วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 101 เขามีลูกสาวแล้ว

บทที่101 เขามีลูกสาวแล้ว

จิ่งหนิงไม่คาดคิดเลยว่า งานรวมตัวที่ลู่จิ่งเซินกล่าวถึง คือการมาพบปะกับเพื่อนของเขา

ดังนั้น เมื่อเธอก้าวเข้าไปในห้องวีไอพี และสังเกตเห็นชายหนุ่มสองสามคนนั่งอยู่ภายในนั้น ทำให้เธอรู้สึกสับสนไปชั่วขณะ

“พี่ชาย พี่สะใภ้ พวกคุณมากันแล้ว!”

เซ่เซียวออกมาทักทายเป็นคนแรก แต่เมื่อคนที่เหลือเห็นจิ่งหนิง พวกเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง

รีบกล่าวทักทายในทันที

“ฉันได้ยินมาตลอดว่าพี่ชายสามซ่อนหญิงงามไว้ที่เมืองจิ้น ในที่สุดก็มีโอกาสได้เจอตัวสักที”

“พี่สะใภ้สาม สวัสดีครับ ผมชื่อเฟิงยี่”

“พี่สะใภ้สาม ผมชื่อกู้จี้เซิง”

“…”

เมื่อได้รับการต้อนรับอันแสนอบอุ่นจากพวกเขา จิ่งหนิงจึงปั้นยิ้มขึ้น พร้อมกับพยักหน้าตอบรับ

จิ่งหนิงรั้งที่ปลายเสื้อของลู่จิ่งเซินอย่างลับๆ เธอฝืนยิ้มและพูดด้วยเสียงที่ต่ำลงว่า:“ลู่จิ่งเซิน ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าจะมาพบกับพวกเขา?”

แน่นอนว่าเธอเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณชายเหล่านี้

ในฐานะของทายาทของสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ก็ถือได้ว่าพวกเขาเติบโตมาพร้อมกันกับลู่จิ่งเซิน คงไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของพวกเขา และที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาทั้งหมดถือเป็นบุคคลที่ทำให้หญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนต้องกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

ถือเป็นโอกาสที่หายาก สำหรับการรวมตัวกันในวันนี้

ลู่จิ่งเซินคลี่ยิ้มบางเล็กน้อย และจับมือเธอ

“ก็เธอไม่ยอมกลับเมืองหลวงมาฉลองวันปีใหม่ด้วยกันกับฉัน ก็เลยต้องนัดพวกเขามาเจอที่เมืองจิ้น”

จิ่งหนิง:“…”

อีกครึ่งเดือนก็จะปีใหม่แล้ว ก่อนหน้านี้ลู่จิ่งเซินได้เคยเอ่ยถามเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องการไปฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวง

เมื่อคราวนั้นเธอได้ตอบปฏิเสธไป ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะพัฒนาขึ้นตามลำดับ แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่สมควร

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ถึงแม้จะรู้สึกถึงความไร้เดียงสาเล็ก ๆ จากผู้ชายคนนี้ แต่ภายในใจของเธอกลับห้ามความรู้สึกหวานซึ้งที่ล้นปรี่ออกมานี้ไม่ได้

ท้ายที่สุดแล้ว บุคคลเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อจิตใจของลู่จิ่งเซินอย่างเห็นได้ชัด

จัดโอกาสพิเศษ ให้เธอได้พบกับพวกเขา ซึ่งวัตถุประสงค์ก็ชัดเจนอยู่ภายในตัวของมันเอง

จิ่งหนิงยกยิ้มมุมปาก ปรายตาขึ้นมองเขา จากนั้นจึงออกแรงหยิกไปที่เอวของเขาเงียบ ๆ

ชายคนนั้นไม่แสดงท่าทางเจ็บปวด แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับลึกขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อคนทั้งหมดนั่งลง

ลู่จิ่งเซินก็แนะนำจิ่งหนิงให้พวกเขาฟังอีกครั้งหนึ่งอย่างตั้งใจ จากนั้นจึงบอกให้พนักงานเสิร์ฟอาหาร

ในทีแรกจิ่งหนิงยังรู้สึกค่อนข้างอึดอัด เมื่อต้องมีเพื่อนของเขาอยู่ด้วย

แต่โชคดีที่คนกลุ่มนี้มีอายุใกล้เคียงกัน และมีเฟิงยี่ที่คอยทำให้บรรยากาศมีความเป็นกันเองมากขึ้น ผ่านไปไม่นาน จิ่งหนิงก็รู้สึกคุ้นเคยกับคนกลุ่มนี้มากขึ้น

คุณชายใหญ่ของกลุ่มนี้ เป็นที่รู้กันภายนอกว่าเป็นที่บุคคลเข้าถึงยาก แต่กลับเป็นคนพูดเก่งมาก เมื่ออยู่กับคนกันเอง

เซ่เซียวคงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง เฟิงยี่ ในฐานะลูกชายคนที่สองของตระกูลเฟิง จนถึงปัจจุบันยังคงค้นคว้าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ใหม่ ๆ และได้มอบหุ่นยนต์สุนัขตัวน้อยน่ารักให้กับจิ่งหนิง เพื่อเป็นของขวัญสำหรับการพบหน้ากันครั้งแรก

กู้จี้เซิงปฏิเสธที่จะตามรอยคนรุ่นก่อนในการเข้าสู่วงการการเมือง และเลือกเรียนแพทย์ แม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย แต่กลับเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่ง

เขาเป็นคนสุขุม พูดน้อย มักจะเจือด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

การรับประทานอาหารมื้อเย็น เป็นไปอย่างสนุกสนานและกลมกลืน

ระหว่างนั้น จิ่งหนิงได้ออกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางได้เจอกับยู่ซือไป๋

ยู่ซือไป๋ถือเป็นคนของตระกูลยู่ที่มีความโดดเด่นที่สุดในรุ่นนี้ ได้รับการยกย่องจากหญิงสูงวัยมาโดยตลอด

ความสัมพันธ์วัยเด็กของเขากับจิ่งหนิงค่อนข้างดี แต่เมื่อโตขึ้น เนื่องจากยู่ซือไป๋ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศประมาณสองสามปี ทุกคนจึงห่างเหินกันไป

ได้เจอเธอ ยู่ซือไป๋รู้สึกตกใจเล็กน้อย

“จิ่งหนิง ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้?”

จิ่งหนิงไม่ได้รังเกียจเขา เธอเพียงยิ้มบาง ๆ และตอบกลับไปว่า:“ออกมาทานข้าวค่ะ”

ยู่ซือไป๋ปรายตามองห้องวีไอพีที่อยู่ทางด้านหลังของเธอ

นัยน์ตาของเขามืดลง

ห้องวีไอพีห้องเดียวภายในวิลล่าลู่สุยที่ไม่เคยเปิดให้คนนอก ก็คือลานโบตั่น

ว่ากันว่ามีคนทำสัญญาระยะยาว แม้ว่าจะไม่มีใครมา ก็ไม่เปิดให้กับคนนอก

มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยสอบถามโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงได้รู้ว่าบุคคลนั้นคือลู่จิ่งเซิน

ยู่ซือไป๋มองไปที่เธอ“คุณและเขากลับเป็นคู่ที่ไม่เลวเลยนะ”

จิ่งหนิงรู้ว่า“เขา”ที่ยู่ซือไป๋พูดหมายถึงใคร

คุณนายยู่ไม่เห็นด้วยที่เธออยู่กับลู่จิ่งเซิน เดาได้ว่ายู่ซือไป๋ก็ต้องรู้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจิ่งหนิงจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องต่อความยาวสาวความยืด เพียงแต่พยักหน้าเบา ๆ

“ไม่มีอะไรแล้ว ฉันเข้าไปก่อนนะคะ”

พูดแล้วก็หันหลังและเดินกลับไปยังห้องจัดเลี้ยง

เพียงสองก้าว เสียงของยู่ซือไป๋ก็ดังมาจากข้างหลัง

“เขามีลูกสาวแล้ว คุณรู้รึเปล่า?”

ก้าวเดินของจิ่งหนิงชะงักลงกับที่

เธอหันหน้ากลับไป มองยู่ซือไป๋ด้วยความตกใจ

ยู่ซือไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า:“ผมคิดว่าเขาจะบอกคุณ แต่ดูจากปฏิกิริยาของคุณแล้ว คุณคงไม่รู้ใช่ไหม? ”

จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไร

ยู่ซือไป๋ถอนหายใจ

“ตระกูลยู่มีการติดต่อกับตะกูลกวนในเมืองหลวง ดังนั้นฉันจึงได้ยินข่าวบางอย่างเช่นกัน ว่ากันว่าเขาและบุตรสาวตระกูลกวนที่ชื่อว่ากวนเสว่เฟยมีการหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เล็ก ผมไม่รู้ว่าลูกสาวของเขาใช่ลูกที่เกิดจากเขาและกวนเสว่เฟยหรือไม่ แต่อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ การหมั้นของพวกเขาก็ยังไม่ถือเป็นโมฆะ

จิ่งหนิง พวกเราโตมาด้วยกัน ผมไม่อยากให้คุณถูกหลอก และยิ่งไม่อยากเห็นคุณเจ็บปวด ดังนั้นผมจึงบอกเรื่องนี้กับคุณ คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะจัดการอย่างไร คุณตัดสินใจเองก็แล้วกัน!”

ยู่ซือไป๋พูดเสร็จ ก็เดินจากไป

จิ่งหนิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเลื่อนลอย สมองว่างเปล่า

เลือดบนใบหน้าของเธอจางหาย เหลือเพียงใบหน้าอันซีดเซียว

ลมอ่อน ๆ ซึมซาบไปถึงความหนาวเย็นภายในกระดูก แทรกผ่านฝ่าเท้าไหลทะลักขึ้นมา

แช่แข็งเธอทั้งร่าง ปะทะเข้ากับหัวใจของเธออย่างจัง

เขา…มีคู่หมั้นอยู่แล้ว?

และมีลูก?

ผ่านไปสักพัก ประตูของห้องวีไอพีของลานโบตั่นได้เปิดออกมาจากด้านใน ลู่จิ่งเซินเดินออกมา เห็นเธอยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน จึงสาวเท้าเข้าไปหา

“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้?”

หลังจากเข้ามาใกล้ พบว่าสีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย จึงขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

เขาเอื้อมมือไปจิ้มหน้าผากของเธอ และกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า:“เป็นอะไรไป?ไม่สบายหรือ?”

จิ่งหนิงจับจ้องไปยังเขา

ชายผู้มีคิ้วทรงดาบและนัยน์ตาราวกับดวงดารา ใบหน้าฉายชัดถึงความเป็นห่วงและกังวล

แต่ในขณะนี้ สิ่งเหล่านี้กลับเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยันในทันที

ฉันส่ายหน้าไปมา คงตาฝาดไป แล้วพูดเบาๆว่า:“ฉันไม่เป็นไร”

พูดจบก็หมุนตัวกลับเข้าห้องวีไอพีไป

เวลาต่อมา ลู่จิ่งเซินรู้สึกว่าได้อย่างชัดเจนว่า ผู้หญิงข้างกายของเขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ดูไม่มีความสุขเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับว่าเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์

เมื่อนึกถึงตอนที่เธอออกไปเข้าห้องน้ำก่อนหน้านี้ เขาดูเหมือนจะเข้าใจอะไรได้บางอย่าง

แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร

หลังจากกลับถึงบ้านในเย็นวันนั้น จิ่งหนิงเข้าห้องน้ำก่อนเพื่ออาบน้ำ เมื่อออกมาพบว่าชายหนุ่มได้ไปที่ห้องทำงานแล้ว บอกว่าเป็นเรื่องด่วนของทางบริษัทที่ต้องจัดการ

เธอก็ไม่สนใจ และเข้านอนไปก่อน

คืนนี้เธอฝัน

ในฝันช่างแปลกประหลาด และมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย

มีช่วงวัยเด็ก มีช่วงเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ที่เธออยู่ต่างประเทศ และมีบางอย่างที่คลุมเครือไม่ชัดเจน เกี่ยวกับภาพของชายหนุ่ม

และสุดท้าย เธอก็มาหยุดอยู่บนโถงทางเดินอันมืดมิด โดยมียู่ซือไป๋ที่พูดประโยคนั้นกับเธอด้วยสายตาเห็นใจและเป็นกังวล

จิ่งหนิงสะดุ้งตื่นขึ้น

ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงอยู่ด้านนอกหน้าต่าง เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว

เธอตกใจมาก เบนหน้ามองข้าง ๆ เตียงนั้นว่างเปล่าแล้ว อุณหภูมิที่เย็นจัดบอกเธอว่า ชายผู้นั้นได้จากไปนานแล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset