วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 115 เดินแบบแบรนด์ดัง

บทที่ 115 เดินแบบแบรนด์ดัง

เธอขมวดคิ้ว สีหน้าอึมครึม

“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่เรื่องเล็กน้อย เงินนี่พวกคุณเก็บไปเถอะค่ะ”

เหตุผลที่เธอช่วยอานอาน เป็นเพราะรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ เจอกันครั้งแรกก็ชอบเธอมาก ไม่ได้ทำไปเพื่อเงิน

หญิงชราเห็นอย่างนี้ ดวงตาก็เป็นประกายเพียงเล็กน้อยอย่างจับสังเกตไม่ได้

แต่ก็ไม่ได้ดึงดันอะไรมาก ยิ้มแล้วพูดขึ้น: “เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ขอบคุณมากเลยนะคะ!”

จิ่งหนิงพยักหน้า แล้วก็จะเดินออกไป

แต่อานอานกลับดึงแขนเสื้อของเธออย่างกะทันหัน

แค่ก้มหน้า ก็เห็นใบหน้าเล็กๆที่ละเอียดอ่อนของเด็กน้อย กำลังเงยหน้ามองเธอ

ใบหน้าที่ไร้เดียงสาน่ารักจริงเชียว

แต่เดิมจิ่งหนิงที่อารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้วก็ดีขึ้นมาทันที ในใจอ่อนยวบ นั่งยองๆลงไปพูดอย่างนุ่มนวล: “หนูยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอจ๊ะ?”

“หม่ามี้ ต่อไปพวกเราจะยังได้เจอกันอีกไหมคะ?”

จิ่งหนิงยิ้ม

ดูแล้วไม่เพียงแต่เธอที่ไม่อยากจากเด็กน้อยไป เด็กคนนี้ก็ไม่อยากจากเธอไปเช่นกันสินะ!

แต่ทว่า คิดแล้วคงไม่น่าจะได้เจอกันอีก

แต่เธอไม่ยอมที่จะบอกเธอไปอย่างนั้น จึงยื่นมือไปลูบๆหัวของเธอ พูดขึ้น: “ถ้ามีวาสนาต่อกัน คงได้เจอกันอีกนะ”

“งั้นหม่ามี้ให้เบอร์โทรศัพท์กับหนูได้ไหม? ต่อไปถ้ามีเวลา หนูโทรหาหม่ามี้ได้ไหมคะ?”

จิ่งหนิงตกตะลึง

หญิงชราเห็นอย่างนี้ จึงรีบพูดขึ้น: “ใช่ๆๆ เด็กคนนี้ชอบคุณมาก! ทิ้งเบอร์โทรไว้เถอะค่ะ หากว่าเธอคิดถึงคุณจะได้ติดต่อคุณได้”

จิ่งหนิงคิดๆ รู้สึกว่าอย่างนี้ก็โอเค

จึงบอกเบอร์โทรศัพท์ของตนเองให้เด็กน้อย

เห็นเด็กน้อยใช้มือถือของคุณย่าบันทึกชื่อเธอว่า “หม่ามี้” อย่างตรงไปตรงมา หางตาอดไม่ได้ที่จะกระตุกอย่างแรง

ดูแล้วเด็กน้อยจะเล่นละครจนถึงที่สุดสินะ!

ก็ไม่รู้ว่าหม่ามี้แท้ๆของเธอเห็นบันทึกชื่ออันนี้แล้วในใจจะรู้สึกอย่างไร

แต่จิ่งหนิงกลับไม่ได้แก้ไข อันที่จริงเมื่อคืนเธอก็พูดไปหลายรอบแล้วว่าตนเองไม่ใช่หม่ามี้ของเธอ แต่ก็ไม่สามารถทำให้เด็กน้อยแก้ให้ถูกต้องได้ แน่นอนว่าตอนนี้ก็คงไม่คาดหวังแล้ว

หลังจากให้เบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว อย่างไรก็ตามจึงเดินไปส่งสองคนย่าหลานเสียเลย แล้วจิ่งหนิงก็ขับรถไปบริษัท

และอีกด้านหนึ่ง เด็กน้อยกับคุณย่าที่เพิ่งขึ้นรถ กำลังมองรถคันนั้นที่ขับออกไปไกลแล้ว ต่างก็หน้าตาตื่นเต้นดีใจ

“คุณย่าคะ หนูเจอหม่ามี้แล้วจริงๆ เธอเป็นหม่ามี้ของหนู!”

หญิงชรายิ้มแป้น “ดีใจกับอานอานด้วยนะ เมื่อคืนอยู่กับหม่ามี้ดีไหม?”

อานอานพยักหน้าอย่างเต็มที่ “อื้อ อ้อมกอดหม่ามี้นุ่มมาก หอมมาก หม่ามี้ยังเล่านิทานให้หนูฟังด้วย เสียงของเธอก็น่าฟัง อานอานไม่อยากแยกจากหม่ามี้อีกแล้ว”

หญิงชราพยักหน้า “เมื่อกี้ย่าก็ลองหยั่งเชิงดูแล้ว เธอไม่เลวเลยจริงๆ! หลานสบายใจได้ รอให้แดดดี้กลับมา พวกหลานก็จะไม่ต้องแยกจากกันแล้วนะ”

พูดเรื่องนี้ เด็กน้อยก็ขมวดคิ้วขึ้น

“แต่แดดดี้ไม่รู้ว่าพวกเราแอบหนีออกมา ถ้าเขารู้ เขาจะให้อภัยหนูไหมคะ?”

หญิงชรามองเธอ

ปรากฏรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจน

“ให้อภัยสิจ๊ะ หลานวางใจเถอะ”

……

เย็นวันนั้น ลู่จิ่งเซินก็กลับมาถึงเมืองจิ้น

คนรับใช้ในบ้านก็ฉลองปีใหม่กันเสร็จแล้ว ทยอยๆกลับกันมา

วันที่ห้า บริษัทเริ่มทำงาน ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ

ปีใหม่เริ่มต้นขึ้น จิ่งหนิงก็เริ่มยุ่งอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีเหตุผลอื่น นักแสดงกี่คนของซิงฮุยที่เข้าร่วมการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถของวาไรตี้ออนไลน์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นการโฆษณาพวกเขา จิ่งหนิงจึงให้พวกเขาเข้าร่วมแฟชั่นโชว์งานหนึ่ง

แฟชั่นโชว์ครั้งนี้ นักออกแบบชั้นแนวหน้าของในประเทศกี่คนนั้นเป็นผู้จัดตั้ง แต่เดิมเหมือนกับว่าพวกเขาที่เป็นมือใหม่อย่างนี้จึงไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม แต่ไม่ว่าอย่างไรจิ่งหนิงก็หาโควตาผู้เข้าร่วมมาจนได้ ดึงดันให้พวกเขาได้เข้าไป

ฝ่ายอำนวยการของแฟชั่นโชว์คืออานหนิงกั๋วจี้ ซิงฮุยในฐานะที่ทำงานร่วมกัน จึงได้เข้าร่วมด้วย

นอกจากกี่คนนี้ ยังมีหลินเทียนที่เพิ่งกลับมาในประเทศ

แฟชั่นโชว์ครั้งนี้ U.MAX เป็นแบรนด์หลัก และแบรนด์นี้ประจวบกับมีหลินเทียนเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย

หลินเทียนกลับมาในประเทศครั้งนี้ มีโอกาสรับมือการวางแผนบทพูดของแบรนด์ที่มีแผนการจะตีตลาดวัยรุ่นภายในประเทศ ด้วยเหตุนี้หลินเทียนจึงถือเป็นตัวหลัก

บ่ายวันที่สอง

U.MAX เปิดประชุมเพื่อแถลงผลิตภัณฑ์ใหม่ของฤดูใบไม้ผลิปีนั้นอย่างเป็นทางการ

ตอนที่รู้ว่าหลินเทียนก็เข้าร่วมการประชุม วงการบันเทิงและแฟนคลับทั้งหมดภายในประเทศแทบจะสงบจิตใจไม่ได้

อันที่จริง ก่อนหน้านี้หลินเทียนก็พัฒนาอยู่ที่ต่างประเทศมาโดยตลอด แม้ความเป็นที่นิยมภายในประเทศจะยังคงสูงอย่างสม่ำเสมอ แต่งานกลับไม่มากสักเท่าไหร่

และที่เขากลับประเทศมาก่อนหน้านี้ยังคงเป็นความลับ ไม่มีใครรู้เรื่อง

ตอนนี้ได้ยินว่าเขาจะเข้าร่วมการประชุมอย่างฉับพลัน นี่ถึงมีคนไปสืบจากข่าวที่ไม่เป็นทางการ เขากลับมาในประเทศตั้งแต่กี่วันก่อนแล้ว ทั้งยังเซ็นสัญญากับบริษัทเล็กๆที่ไม่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งอีกด้วย ก็คือผู้ที่ทำงานร่วมกันครั้งนี้ บันเทิงซิงฮุย

ข่าวในอินเทอร์เน็ตก็สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วอย่างฉับพลัน มีความคิดเห็นที่มากมายหลากหลาย

ทุกคนทยอยพากันค้นหาสรุปว่าซิงฮุยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนกันแน่ ไม่นึกว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเทพบุตรเช่นนี้

แต่กลับคิดไม่ถึง แค่ค้นหาก็พบว่า เป็นซิงฮุยที่มีชื่อเสียงมากเมื่อสิบปีก่อน ต่อมาค่อยๆตกต่ำลง สุดท้ายก็เกือบจะล้มละลายแล้วโดนคนซื้อไปบริษัทนั้นใช่ไหม?

ได้ยินว่าบริษัทนี้จนกระทั่งตอนนี้ รวมทั้งหมดก็มีนักแสดงไม่ถึงสิบคน นอกจากถังลั่วเหยาที่มีชื่อเสียงอยู่นิดหน่อย คนอื่นๆก็เรียกได้ว่าเป็นหน้าใหม่กันทั้งนั้น

แต่เดิมก็ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่าตอบแทนอะไรด้วย!

ไม่นึกว่าเทพบุตรจะเลือกเซ็นสัญญากับมัน? นี่ไม่ได้เป็นการทำลายอนาคตของตนเองอยู่เหรอ?

ในทันทีแฟนคลับก็ไม่อยู่เฉยแล้ว สำหรับเรื่องนี้บนอินเทอร์เน็ตกำลังดุเดือด

และอีกด้านหนึ่ง

จิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้ยินเรื่องนี้แล้ว

ช่วงนี้เธอไม่กล้าปรากฏตัวในสังคม และไม่ได้ติดต่อกับถงซูสักเท่าไหร่ จู่ๆได้ยินเรื่องนี้ ยังคิดว่าไม่จริงอีกด้วย

จนกระทั่งโทรไปยืนยันกับถงซูให้แน่ใจด้วยตนเอง จึงรู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริง

จิ่งเสี่ยวหยาโมโหจนความดันขึ้น

เธอรู้ว่า ตอนนี้ซิงฮุยมีจิ่งหนิงเป็นคนจัดการ ตอนแรกยังคิดว่าจะรอหัวเราะเยาะเธอ ไม่นึกว่าเธอจะเซ็นสัญญากับหลินเทียนได้?

นั่นก็บ่อเงินบ่อทองที่ส่งถึงหน้าประตูเชียวนะ! ใครจะไม่ต้องการ?

ไม่เพียงแต่เธอ แม้กระทั่งถงซูก็โมโหมาก

เธออยู่ในวงการนี้มาหลายปี เส้นสายที่รู้จักกว้างขวางมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินเพื่อนที่ต่างประเทศพูดอยู่ว่า หลินเทียนมีแผนการที่จะกลับมาพัฒนาในประเทศ

เดิมทีเธอยังคิดจะใช้โอกาสนี้ ดึงตัวเขามาที่เฟิงหัว อย่างนี้ เฟิงหัวก็แทบพูดได้ว่ามีต้นทุนที่จะต่อต้านอานหนิงกั๋วจี้แล้ว

แต่คิดไม่ถึง ยังไม่รอให้เธอได้ลงมือ อีกฝ่ายก็โดนจิ่งหนิงแย่งไปแล้ว?

บริษัทที่ขาดทุนอย่างนั้น?

เฮอะ! หลินเทียนเซ็นกับมัน คิดจะช่วยเหลือคนยากจนงั้นเหรอ?

ถงซูไม่เข้าใจความคิดของหลินเทียนเลยจริงๆ แค่คิดก็รู้สึกปวดหัว

สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก เซ็นสัญญาไปแล้ว ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะแย่งมา ทำได้เพียงจัดการเรื่องที่อยู่ในมือให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่

คิดอย่างนี้ เธอจึงพูดกับจิ่งเสี่ยวหย่า: “เรื่องที่ฉันกำชับเธอก่อนหน้านี้ เธอเตรียมพร้อมหรือยัง?”

จิ่งเสี่ยวหย่าอืมออกมา “เธอวางใจเถอะ! ฉันเตรียมทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

“ดี เธอจำไว้นะ! นี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่เธอจะพลิกตัวกลับมาได้! ต้องไม่ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เข้าใจไหม?”

“ฉันเข้าใจ มีคนเมืองหลวงด้านนั้นหนุนหลัง ฉันเชื่อว่าต่อให้จิ่งหนิงมีฝีมือมากกว่านี้ ก็หมดหนทางที่จะหยุดการหวนกลับมาของฉันได้ และ……”

เธอกำลังมองรถที่วิ่งกันอย่างขวักไขว่นอกหน้าต่าง ยิ้มเยาะ

“วันสุดท้ายของเธอก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ถึงตอนนั้น ฉันจะยิ้มมองเธอที่กลายเป็นหมากลางถนนตัวหนึ่ง คุกเข่าขอร้องฉันอยู่บนพื้น!”

ได้ยินคำพูดของเธอ ถงซูก็ราวกับคิดถึงอะไรบางอย่าง หัวเราะออกมา

“ฉันรอคอยวันนั้นจริงๆ!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset