วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 1005 ศรัทธาพลังทลาย

เขารู้ถึงบทบาทของตนเองดี ภายในตระกูลนี้ ตนเองก็แค่คนที่อยู่ปลายแถวสุดท้ายเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นหนานกงจิ่นหรือหนานกงยวู่ เพียงแค่พวกเขาต้องการก็สามารถกำจัดตนเองไปได้ทุกเมื่อ

ง่ายดายเหมือนกับการบี้มดให้ตายไปอย่างนั้น

ดังนั้นต่อให้จะเกิดความสงสัยในใจหรือไม่เข้าใจมากไปกว่านี้ เขาเองก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากถาม

เหมือนกับกลัวว่าจะโดนปิดปากหากว่าตนเองนั้นรู้มากเกินไป

จนถึงตอนนี้ แน่นอนว่าหนานมู่หรงไม่อาจจะแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและคิดเอาว่าตระกูลหนานของตนเองนั้นใสสะอาดเหมือนดั่งที่ตนเองรับรู้มาในอดีตอีกแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด แค่สัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีอายุพันปีที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ก็ทำให้รู้สึกไม่น่าเชื่อมากแล้ว

ถึงแม้หนานมู่หรงจะยังตะขิดตะขวงใจเรื่องอายุของเขาอยู่

แต่วิชาโทรจิตของหนานกงจิ่นเมื่อครู่ก็ไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นของปลอม อย่างน้อยเขาก็ดูไม่ออกว่ามันเป็นของปลอม

ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าคนตรงหน้าเขาจะพูดความจริง

แต่หากเขาบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเรื่องนี้ก็คงจะน่ากลัวเกินไป

ที่สุดแล้วหากเป็นคนทั่วไปต่อให้อีกฝ่ายจะอุบายลึกซึ้งแค่ไหน น่ากลัวแค่ไหนแต่ก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

แต่กับคนที่มีใช้ชีวิตมาหนึ่งพันปี หนานมู่หรงไม่รู้เลยว่าควรจะยังใช้คำว่ามนุษย์กับเขาได้อยู่หรือไม่

ยิ่งกว่านั้นตั้งแต่เขาได้รู้ความจริง ความผูกพันในปัจจุบันของเขากับวงศ์ตระกูลก็หายไปด้วย

แม้แต่รู้สึกศรัทธาที่ล่มสลาย

แต่หนานกงจิ่นไม่ได้สนใจความคิดของเขาอย่างชัดเจน

ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี

เขามีชีวิตอยู่มานาน นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ อีกทั้งยังรู้สึกอับอายที่ถูกคนตลบหลังอีกด้วย

สำหรับหนานกงจิ่นผู้หยิ่งยโส เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยมันไปง่าย ๆ

ผ่านไปครู่ใหญ่ ชายแก่ที่ชื่อเหล่าโม่ จึงได้นำกล่องที่ทำจากหยกขนาดประมาณครึ่งเมตรเข้ามา

“นายท่าน ต้นเงินทองบรรจุเรียบร้อยแล้วครับ”

หนานกงจิ่นยื่นมือและรับกล่องหยกนั้นมาแล้วเปิดมัน

เห็นเพียงมีต้นเงินทองนอนอยู่ข้างใน

ตามกิ่งก้านของต้น ยังมีผลสีทองอยู่บ้าง ซึ่งเป็นยาที่เขากินช่วงเวลาปกติไม่ใช่เหรอ?

หนานมู่หรงอึ้งไปชั่วขณะ

ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงว่ายาชนิดนี้นั้นหาได้ยาก ในฐานะลูกหลานของตระกูลจะได้รับการจัดสรรยานี้ในทุกปี

เดิมทีเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะส่วนผสมที่หาได้ยาก แต่คิดไม่ถึงว่าที่แท้มันคือพืชชนิดหนึ่งงั้นเหรอ?

ที่จริงแล้วตระกูลหนานสามารถพัฒนาและมีอิทธิพลมาได้ถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะหัวหน้าตระกูลมีความสามารถในการจัดการเท่านั้น

แต่ยังเป็นเพราะพวกเขามีโรคประจำตัว และโรคนี้จะแสดงอาการเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง เมื่อแสดงอาการแล้วหากไม่ได้รับยาก็จะต้องตาย

ไม่มีใครยอมตาย และหากไม่อยากตาย หนทางเดียวที่จะทำได้ก็คือต้องอยู่ในตระกูลหนานและทำเพื่อวงศ์ตระกูลต่อไป

ดังนั้นคนตระกูลหนานในหลายปีมานี้ไม่ว่าพวกเขาจะกลายเป็นคนร่ำรวยแค่ไหนหรือมีฐานะทางสังคมสูงแค่ไหน

ขอเพียงพวกเขาไม่สามารถจะวิจัยได้ว่ายาที่ช่วยชีวิตพวกเขาคืออะไร พวกเขาก็ทำได้เพียงทำงานต่อไปเพื่อวงศ์ตระกูล

หนานกงจิ่นมีชีวิตเป็นพันปีและปกครองตระกูลมาแล้วพันปี

ดังนั้นจึงพูดได้ว่าการมีชีวิตต่อไปเพื่อวงศ์ตระกูลก็เท่ากับมีชีวิตต่อเพื่อเขา

หากเทียบทั้งตระกูลเหมือนเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ เช่นนั้นหนานกงจิ่นก็เปรียบเสมือนศูนย์กลางสำคัญที่สุด

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนานมู่หรงก็ซีดเผือด

ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ว่าวันนี้เขาได้ล่วงรู้ความลับมากเกินไปเสียแล้ว

ไม่เพียงแต่ฐานะของหนานกงจิ่น ยังมีเรื่องยานั่น…

ความลับประเภทนี้ ทันทีที่ถูกแพร่งพรายออกไป ไม่เพียงจะทำให้เกิดความโกลาหล แต่คนในตระกูลย่อมมีความคิดที่แตกต่างและการกระทำต่าง ๆ ด้วย

เมื่อเป็นแบบนั้น…

เหงื่อเย็นของเขาไหลออกมาทันที

หนานกงจิ่นเป็นผู้มากประสบการณ์ ใยจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร?

เขามองไปที่หนานมู่หรงอย่างเฉยชาแล้วถามอย่างไม่ใส่ใจ: “ดีจริง ๆ อากาศก็ไม่ร้อน ทำไมคุณถึงเหงื่อออกเยอะแบบนี้ล่ะ? กลัวอะไรอยู่งั้นเหรอ?”

หนานมู่หรงสีหน้าขาวซีด

เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดเบา ๆ: “เปล่าครับ ผม…”

เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะพูดอะไรดีและไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะพูดอะไรเพื่อให้หนานกงจิ่นยอมปล่อยเขาไป

ทันใดนั้นกลับเห็นหนานกงจิ่นหัวเราะออกมา

เสียงหัวเราะของเขาแผ่วเบาราวสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากเปลี่ยนฉาก เกรงว่าจะทำให้คนมองว่าคนนี้ใจดีและมีเสน่ห์มาก

เขายื่นมือออกมาและตบบ่าของหนานมู่หรง

“ไม่ต้องตื่นเต้น คุณวางใจ วันนี้ที่ผมให้เหล่าโม่พาคุณมา ก็ไม่ได้คิดว่าคุณทำแพร่งพรายความลับนี้ออกไป”

หนานมู่หรงฝืนยิ้ม

“ขอบคุณนายท่านที่ไว้ใจ ผมจะรักษาความลับนี้ไปปจนตายและถือว่าวันนี้ไม่ได้ยินอะไรเลย”

หนานกงจิ่นพยักหน้า

เขายกมือขึ้นและยื่นกล่องหยกที่บรรจุต้นเงินทองไว้ให้เขา

“คุณช่วยเอาของสิ่งนี้ส่งมอบให้กู้ซือเฉียนที และเอาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์กลับมา เข้าใจไหม?”

หนานมู่หรงสีหน้าซีดเผือดและมองดูพืชสีทองอร่ามที่อยู่ในกล่องหยกนั้น

ภายในกล่องหยกไม่มีทั้งดินและน้ำ แต่ต้นไม้ต้นนั้นกลับดูเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี เมื่อส่องไฟไปที่ผลที่ทองเหล่านั้น มันดูเหมือนทองเป็นก้อน ๆ จริง ๆ

เขากลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้

หนานกงจิ่นพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย: “ผมเชื่อว่าคุณจะทำได้ ใช่ไหม?”

หนานมู่หรงพยักหน้า

ในขณะที่รับกล่องหยกมา เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นราวกับเสียงฟ้าร้องรัว ๆ

นี่คือกุญแจสู่ชะตากรรมของวงศ์ตระกูลเป็นเวลาหลายพันปี

หลายคนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลเพื่อสิ่งนี้

เมื่อหัวหน้าตระกูลบอกซ้าย ทุกคนไม่กล้าไปขวา หัวหน้าตระกูลให้ส่งส่วยจำนวนเท่าไหร่ในทุกปี ไม่มีใครกล้าให้น้อยกว่านั้นสักบาทเดียว

จะบอกว่านี่คือหัวหน้าตระกูลงั้นเหรอ นี่มันเรียกว่าราชาชัด ๆ

ในสังคมปัจจุบันนั้นยังจะมีสักกี่คนที่ได้สิทธิพิเศษเช่นนี้?

และในตอนนี้ดูเหมือนโอกาสนั้นจะอยู่ตรงหน้าตนเองแล้ว…

ขอเพียงตนเองเลี้ยงดูมันและให้มันเจริญเติบโต ชีวิตที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของหนานกงยวู่ก่อนหน้านี้ ก็คงจะ…

ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ เขาก็ต้องตกใจอย่างรุนแรง

รู้สึกเหมือนโดนบางอย่างในหัวอย่างแรง และจู่ ๆ ก็มีสติขึ้นมา

เขาได้สติและหันไปมองหนานกงจิ่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

แต่หนานกงจิ่นยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเช่นเดิมราวกับไม่ได้มองเห็นสีหน้าที่แปลกไปและความคิดในใจของเขาแต่อย่างใด

เขาเพียงแต่จ้องมองหนานมู่หรงนิ่ง ๆ แต่หนานมู่หรงกลับรู้สึกเหมือนถูกสายตาเย็นเยียบของเจ้างูร้ายจ้องมองจนต้องเสียงสันหลังวาบ

ไม่ ไม่ถูก

หนานกงจิ่นไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายอย่างนั้น

ถึงแม้กู้ซือเฉียนจะใช้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์มาบีบเขา หรือแม้แต่ใช้วิธีเผาหยกดั่งหินอย่างไม่ลังเล

แต่จากบทสนทนาเมื่อครู่แล้ว ก็รู้ว่ากู้ซือเฉียนไม่รู้ว่าหนานกงจิ่นเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตมาแล้วพันปี

เมื่อครู่เขาพูดผ่านกล้องรูเข็มว่าถ้าเขาและเฉียวฉีเสียชีวิต จากนั้นหนานกงจิ่นก็จะลงนรกไปพร้อมกับพวกเขา

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset