วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 84 ความลับของคนสองคน

ในที่สุดก็จบสักที มู่เวยเวยทิ้งตัวลงนอนบนเตียงและมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินที่แต่งตัวสบายๆด้วยความโกรธ

” คุณจะเอาอะไรอีก? ” มู่เวยเวยพูดด้วยความโมโห

เย่ฉ่าวเฉินกลับมาทำตัวเย็นชาตามปกติแล้วพูดอย่างนิ่งๆว่า “วันนี้หลังเลิกงานกลับบ้านให้ตรงเวลาด้วย ”

มู่เวยเวยสีหน้าโมโหมาก เขาอยากไล่เธอก็ไล่ ตอนนี้จะมาบอกให้เธอกลับบ้าน เธอก็ต้องกลับงั้นหรอ? เขามีสิทธิ์อะไร? เธอไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเขานะ!

” นี่คุณกำลังสั่งฉันอยู่แล้ว? ตอนแรกคุณเป็นคนไล่ฉันออกไปเอง คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? คุณบอกให้ฉันกลับ ฉันก็ต้องกลับหรอ? ตลกสิ้นดี!” มู่เวยเวยหัวเราเยาะและตอบปฎิเสธเสียงแข็ง

ตั้งแต่โดนเฉียวซินโยวใส่ร้าย แค่คิดถึงเรื่องที่เขาดูถูกเธอต่างๆนาๆ เธอก็รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด!

ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงออกว่าเธอกลัว เธออ่อนแอ แต่เขาก็ไม่เคยแสดงออกว่าเห็นใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว!

ตอนนี้ก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดนะ?เมื่อวินาทีก่อนพวกเขาอยากอยู่ด้วยกันแทบตาย ผ่านมาแค่วินาทีเดียวกลับมาจับคอเธอแบบไม่มีทีท่าจะปล่อย

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว ตั้งแต่เฉียวซินโยวตกบันได เธอก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน

เช่นเดียวกับตอนนี้ เขารู้ว่าเธอในตอนนี้อ่อนแอมาก แต่เธอก็ยังกล้าเผชิญหน้ากับเขาอย่างกล้าหาญ อะไรกันที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้?

ยัยผู้หญิงคนนี้……

มู่เวยเวยรู้สึกได้ถึงลมหายของตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งเบาขึ้นเรื่อยๆ เหมือว่าเธอกำลังจะหายใจไม่ออก ทันใดนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็ปล่อยมืออกจากเธอ มู่เวยเวยรีบสูดหายใจเข้าอย่างเร็ว เพราะว่าการกระทำที่รุนแรงเธอจึงหายใจไม่ออก

ไม่ง่ายเลยที่เธอจะปรับลมหายใจให้กลับมาปกติได้ มู่เวยเวยจึงเดินผ่ายเย่ฉ่าวเฉินออกไปอย่างนิ่งๆโดยไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

หลังจากออกจากห้องทำงานของเย่ฉ่าวเฉินเธอก็ไปยังห้องออกแบบเลย และในตอนนั้นเองมู่เวยเวยก็เห็นเฉียวซินโยวที่พึ่งออกจากโรงพยาบาล

ที่เฉียวซินโยวออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดก็เพราะว่าเธอเกรงว่านช่วงเวลาที่เธอไม่อยู่มันจะเกิดกการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น เธอจึงให้คนจัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลอย่างไวที่สุด เพื่อที่เธอจะได้จับตามองมู่เวยเวยอย่างใกล้ชิด

เธอคิดว่าฉ่าวเฉินจะไล่มู่เวยเวยออกจากบริษัทสะอีก เธอเตรียมตัวที่จะหัวเราะเยอะมู่เวยเวยแล้วเชียว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอนั่นแหละที่กลายเป็นตัวตลกไปสะเอง!

ฉ่าวเฉิน ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้? คุณรู้มั้ยว่าใจของฉันเจ็บมากขนาดไหน?

เฉียวซินโยวแค้นใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย

เธอใช้เล็บขูดไปที่โต๊ะไม้อย่างแรงจนมีเสียง ซื่อซื่อ– ด้วยความที่เธอขูดอย่างรุนแรงทำให้เล็บของเธอหักจนเลือดอาบไปทั้งโต๊ะ

“คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะเจอเธอที่นี่อยู่อีก! ” เฉียวซินโยวตัวแข็งทื่อไปหมด และใบหน้าของเขายิ้มออกมาอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น

มู่เวยเวยไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยว่าเธอจะรู้สึกยังไง และเดินผ่านเธอไปเหมือนคนไม่รู้จักกัน

” เธอเป็นใบ้หรอ? หรือว่าไม่กล้าพูด! “เฉียวซินโยวสูดหายใจเข้าอย่างแรงและพูดด้วยความโกรธที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน

มู่เวยเวยก็ยังคงไม่สนใจเธอ และมองดูเอกสารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เธอเข้าใจแล้วว่าการแก้แค้นที่ดีไม่ใช่การตอบโต้ที่รุนแรงแต่เป็นการเพิกเฉยอย่างไร้ความรู้สึก

เฉียวซินโยวอยากตบเธอมากแต่ก็ต้องอดทันเอาไว้ เพราะที่นี่ไม่ได้มีพวกเขาแค่สองคน แต่ยังมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆอีก เธอต้องอดทนให้ได้ เธอต้องทำตัวเป็นคนดีและน่าสงสารต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน

เฉียวซินโยวบังคับให้ตัวเองหันหลังกลับและทำเป็นไม่สนใจเธอ

และในขณะนั้นเอง มู่เวยเวยใช้สายตาที่น่ากลัวของเธอและพูดอย่างนิ่งว่า “ฉันไม่ใช่แค่ยังอยู่ในบริษัทนะ เฉ่าเฉินพึ่งจะตอบตกลงให้ฉันกับบ้านตระกูลเย่ด้วย ”

” อะไรนะ? เฉียวซินโยวพูดขึ้นอย่างแรงกล้า ในตอนหลังเธอรู้ว่าเพื่อนร่วมงานมองอยู่ เธอก็เลยค่อยๆลดเสียงลงแล้วพูดอย่างเบาๆ ” ฝันไปเถอะ! เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธอหรอ? ”

” เหอะเหอะ! “มู่เวยเวยหัวเราะแห้งและตอบกลับอย่างนิ่งๆ “จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เลย ”

เฉียวซินโยวเจ็บไปถึงหัวใจและโกรธมากด้วย สติเธอเกือบหลุดออกจากร่างเลยทีเดียว และพูดขึ้นอย่างหยิ่งๆว่า “เธอยอมหย่ากับเย่ฉ่าวเฉินแล้วไม่ใช่หรอ? ตอนนี้เปลี่ยนใจ? ”

มู่เวยเวยหันไปมองเธอด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดอย่างจงใจเหยียดเสียง ” ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยาก เมื่อกี้ฉันก็พึ่งพูดเรื่องนี้กับเขา คนที่ไม่อยากหย่าไม่ใช่ฉัน ”

สังเกตุเห็นเฉียวซินโยวที่ไม่พอใจหนักมาก มู่เวยเวยก็ยิ่งพูดตอกย้ำไปอีกว่า ” เธอมาทำหน้าทำตาแบบนี้กับฉันก็เปล่าประโยชน์ ทางที่ดีฉันขอแนะนำให้เธอไปพูดกับเย่ฉ่าวเฉินให้ยอมหย่ากับฉันดีกว่า ยังไงสะสิทธิ์ทุกอย่างก็อยู่ที่เขา ”

เฉียวซินโยวน่ะเฉียวซินโยว เธอคิดว่าฉันยังเป็นคนโงเหมือนแต่ก่อนอยู่อีกหรอ?

เธอฉันจะไม่ได้ร้ายกาจแบบเธอ แต่เธอก็อย่าคิดเลยว่าจะทำอะไรฉันได้แม้แต่ปลายเล็บ!

เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง เฉียวซินโยวก็ไปหาเย่ฉ่าวเฉินตามคาด เธอพยายามปกปิดความรู้สึกของเธอเอาไว้ แล้วมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเย่ฉ่าวเฉินแล้วค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า ” ฉ่าวเฉิน ได้เวลากินข้าวแล้ว ”

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมอง และวางปากกาลง จากนั้นก็ลากมือเธอมาที่ห้องรับแขกแล้วให้เธอนั่งลงตรงโซฟาและบอกกับเธออย่างนุ่มนวลว่า ” ทำไมไม่พักผ่อนที่โรงพยาบาลให้นานกว่านี้อีกหน่อย? ”

เฉียวซินโยวหน้าซีดทันที ใจของเธอเหมือนโดนกรรไกรตัดออกเป็นชิ้น บรรยากาศเหมือนเต็มไปด้วยความขมขื่น เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อกี้ ที่คอของมู่เวยเวยที่มีรอยแดงเป็นจ้ำๆอยู่ เธอก็รู้สึกโกรธแค้นมาก!

” ซินโยว เธอเป็นอะไรไป? ” สังเกตว่าเธอผิดปกติมั้ยเย่ฉ่าเฉินจะถามขึ้นอย่างสงสัย

เฉียวซินโยวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอดกลั้นความรู้สึกของเธอในตอนนี้ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นพูดอย่างนิ่งว่า ” ฉันรู้สึกว่าที่นี่น่าเบื่อนิดหน่อย เราออกไปกินข้างนอกกันดีมั้ย? ”

เย่ฉ่าวเฉินหยุดคิดไปชั่วขณะแล้วค่อยๆพยักหน้าตอบรับ

เมื่อกลับถึงบริษัทอีกครั้ง เฉียวซินโยวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากๆ เธอตักอาหารให้ฉ่าวเฉินอยู่ตลอดๆและพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า ” ฉ่าวเฉิน คุณทำงานหนักตลอดเลย คุณต้องกินเยอะๆนะ ”

” โอเค ” เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า

เมื่อมองไปที่เฉียวซินโยว เขาไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลย เขาเริ่มชินกับความอ่อนโยนและความใส่ใจของเธอ

แม้กระทั่งในใจของเย่ฉ่าวเฉินยังคิดเลยว่าเธอเหมาะสมกับตำแหน่งภรรยามากกว่าเพราะเธอรู้ว่าผู้ชายต้องการอะไร

เฉียวซินโยวรู้ตัวว่าถูกเย่ฉ่าวเเฉินมองอยู่ หน้าเธอก็แดง และเธอก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เขามองเธอ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าความรุ้สึกนั้นจะเป็นยังไง แต่เธอมั่นใจว่าเขารู้สึกดีกับเธอ

ถึงแม้เธอจะไม่พอใจมากๆกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น แต่เธอต้องจัดการอารมณ์ตัวเองให้ได้ ต้องเตือนตัวเองว่าอย่าตื่นตระหนก เธอต้องเชื่อมั่นในตัวเอง สุดท้ายแล้วชัยชนะนั่นต้องเป็นของเธอ!

เฉียวซินโยวหน้าแดงและพูดอย่างเขินอายว่า ” ทำไมคุณมองฉันด้วยสายตาแบบนี้? ”

เย่ฉ่าวเฉินเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าเธอแล้วฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุขแล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า ” ฉันกำลังคิดอยู่ว่าต้องเป็นพ่อแม่แบบไหนกันถึงเลี้ยงลูกได้น่ารักและเรียบร้อยขนาดนี้? ”

เฉียวซินหน้าแดงเหมือนลูกพีช สายตาของเธอจ้องมองไปที่เขา เธอกัดริมฝีปากตัวเองแน่นและค่อยๆเลือนริมฝีปากไปใกล้ๆหน้าเขาจากนั้นหอมแก้มเขาไปหนึ่งฝอด

กำลังจะเดินกลับ ทันใดนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็คว้าเธอมาจูบอย่างเร่าร้อน ตัวของเธอลอยอยู่บนร่างกายของเขา เธอส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย- อือ

เขาต้องการเธอหรอ?

ร่างกายของเฉียวซินโยวร้อนไปทั้งตัว หัวเขามีเพียงความคิดนี้ หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ตืดตืด……” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันใดนั้นบรรยากาศก็ถูกทำลายลง

มองไปที่แผ่นหลังของเขาที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง ในใจของเธอแอบรู้สึกเสียดายนิดๆ เป็นเพราะสายโทรศัพท์นี้เลยที่โทรมาไม่รู้เวลาเลย

ไอ้สายโทรศัพท์บ้านี่ เกือบจะสมใจเธอแล้วเชียว. เธอสามารถรู้สึกได้ว่าเย่ฉ่าวเฉินเริ่มรู้สึกดีกับเธอแล้ว แต่กลับ……

หลังจากวางสาย เย่ฉ่าวเฉินก็มากลับมาข้างๆเฉียวซินอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ทั่งสองคนต่างรู้สึกเขินๆนิดหน่อย และไม่มีใครกล้าพูดถึงมันอีกเลย

ขณะที่ต่างคนต่างกิน เฉียวซินโยวก็คิดอะไรบางอย่างได้จึงทำขึ้นอย่างเบาๆ “ฉ่าวเฉิน เวยเวยบอกกับฉันว่าที่คุณแต่งงานกับเธอมีเหตุผลอื่น เหตุผลอะไรกันหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินเคร่งขรึมขึ้นมาก และพูดด้วยน้ำเสียงโกรธๆ ” เธอพูดกับเธอแบบนี้หรอ? ”

เฉียวซินโยวพยักหน้าทันทีแล้วพูดอย่างนิ่งๆว่า ” เธอบอกว่าเธอขอคุณหย่าแต่คุณไม่ยอมหย่า เธอเหมือนว่าจะโกรธเล็กน้อย……”

มู่เวยเวย เธอนี่จริงๆเลย!

ที่ฉันไม่ยอมหย่ากับเธอ เธอคงคิดว่าเธอแน่มากสินะ?

เย่ฉ่าวเฉินหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นไปอีก และพูดอย่างนิ่งว่า “แล้วเธอได้พูดถึงเหตุผลที่ฉันไม่ยอมหย่ามั้ย?”

เฉียวซินโยวตกใจและหยุดคิดสักพักหนึ่งแล้วคิดถึงเรื่องที่หนานกงเฮ่าพูดเมื่อวาน และพยายามหาปัญหาของเขาทั้งสองแล้วค่อยๆพูด……

“เวยเวยบอกว่า คุณก็แค่ไม่อยากให้เธอสมใจ สิ่งที่เธออยากทำคุณก็จะไม่ยอมให้เธอได้ดั่งใจ “เฉียวซินโยวค่อยๆพูดและสังเกตสีหน้าท่าทางของเขาไปด้วย

คำพูดพวกนี้เธอคิดและพูดขึ้นเองมั่วๆ จุดประสงของเธอไม่เพียงแต่อยากได้ยินคำนั้นจากเย่ฉ่าวเฉิน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอต้องทำลายความสัมพันธ์ของสองคนนั้นให้ได้

” เธอช่างประเมินตัวเองสูงจริงๆ “เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันแน่นแล้วพูดขึ้นด้วยความโกรธ

” แล้วมันเพราอะไรล่ะ? ”

เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่ใบหน้าอันอ่อนหวานของเฉียวซินโยว เดิมทีที่อยากจะปฎิเสธก็ไม่กล้าพูดออกจากปาก

“ฉันกับมู่เวยเวยเราไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันทั้งนั้น ที่ฉันแต่งงานกับเธอก็เพื่อที่จะล่อให้มู่เทียนเย่ออกมาเท่านั้นเอง ” เย่เช่าเฉินพูดเสียงต่ำ

เฉียวซินโยวมองเขาตาโต แกล้วทำท่าทางตกใจแล้วพูดว่า “เป็นเพราะพี่ชายของมู่เวยเวยหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว แล้วใช้สายตามองเขาอย่างตาแข็ง แล้วค่อยๆพูดว่า ” รู้จักพี่ชายเธอหรอ”

เฉียวซินโยวส่ายหน้า ค่อยพูดอย่างอ่อนโยน ” ฉันไม่เคยเจอเขาหรอก แต่ว่าตอนที่ฉันเรียนอยู่กับเวยเวยเธอมักจะพูดถึงพี่ชายเธอบ่อยๆว่าเธอคิดถึงพี่ชายมาก เลยได้ยินชื่อพี่ชายเธอมาบ้าง ”

เย่ฉ่าวเฉินทำท่าครุ่นคิดแล้วค่อยๆถามว่า ” ซินโยว เวยเวยได้พูดกับเธอบ้างมั้ยว่าช่วงนี้พี่เธอเป็นยังไงบ้าง? ”

เฉียวซินโยวไม่ได้สนใจเขา เธอเอาแต่ดีใจที่รู้ว่าที่แท้เย่ฉ่าวเฉินแต่งานกับเวยเวยก็เพราะพี่ชายของเธอ!

ถ้าเป็นแบบนี้ก็ยิ่งเข้าทางเธอเลยล่ะ!

เฉียวซินโยวทำท่าหยุดคิดไปพักหนึ่งแล้วค่อยๆส่ายหัวแล้วพูดว่า ” เวยเวยพูดเพียงว่าพี่ชายของเธอหายตัวไปนานมากแล้ว เธอเองก็พยายามตามหาตัวอยู่ ”

เมื่อเย่ฉ่าวเฉินฟังอย่างนั้น ก็รู้สึกสิ้นหวังทันที

ที่เขายอมพูดเรื่องนี้กับเฉียวซินโยว เพราะว่าเขาอยากรู้ข่าวคาวของมู่เทียนเย่ แต่ตอนนี้จะดูเหมือว่ามู่เวยเวยก็ไม่รู้ข่าวข่าวของพี่ชายเธอเหมือนกัน

มู่เทียนเย่ นานที่มันหลบดีจริงๆ! แต่ว่าไม่ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหา ฉันก็จะหาคุณให้เจอ!

เฉียวซินโยวทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแล้วค่อยพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน ” ฉ่าวเฉิน ระหว่างคุณกับพี่ชายของเวยเวยแท้จริงแล้วพวกคุณมีเรื่องอะไรกัน? เวยเวยรู้เรื่องมั้ย? ”

เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าหงุดหงิดแล้วพูดโดยใช้เสียงโทนต่ำว่า ” ซินโยว เรื่องบางเรื่องเธอก็ไม่ควรอยากรู้ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีกับเธอมากเท่านั้น เข้าใจมั้ย? ”

เขารู้ว่าซินโยวกำลังจะหลอกเธอเขา ซึ่งเขาไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากเกินไป

ซินโยวอึ้งไปเลย ชาไปทั้งตัว เธอได้ใจมากเกินไปจนเกือบลืมตัว

เธอคิดถึงแต่ก่อนที่เธอเคยเห็นบนหนังสือพิมพ์ ที่เขากำจัดคนที่พยายามจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวเขามันช่างโหดร้ายมาก เธอจึงกลัวจนตัวสั่น

” ฉ่าวเฉิน….. ฉันไม่ได้ตั้งใจ……” เฉียวซินพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ตกใจ

เมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกลัว เย่ฉ่าวเฉินก้กลับมาอ่อนโยนทันที และฉีกยิ้มออกแล้วพูดปลอบเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม ” ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ”

ยัยบื่อนี่ เขาแค่ลองแกล้งหยอกเธอเฉยๆ คิดไม่ถึงว่าจะขวัญอ่อนขนาดนี้

แต่ที่เขาไม่รู้คือ ที่เฉียวซินโยวพูดแบบนี้ก็มีจุดประสงค์บางอย่าง ตอนแรกเธอตกใจคิว่าเขารู้จุดประสงค์ของเธอ พอเขาพูดอย่างงั้นเธอก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือเขาลืมคิดถึงจุดนี้ไป

พอกินข้าวกลางวันกันเสร็จ เฉียวซินโยวก็กลับไปที่ตำแหน่งเดิมของตัวเอง และเธอก็ใช้สมองที่เธอมีคิดทันทีว่าเธอจะทำอะไรต่อไปดี

ตกลงแล้วฉ่าวเฉินกับมู่เทียนเย่มีเรื่องอะไรกันแน่?

ขณะที่เธอกำลังเกิดความสงสัย เธอก็คิดถึงหนานกงเฮ่าทันที เขากับเย่ฉ่าวเฉินสนิทกัน มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น?

พอคิดได้อย่างนี้ เธอหยิบโทรศัพทืขึ้นมา และเหลือบตาไปมองมู่เวยเวยแวบหนึ่ง เห็นว่าเธอกำลังออกแบบงานอยู่ จึงรีบใช้เวลานี้ส่งข้อความหาหนานกงเฮ่าทันที

ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณ เจอกันที่เดิม

เวลาไม่เกินห้านาที เธอรีบเปิดกล่องข้อความที่ตอบกลับเพียงข้อความสั้นๆ

ตกลง

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset