วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 76 สารภาพ ฉันชอบมู่เวยเวย

มู่เวยเวยสลบอยู่ตรงนั้นได้ยังไง

เขารีบเข้าไปพยุงเธอทันทีอย่างไม่ต้องคิด และเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของเธอ เขาก็ตบใบหน้าเธอเบาๆ และเรียกอย่างร้อนรน “เวยเวย เวยเวยตื่นสิ คุณเป็นอะไร”

เขาเรียกเธอนานมาก แต่เธอก็ไม่ตอบสนอง หนานกงเฮ่ายิ่งรู้สึกเป็นกะวนกระวายใจ เขารีบอุ้มเธอไปที่ลานจอดรถทันที

เมื่อเห็นฉากนั้น เฉียวซินโยวก็คิด พลางส่งยิ้มชั่วร้ายออกมาอย่างมีแผนการ

…..

มู่เวยเวยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น เมื่อพบว่าบรรยากาศรอบตัวแปลกไป เธอก็รีบลงจากเตียงทันที แต่เพราะร่างกายอ่อนแรงมาก เธอจึงต้องนอนลงบนเตียงอีกครั้ง

การเคลื่อนไหวบนเตียงดึงดูดความสนใจของหนานหงเฮ่าทันที เขารีบเดินเข้ามาจากระเบียง ก่อนจะพบว่ามู่เวยเวยฟื้นแล้ว เขารู้สึกดีใจมาก รีบเดินมาถามอย่างรวดเร็ว “เวยเวย คุณฟื้นแล้วหรอ”

เมื่อเห็นว่าเป็นหนานกงเฮ่า เธอก็ถามอย่างแปลกใจ “หนานกง ที่นี่ที่ไหนคะ”

“บ้านผม” หนานกงเฮ่าส่งยิ้มอ่อนโยนออกมา และพูดอย่างอบอุ่น “ผมเห็นว่าคุณสลบอยู่หน้าประตูบริษัท ก็เลยพาคุณกลับมาหาหมอ หมอบอกว่าคุณทำงานหนักเกินไป และหัวใจเต้นแรงกะทันหัน เลยเป็นลมไป คุนต้องพยายามพักผ่อนเยอะๆนะ”

มู่เวยเวยพยักหน้า สมองพลันหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้อีกครั้ง น้ำตาเธอก้ไหลออกมา เจ็บปวดใจจนแทบตาย

เมื่อเห็นน้ำตาของเธอใจเขาก็ปวดขึ้นมา เขารีบเช็ดน้ำตาให้ และถามอย่างกังวล “เวยเวย ทำไมคุณถึงร้องไห้ โดนใครรังแกมาใช่มั้ย บอกผมมา ผมจะไปจัดการให้”

มู่เวยเวยส่ายหน้าด้วยความเสียใจ และตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไม่เป็นไรค่ะ ช่วงนี้อาจจะเหนื่อยเกินไป ก็เลยคิดถึงเรื่องไม่ดีขึ้นมาง่ายๆ”

หนานกงเฮ่าค่อยๆยกมือขึ้นแตะใบหน้าของเธอ และพูดอย่างห่วงใย “ตอนนี้ร่างกายคุณอ่อนแอมาก อย่าคิดมากไป”

มู่เวยเวยพยักหน้า และเมื่อสังเกตการกระทำของเขา เธอก็รู้สึกแปลกๆขึนมา จึงขยับหน้าออกจากการจับกุมของเขา และพูดอย่างสงบ “ทราบแล้วค่ะ”

หนานกงเฮ่าแอบเก็บความผิดหวังไว้ในใจ และพยายามยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน และพูด “งั้นก้ดีแล้ว คุรพักผ่อนเถอะ ผมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ”

ไม่เป็นไร หนานกงเฮ่า แกต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่งั้นเวยเวยจะกลัวได้….

“รบกวนคุณมามากพอแล้ว ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่าค่ะ” มู่เวยเวยฝืนลุกขึ้นมา พยายามจะลงจากเตียง แต่มือของเธอก็ถูกเขารั้งไว้ ดวงตามืดมนของเขามองราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว

มู่เวยเวยตะลึง เธอรู้สึกคุ้นกับสายตานี้มาก แต่เธอก็นึกไม่ออก

“เวยเวย ผมขอร้องล่ะ คุณอย่าทำห่างเหินกับผมขนาดนี้”

ดวงตาของเขาฉายแววอะไรบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก แต่อาจเป็นเพราะสายตาของเขา ทำให้เธอต้องค่อยๆพยักหน้าลง

เมื่อเห็นท่าทางเชื่อฟังของเธอ หนานกงเฮ่าก็ลูบผมสีดำของเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน และพูดกับเธออย่างอ่อนโยน ท่ามกลางสายตาสงสัยของเธอ “คุณแค่นอนไป ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น”

สายตาอ่อนโยนของเขา ทำให้ใจที่ฟุ้งซ่านของเธอสงบโดยพลัน ก่อนที่เปลือกตาเธอจะค่อยๆหนักอึ้ง จนหลับลงในที่สุด

หนานกงเฮ่าเห็นเธอหลับสนิทแล้ว เขาก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้มเธอ และพูดอย่างอ่อนโยน “เวยเวย รอฉันหน่อยนะ ฉันจะให้ชีวิตที่สงบและมีความสุขกับเธอเอง”

อีกด้านหนึ่ง เฉียวซินโยวเดินถืออาหารเที่ยงมาให้เย่ฉ่าวเฉิน เมื่อเห็นเขายังคงให้ความสนใจกับเอกสารตรงหน้า บวกกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา ก็ทำให้เฉียวซินโยวใจเต้นขึ้นมาทันที

นี่คือผู้ชายที่เธอชอบ หล่อ รวย อบอุ่น รวมๆแล้วเขาก็คือผู้ชายในอุดมคติ ผู้ชายที่เธอปรารถนา

ใครก็อย่าคิดมาขวางทางเธอทั้งนั้น

เมื่อได้ยินเสียงเท้า เย่ฉ่าวเฉินก็เงยหน้าขึ้น ทันเห็นเฉียวซินโยวมองเขาด้วยความรัก เขาก็ตกใจ และพูดอย่างเย็นชา “มาแล้วหรอ”

“ค่ะ” เฉียวซินโยวเอาอาหารเที่ยงว่างไว้บนโต๊ะของเขา และพูดอย่างนุ่มนวล “อย่าเพิ่งทำงานเลยค่ะ รีบกินข้าวเถอะ”

เพียงแค่ประโยคธรรมดาก็ทำให้เย่ฉ่าวเฉินตกตะลึงได้ เขารู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจ มันเหมือนกับตอนเย็นเมื่อกลับไปถึงบ้าน เพียงแค่เปิดประตูเข้าบ้านไป เขาก็จะเจอใบหน้าอ่อนโยน ยิ้มให้เขาบางๆและพูดว่า “กลับมาแล้วหรอคะ ฉันรอคุณมาทั้งวันแล้ว”

“คิดอะไรอยู่คะ”

ความคิดถูกขัดจังหวะทันที เขาเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือเฉียวซินโยว เขาก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา คนที่อยู่ในความคิดเขาเมื่อกี้คือ มู่เวยเวย

ทำไมถึงเป็นเธอไปได้

ผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนั้น

มีหรือจะตั้งตารอสามีกลับบ้านเหมือนผู้หญิงคนอื่น

“ไม่มีอะไร กินข้าวเถอะ” เย่ฉ่าวเฉินพูดเรียบๆ และเริ่มก้มหน้ากินข้าว

เฉียวซินโยวมองเขากินอาหารที่เธอซื้อมาเงียบๆอย่างพอใจ ก่อนจะใช้ช้อนคนกาแฟ และแกล้งพูดอย่างไม่ใส่ใจไปด้วย “เมื่อกี้ฉันเห็นมู่เวยเวยเป็นลมอยู่หน้าบริษัทด้วยค่ะ”

เย่ฉ่าวเฉินนิ่งไปทันที ก่อนจะพูดเรียบๆ “รู้แล้ว”

เฉียวซินโยวแอบยิ้มร้าย และพูดต่อ “ตอนแรกฉันตั้งใจจะปลุกเธอและพาเธอไปโรงพยาบาล แต่คุณชายหนางกงอุ้มไปซะก่อน”

“อะไรนะ” เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว น้ำเสียงต่ำลงทันที เขาวางอาหารในมือลง และหยิบทิชชู่ขึ้้นมาเช็ดปาก จากนั้นก็พูดเสียงเย็น “เธอกินข้าวไปก่อน ฉันมีธุระที่ต้องไปจัดการ”

เมื่อเห็นรีบออกไปอย่างหุนหัน เฉียวซินโยวก็โกรธขึ้นมาทันใด เธอทิ้งช้อนในมือ และแสดงสีหน้าโหดร้ายออกมา

ทางด้านหนานกงเฮ่า เขานั่งๆนอนๆอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น พลางดูฟุตบอลด้วยความเบื่อหน่าย และก้มดูนาฬิกาทุกห้านาที

ผู้หญิงคนนี้นอนเก่งจริงๆเลย…..นอนตั้งแต่เที่ยงจนตอนนี้บ่ายสี่โมงแล้วยังไม่มีทีท่าจะตื่นเลย

หนานกงเฮ่ารอไม่ไหวแล้ว เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเหมือนเด็กที่กำลังเริ่มมีรักแรกไม่มีผิด เขารู้สึกกังวลไปหมด

เขาหัวเราะเยาะตัวเองในใจ หนานกงเฮ่า แกเห็นผู้หญิงมีค่าแค่คืนเดียวมาตลอดไม่ใช่หรอ ทำไมพอได้เจอมู่เวยเวย แกถึงเปลี่ยนไป ชีวิตนี้ของแกตกอยู่ในกำมือมู่เวยเวยแล้ว

เขายืนขึ้น เตรียมจะเดินขึ้นข้างบน แต่ก็เห็นร่างบางค่อยๆเดินลงบันไดมาเสียก่อน เขาจึงถามอย่างใส่ใจ “เวยเวย ตื่นแล้วหรอ”

“ค่ะ” มู่เวยเวยพยักหน้า ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว จึงมองไปที่เขา และพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณนะคะ หนานกง”

หนานกงเฮ่าเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขิน และพูดอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนั้นหรอก”

“ฉันควรจะ….”

“ผมให้แม่บ้านจางต้มซุปไข่ไว้ให้แล้ว คุณกินบำรุงร่างกายหน่อย คุณผอมมากไปแล้วนะ อย่างนี้ไม่ดีเลย” หนานกงเฮ่าพอจะเดาได้ว่าเธอจะพูดอะไร เขาจึงรีบพูดขัดจังหวะ และมองเธออย่างรอคอย

เขารู้ว่านี่เป็นการหลอกตัวเอง ยังไงเธอก็ต้องกลับบ้าน แต่เขาก็อยากให้เธออยู่ต่ออีกสักนิด

มู่เวยเวยไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ได้แต่กัดฟัน และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับท่าทางกระตือรือร้นของเขา

“ก็ได้ค่ะ”

หนานกงเฮ่ายิ้มหน้าบาน รีบหันหน้าไปทางห้องครัว และสั่งว่า “แม่บ้านจาง เริ่มตั้งโต๊ะเลยครับ”

ผู้หญิงวัยกลางท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องครัว และพูดอย่างนอบน้อม “ค่ะ คุณชาย”

หนานกงเฮ่าหันหน้ากลับมา ดึงมือมู่เวยเวยเดินไปจนถึงโต๊ะอาหารและนั่งลง จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆเธอ

อาหารถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว หนานกงเฮ่าคีบอาหารให้เธออย่างเอาใจ จนทำให้แม่บ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังถึงับตกตะลึง คุณชายหนานกงรู้จักเอาอกเอาใจผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธออดที่จะเดาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้

เพราะความเป็นมิตรของเขา ทำให้มู่เวยเวยไม่สงวนท่าทีอีกต่อไป ทั้งคู่พูดคุยกันไปเรื่อย จนทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นมา

……

คฤหาสน์ตระกูลเย่

เย่ฉ่าวเฉินนั่งบนโซฟาอย่างเย็นชา พลางเคาะมือบนโต๊ะไปเรื่อยๆ บรรกาศอึมครึมมาก จนทำให้บอดี้การ์ดการ์ดที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่กล้าเสนอหน้าสักคน ได้แต่ภาวนาให้จางเห่อรีบๆมา

“แกรีก” เสียงประตูเปิดพร้อมกับร่างของจางเห่อปรากฏตัวขึ้นข้างหน้าประตู ทำให้ทุกคนแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที

จางเห่อเดินมายืนตรงหน้าเย่ฉ่าวเฉินอย่างมั่นคง และพุด “คุณชายเย่ ผมไปตรวจสอบทุกโรงพยาบาลในจังหวัดแล้วครับ ทั้งเล็กใหญ่ แต่ไม่มีชื่อของนายหญิงเข้ารับการรักษา”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว สีหน้าดุดัน และกำมือทั้งสองแน่น ด้วยความโกรธ

ยัยผู้หญิงสมควรตายนี่ เธอไปอยู่ไหนกันแน่

หรือว่าอยู่….

ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมอง เขาก็ยืนขึ้น หยิบสูทที่พาดอยู่บนโซฟา และพูดอย่างเย็นชา “คุฯอาหวัง เตรียมรถ ไปบ้านหนานกงเฮ่า”

คฤหาสน์หนานกง

กินข้าวเสร็จแล้ว มู่เวยเวยก็นั่งคุยกับหนานกงเฮ่าต่อที่โซฟา ก่อนจะดูเวลา และคิดว่าจะบอกเขายังไงดี

ทันใดนั้น ผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็มายืนอยู่ตรงหน้าทั้งคู่ เขาคือพ่อบ้านตู้เหิง เขาพุดอย่างนอบน้อมว่า “คุณชาย คุณชายเย่มาครับ”

ทั้งคู่ตกใจ

มู่เวยเวยตึงเครียดขึ้น เธอรู้ดีว่าเย่ฉ่าวเฉินคิดต่อเธอยังไง เธอกลัวว่าเขาจะด่าคนที่ช่วยเหลือเธออย่างหนานกงเฮ่า

เธอรู้ตัวในทันทีว่าทุกคนที่ทำดีกับเธอ จะถูกเขาทำร้าย

หนานกงเฮ่าอารมณ์ดิ่งลง เขากำมือแน่น ก่อนจะค่อยๆปล่อยออก ก่อนจะเผยยิ้มขี้เล่นอย่างที่เคยทำเป็นปกติออกมา พร้อมพูดอย่างสงบ “รีบไปเชิญเข้ามาสิ”

ตู้เหิงพยักหน้าและรีบออกไป

“เย่ฉ่าวเฉินมารับคุณแล้ว คุณก็กลับไปกับเขาเถอะ” หนานกงเฮ่าแกล้งพูดอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมข่มความรู้สึกที่ไม่อยากปล่อยเธอไปไว้สุดใจ

“อืมๆ” มู่เวยเวยพยักหน้า

เงาร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา และเจ้าของร่างนั้นก็คือเย่ฉ่าวเฉิน

สายตาของเย่ฉ่าวเฉินมองผ่านหนานกงเฮ่า จ้างตรงไปที่มู่เวยเวยอย่างดุดัน และพูดอย่างเย็นชา “มู่เวยเวย เรื่องของคุณนับวันยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่าเอาเสน่ห์มารยาของคุณ มาใช้กับเพื่อนของผม”

สีหน้าของมู่เวยเวยเปลี่ยนเป็นซีดเผือด แต่ไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ เธอเดาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เขากลัวจะไม่ได้บอกให้ทั้งโลกรู้ว่าเธอสกปรกแค่ไหน

สีหน้าของหนานกงเฮ่าเย็นชา และพูดเสียงดังขึ้น “ฉ่าวเฉิน มึงเย็นลงหน่อย เวยเวยเป็นลมอยู่หน้าประตูบริษัท กูเลยพาเธอกลับมา มึงเลิกด่าไม่ลืมหูลืมตาสักที”

เมื่อได้ยินหนานกงเฮ่าปกป้องเธอ ไฟโกรธในใจของเขาก็ยิ่งมีมากขึนไปอีก เขาพูดน้ำเสียงเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “กง เรื่องนี้เป็นเรื่องพวกเราสองคน มึงอย่าเข้ามายุ่ง”

หนานกงเฮ่านิ่งไปอย่างอ่อนแรง เขาไม่มีสิทธฺ์เข้าไปยุ่งจริงๆ จึงได้แต่พูดเสียงอ่อนลงไปมาก “คุยกันดีๆละกัน”

เย่ฉ่าวเฉินเดินตรงไปบีบแขนเธออย่างแรง ทำให้เธอเจ็บจนตัวเย็นเฉียบ แต่เขาก็ไม่สนใจ ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังแทบไม่ได้ “มู่เวยเวย ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเราจะเป็นยังไง ก็เป็นเรื่องของเราสองคน แต่เธอกลับลากหนานกงเข้ามาเกี่ยว เธอได้ทำลายขีดจำกัดของฉันแล้ว”

มู่เวยเวยกัดฟันอย่างอดทน ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อโดนอย่างนี้ก็เริ่มตาพร่ามัว เธอพูดปากสั่นๆว่า “ฉัน…ฉันไม่ได้……”

เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่ามู่เวยเวยเริ่มไม่ไหวแล้ว แต่ไม่อยากแสดงความเป็นห่วงออกมาให้เห็น เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน และคำพูดรุนแรงมากขึ้น “แพศยา ทนเหงาไม่ได้ขนาดนั้นเชียวหรอ คอยดูแล้วกันว่ากลับไปผมจะจัดการกับคุณยังไง”

เย่ฉ่าวเฉินลากเธอออกไป แต่ก็มีร่างหนึ่งพุ่งมาชกเขาก่อน

เย่ฉ่าวเฉินถอยหลังไปหลายก้าว รู้สึกถึงความเจ็บที่เกิดขึ้นบนใบหน้าด้านซ้ายของเขาในทันที เขาตวัดสายตาไปมองหนานกงเฮ่า และพูดเสียงต่ำ “กง นี่มึงทำอะไร”

หนานกงเฮ่ากำคอเสื้อเขาขึ้น ทั้งจ้องตาเขาเขม็ง “เย่ฉ่าวเฉิน มึงดูถูกเวยเวยอย่างนี้ได้ยังไง เธอจะรู้สึกเสียใจแค่ไหนที่โดนมึงทำอย่างนี้ใส่”

มู่เวยเวยตกตะลึง พร้อมกับมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เขาเป็นคนแรกที่ให้ความอบอุ่นแก่เธอ เขาเป็นคนแรกที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจ

เย่ฉ่าวเฉินเกร็งตัวนิ่ง พร้อมถามคนตรงหน้าเสียงเย็นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “กง มึงเห็นใจผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ มึงจะตัดเพื่อนกับกูเพราะผู้หญิงคนนี้หรอ

หนานกงเฮ่าตอบอย่างเย็นชา ไม่มีความลังเลเลยสักนิด “อย่าทำร้ายเธอ”

เหตุการณต่อจากนั้น เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของมู่เวยเวยมาก เธอจ้องเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตะลึง ทั้งคู่กำลังต่ออยู่กันอยู่ ก่อนที่เย่ฉ่าวเฉินจะชกหนานกงเฮ่าอย่างรุนแรง

หนานกงเฮ่าล้มลงไปบนพื้น แต่ก็ยื่นขาออกมาเตะเขา ทำให้เย่ฉ่าวเฉินล้มลงไปบนพื้นทันทีอย่างไม่ทันตั้งตัว หนานกงเฮ่าจึงลุกขึ้นเดินมาทางเขา…..

มู่เวยเวยตื่นตระหนก แต่ก็ไม่รู้จะเข้าไปห้ามทั้งคู่ยังไงดี เธอจึงได้แต่ยืนอยู่กับที่ และตะโกนเสียงดังว่า “อย่าตีกัน ขอร้องล่ะอย่าตีกันเลย”

แต่ทั้งคู่ก็ยังคงไม่สนใจ

มู่เวยเวยไม่รู้เลยว่าทั้งคู่ไม่ใช่แค่ต่อยตีกันเท่านั้น ยังต่อสู้กันทางประสาทด้วย

เย่ฉ่าวเฉินรับไม่ได้ที่เพื่อนรักลงมือทำร้ายเขา เพราะมุ่เวยเวย

หนานกงเฮ่ากำลังระบายอารมณ์ เขารับไม่ได้ที่เพื่อนรักของเขา แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก

เสียงเอะอะโวยวายภายในห้องดึงดูดความสนใจของตู้เหิง กับกลุ่มของจางเห่อ

ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคนที่กรูกันเข้ามา และเมื่อเห็นเหตุการณ์ในห้อง ทุกคนก็เบิกตา อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง

ทำไมพวกเขาถึงตีกันเอง

เมื่อมู่เวยเวยเห็นจางเห่อ เธอก็รีบพูดว่า “ทำไมอึ้งแล้ว มาแยกพวกเขาเร็วค่ะ”

จางเห่อกับตู้เหิงรีบเดินมาแยกทั้งคู่ออกจากกันอย่างไม่รอช้า

เย่ฉ่าวเฉินที่โดนจางเห่อล็อคแขนไว้ จ้องไปที่ใบหน้าบวมๆของหนานกงเฮ่า และพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง น้ำเสียงเย็นชา “เพราะอะไร”

ทำไมถึงต้องต่อยกับเขาเพื่อมู่เวยเวย

หนานกงเฮ่ายกยิ้มเย็น จ้องไปที่เย่ฉ่าวเฉินด้วยความเกลียดแค้นไม่แพ้กัน และพูดเสียงเย็นชาว่า “เพราะกูชอบเธอ”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันทีทันใด

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset