วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 1002 ตำนานที่ไม่มีวันตาย

ดังนั้นจึงไม่สามารถตำหนิหนานมู่หรงที่ตื่นตระหนกได้เพราะสมาชิกในครอบครัวที่มีพลังอำนาจเช่นนี้ บอกว่าเปลี่ยนก็เปลี่ยน

ไม่ว่าเขาจะมีความคิดอย่างไรก็รู้สึกว่ามันไม่ปกติ

แน่อนว่าหนานกงจิ่นรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

เขาพูดเสียงขรึม: “ถ้าอย่างนั้นนายยังจำได้ไหมว่าท่านหัวหน้าตระกูลหนานคนแรกมีชื่อว่าอะไร?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมาหนานมู่หรงก็อึ้งไป

ถ้าหากเขาจำไม่ผิดหัวหน้าตระกูลหนานคนแรกชะ ชื่อ… หนานจิ่น!

ใช่แล้ว ชื่อนี้แหละ

ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ถึงแม้จะรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ

หนานกงจิ่นยกมุมปากเล็กน้อยและไม่พูดอะไร

หนานมู่หรงกลับอ่านความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนจากสายตาของเขา และความทะเยอทะยานที่ถูกปลูกฝังมาตลอด

หัวใจของเขาสั่นอย่างรุนแรง

หนานกงยวู่พูดขึ้นในเวลาที่พอเหมาะ: “ยังไม่ทำความเคารพท่านหนานอีก!”

ตอนนี้ใบหน้าของหนานมู่หรงเปลี่ยนเป็นซีดขาว หน้าผากของเขามีเหงื่อเย็นผุดออกมาไม่หยุด

เขาส่ายหน้าอย่างไม่น่าเชื่อและเอาแต่พึมพำ: “ไม่ เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นไปได้…”

ใช่แล้ว ในฐานะผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าที่เติบโตขึ้นมาในศตวรรษใหม่ เขาไม่เคยเชื่อเลยว่าจะมีใครในโลกนี้มีชีวิตอยู่ถึงพันปี!

หนึ่งพันปี กระดูกควรจะต้องกลายเป็นผุยผง ไม่อย่างนั้นก็ต้องกลายเป็นหิน มันจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร!

ความตื่นตระหนกของหนานมู่หรงตกลงไปในดวงตาของหนานกงจิ่น

เขากลับไม่ใส่ใจ สุดท้ายแล้วการศึกษาในปัจจุบันที่หนานมู่หรงได้รับมาและโลกทัศน์ที่เขาอยู่ คงจะแปลก ถ้าเขาเชื่อเป็นครั้งแรกจริงๆ ว่าหนานกงจิ่นเป็นคนจากเมื่อพันปีก่อนจริง ๆ

หนานกงจิ่นยิ้มบาง ๆ และไม่รีบร้อน เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ

หลังจากวางถ้วยชาลงจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย: “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้เรื่องนี้มันจะเหลือเชื่อจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ โลกนี้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอ ใช่ไหมล่ะ”

หนานกงยวู่ที่อยู่ข้าง ๆ ส่งเสียงรับคำ “ใช่ ๆ ๆ นายท่านพูดถูก”

เขาได้รับเลือกจากหนานกงจิ่นและเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ตั้งแต่วันที่เขารับช่วงต่อ เขาได้เจอกับหนานกงจิ่น

ในช่วงแรกเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ยังไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ยังมีคนที่อยู่เหนือตนเองซึ่งเป็นถึงหัวหน้าตระกูลขึ้นไปอีก

แต่หลายปีมานี้ก็ทำให้เขาค่อย ๆ เข้าใจมากขึ้นว่าด้วยผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ด้วยวิถีทางและกำลังของเขายิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

หากตนเองไม่เชื่อฟังเขาแล้ว เกรงว่าอย่าว่าแต่ตำแหน่งหัวหน้าตระกูล แม้แต่ชีวิตก็คงรักษาไว้ไม่ได้

ไม่เพียงเท่านั้น ความลึกลับและพลังของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเขาสามารถต่อต้านเขาได้

ดังนั้นหนานกงยวู่จึงค่อยๆ ปล่อยความไม่พอใจออกไป

และยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าหนานกงจิ่นจะแบ็งแกร่งแต่เขาก็ไม่ได้สนใจผลประโยชน์ภายในของตระกูลเท่าใดนัก อีกทั้งยังไม่ใส่ใจด้วย

ในสายตาของเขา เงินทองเหล่านี้เปรียบเสมือนสิ่งของนอกกาย

การใช้ชีวิตประจำวันของเขาไม่มีอะไรที่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ

แม้แต่เวลาที่หนานกงยวู่พยายามจะเอาใจเขาด้วยการนำของมีค่าซึ่งเป็นของหายากแม้ในปัจจุบันมาให้ เขาก็ได้แต่มีสีหน้าเฉยเมยและมองผ่านไป

ต่อมาเขาจึงได้ให้เขาเอามันออกไปด้วยความรำคาญและบอกว่าไม่ต้องเอามาให้อีก

หนานกงยวู่จึงได้รู้ตัวว่าผู้ชายคนตรงหน้าเขาคนนี้ไม่สนใจเรื่องเงินทอง

และใช่ ตระกูลหนานทั้งหมดเป็นของเขาและพูดได้ว่าเขาสร้างมันมาด้วยมือของเขาเอง

แล้วเขายังจะสนใจเงินทองเล็กน้อยพวกนั้นอีกอย่างนั้นหรือ?

มีอะไรที่เขาต้องการแล้วจะไม่ได้บ้าง?

แม้ว่าหากเขาจะอยากได้ตำแหน่งเป็นหัวหน้าตระกูล เพียงประโยคเดียว การกระทำเดียว และแม้แต่ยืนขึ้นเพื่อยืนยันตัวตนของเขา จะมีคนจำนวนมากที่เกาะติดเขาและติดตามเขา เขาไม่ต้องการจะยืมมือคนอื่น ต้องการอะไรจากใคร

แน่นอนว่าย่อมจะมีคนที่ไม่เชื่อเขา

แต่ในเมื่อหนานกงยวู่เชื่อ ผู้ชายตรงหน้าเขาคนนี้ย่อมมีวิธีและความสามารถทำให้คนที่ไม่เชื่อ เชื่อเขาได้

เหมือนกับหนานมู่หรงที่อยุ่ตรงหน้าเขา

เมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวของหนานมู่หรง เหงื่อเย็นไหลไม่หยุด เขาพูดอย่างเรียบเฉย: “ในเวลาเพียงฉับพลัน คุณจะรับไม่ทันก็เป็นเรื่องปกติ ผมจะให้เวลาคุณ คุณก็

ค่อย ๆ ทำใจยอมรับไป”

น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยเหมือนกำลังพูดเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันแบบนั้น

และไม่รู้เลยว่าในใจของหนานมู่หรงนั้นกำลังเหมือนคลื่นที่ถาโถมอย่างบ้าคลั่ง

หนานมู่หรงมองดูเขา และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พยายามฮึดขึ้น

เขาถาม: “ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณ เพียงแต่เรื่องนี้มันยากเกินไปที่จะเชื่อ พูดตามจริง หากไม่ใช่ว่าหัวหน้าตระกูลก็อยู่ด้วย ผมคงเข้าใจผิดว่า คงคิดว่า…”

เขาก้มหน้าลง

หนานกงจิ่นยิ้ม

รอยยิ้มนั้นเหมือนสายลมและพระจันทร์ที่สดใสอ่อนโยนมาก

“เข้าใจว่าอะไร? เข้าใจว่าผมเป็นสิบแปดมงกุฎงั้นเหรอ?”

หนานมู่หรงพยักหน้าด้วยความอึดอัด

“เรื่องปกติ”

เขายิ้มอย่างแผ่วเบา หยิบกาน้ำชาขึ้นมา และรินน้ำชาในถ้วยเปล่าบนโต๊ะ

“หากคุณไม่เชื่อ ก็ยังมีอีกวิธีที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก”

เขาพูดพลางวางกาน้ำชาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ยกข้อมือขึ้น

และเห็นเพียงสิ่งที่น่าแปลกใจ

ถ้วยอยู่ตรงหน้าหนานมู่หรงยกขึ้นตามมือของเขาที่ยกขึ้นราวกับเป็นมายากล “ฟึ่บ” มันลอยเข้าไปอยู่ในมือเขา

หนานมู่หรงไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น วินาทีถัดมา ถ้วยอยู่ในมือของเขาแล้ว

เขาเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ

หนานกงจิ่นรินน้ำชาใส่แก้วในมือแล้ววางลงตรงหน้าเขา ยิ้มและพูด: “แบบนี้เชื่อได้รึยัง?”

หนานมู่หรงถึงกับพูดไม่ออกด้วยความสยดสยอง

นะ นี่…มันคืออะไร?

พลังโทรจิต?

เขากำลังเล่นมายากลงั้นเหรอ?

เมื่อเห็นว่าเขายังดูไม่เชื่ออยู่ หนานกงจิ่นก็ถอนหายใจและส่ายหัวราวกับว่าค่อนข้างกังวล

“ช่างเถอะ ดูแล้วคุณคงจะยังไม่เชื่อ งั้นผมจะแสดงให้คุณดูอีกครั้ง”

ขณะที่พูด ทันใดนั้นก็เงยหน้า ครั้งนี้ไม่ได้เล็งไปที่ถ้วยที่อยู่ข้างหน้าเขา แต่ไปที่กระถางดอกไม้บนดอกไม้ที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา ห่างออกไปประมาณสามเมตร

เห็นเพียงใบหน้าของหานกงจิ่นกระชับ และข้อมือของเธอตึงเล็กน้อย ดอกไม้นั้นดูเหมือนจริง ๆ แล้วถูกปกคลุมไปด้วยเวทมนตร์เกิดเสียง “ฟุ่บ”

วินาทีถัดมามันก็ปรากฏตัวอยู่ในมือของหนานกงจิ่น

เขามองไปที่หนานมู่หรงอีกครั้ง

“ครั้งนี้ คุณจะเชื่อได้รึยัง?”

ใบหน้าของหนานมู่หรงซีดเสียจนไม่สามารถจะซีดไปมากกว่านี้ได้แล้ว

เรียกได้ว่ามันซีดจนถึงขีดสุด สายตาที่มองไปที่หนานกงจิ่นนั้นเหมือนกับกำลังจ้องมองสัตว์ประหลาดตนหนึ่ง

ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดขึ้น: “คุณ…ไปเรียนวิชาแบบนี้มาจากไหน?”

หนานกงยวู่พูดเสียงขรึม: “สามหาว ทำไมถึงพูดกับนายท่านแบบนี้?”

หัวใจของหนานมู่หรงสั่นเทา

หนานกงจิ่นยกมือขึ้นหยุดการดุของหนานกงยวู่แล้วพูดเบา ๆ: “เมื่อนานมาแล้วบนแผ่นดินนี้ มีวิชากังฟูมากมายที่ยังไม่หายไป ตอนนี้พวกคุณอยากจะฝึกก็ไม่ได้แล้ว ฉันก็แค่ฝึกมาเมื่อนานมาแล้ว ไม่มีอะไรหรอก และไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณคิดว่าเป็นมายากลอะไร พูดแบบพวกคุณมันก็เพียงการใช้กระแสลมและกำลังภายในนิดหน่อยเท่านั้น”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset