่คิดว่า ทุกๆวันคนที่นอนข้างเขาคือมู่เวยเวย มันก็ทำให้เธอแทบคลั่ง !

เย่ฉ่าวเฉินเป็นของเธอ !มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะเหมาะกับการเป็นคุณหนูตระกูลเย่ !

ว่าแต่…..เย่ฉ่าวเฉินจะรู้สึกยังไงกับเธอ ? จะมีความรู้สึกดีๆบ้างไหมนะ ?

…….

ในทางกลับกัน หลังจากมู่เวยเวยทานข้าวเสร็จ เธอก็เปิดคอมหาข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ออกแบบ และจัดเรียงเป็นไฟล์ เพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต ขณะเดียวกันก็มีเสียงของเหอเหม่ยหลิงดังขึ้นต่อหน้าเธอ

มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้น เห็นสีหน้าที่เย็นชาของเหอเหม่ยหลิง เธอยื่นเอกสารมาให้เธอพร้อมบอกว่า ” เวยเวย รบกวนไปส่งเอกสารนี้ที่ห้องประธานเย่หน่อย ฉันจะรีบไปโกดัง ปลีกตัวไปไม่ได้ ”

มู่เวยเวยรีบรับเอกสาร และพูดว่า ” ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ”

พูดจบ มู่เวยเวยก็รีบลุกจากที่นั่งทันทีและไปอย่างรวดเร็ว

” เวยเวย ” เหอเหม่ยหลิงมองข้างหลังเธอและพูดออกมา

มู่เวยเวยหันกลับมา ถามด้วยความสงสัยว่า ” ผู้จัดการ ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ ? ”

” ขอบคุณ ”

มู่เวยเวยยิ้ม และพูดอย่างอบอุ่นว่า ” ไม่เป็นไรค่ะ ”

มู่เวยเวยขึ้นลิฟต์ มายังชั้นที่ 28

เมื่อมาถึงหน้าห้อง กำลังจะเคาะประตูแต่ก็พบว่าประตูเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง เธอจึงผลักและเดินเข้าไป เมื่อเธอเลื่อนสายตามองไปยังโต๊ะทำงาน สีหน้าของเธอก็ซีดลงและยืนนิ่งราวกับถูกฟ้าผ่า

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset