วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 117 แนะนำผู้ชายให้

บทที่ 117 แนะนำผู้ชายให้

ในเมื่อเธอไม่รู้เรื่องเอง เช่นนั้นไม่สามารถกล่าวโทษเธอที่ต้องเป็นย่าที่ใจร้ายคนนี้

เมื่อคิดเช่นนี้ หวังเสว่เหมยก็พูดขึ้นว่า : “ไม่เห็นหรอว่ามีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง? ไม่รู้จักหรือว่ายังไงหรอ? ทำไมไม่ทักทายล่ะ?”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

กิจการของตระกูลจิ่งไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับเธอมาก่อนเลย ดังนั้นเธอเลยไม่รู้จัก และไม่รู้ว่าตัวเองจำเป็นต้องกล่าวทักทายกับประธานสวี่ คนนี้ด้วย

จากนั้นเธอก็หันหน้ามองผู้ชายที่อมยิ้ม และจ้องมองเธอตลอดที่อยู่ตรงข้าม

เธอไม่เคยหักหน้าหวังเสว่เหมยต่อหน้าคนนอกมาก่อนเลย เลยกล่าวทักทายขึ้นว่า “สวัสดีค่ะ ประธานสวี่”

“โธ่ ไม่เห็นต้องเป็นทางการขนาดนี้เลย ผมมีอายุมากกว่าคุณเพียงไม่กี่ปีเอง เรียกผมว่าพี่สวี่ หรือพี่ เทียนหง ก็ได้แล้ว”

สวี่เทียนหง หัวเราะอย่างเบิกบานใจ แถมแฝงด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจด้วย

จนจิ่งหนิงอดใจมองบนใส่หนึ่งทีไม่ไหว

อายุมากไม่กี่ปีหรอ?

ทั้งที่อายุมากกว่าตั้งสิบกว่าปี

ถ้าหากเธอจำไม่ผิด สวี่เทียนหง คนนี้อายุสามสิบเจ็ด สามสิบแปดปีแล้ว ซึ่งอายุเกือบจะสี่สิบปีแล้วด้วยซ้ำ!

ต้นปีนี้เขาเพิ่งโกนหนวดเครา และโกนหัวล้าน สงสัยเขาคิดว่าตัวเองดูเหมือนกับคนอายุยี่สิบสองหรอ?

เธอไม่ได้เอาเรื่องเหล่านี้พูดออกมา และคงไม่เรียกเขาว่า พี่สวี่ ด้วย แต่เธอหันหน้ามองหวังเสว่เหมย และพูดขึ้นว่า

“คืนนี้หนูยังมีงานอื่นอีก มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมาเถอะ!”

หวังเสว่เหมย พูดขึ้นว่า : “รีบร้อนอะไรกัน? ที่เรียกเธอกลับมาก็แค่อยากให้มากินข้าวด้วยกัน ยังไม่ทันเสิร์ฟข้าวเลยจะรีบไปไหน เหมาะสมหรอ?”

ขณะที่เธอพูดก็หันหน้ายิ้มแย้มต่อ สวี่เทียนหง และพูดว่า : “ประธานสวี่คะ ขอโทษด้วยนะคะ เด็กคนนี้ถูกครอบครัวสั่งสอนจนติดนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจมาก คุณอย่าถือสานะคะ”

สวี่เทียนหง หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้น และพูดว่า : “ไม่เป็นไรครับ ผมชอบคุณจิ่งที่เป็นคนพูดตรงไปตรงมาครับ”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว เมื่อฟังจากบทสนทนาของพวกเขาสามารถสัมผัสถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างขึ้น

ทันใดนั้น ข้างนอกก็มีเสียงอ่อนช้อยหนึ่งดังขึ้น

“คุณย่าคะ รถยนต์ที่จอดอยู่ข้างนอกของใครกันคะ? วันนี้ที่บ้านมีแขกหรอค่ะ?”

สิ้นสุดเสียง จิ่งเสี่ยวหย่าก็โอบแขนมู่ยั่นเจ๋อเดินเข้ามาจากด้านนอก

เมื่อจิ่งหนิงเห็นเธอก็เผยสายตาเย็นชาทันที

แต่จิ่งเสี่ยวหย่ากลับเผยสีหน้าประหลาดใจขึ้น

“พี่สาว! พี่กลับมาแล้วหรอ!”

ขณะที่พูด เธอก็ปล่อยมือออกจากแขนของมู่ยั่นเจ๋อ แล้ววิ่งเข้ามาหาจิ่งหนิงด้วยท่าทางดีอกดีใจ

เมื่อวิ่งเข้ามาใกล้ เธอก็เหลือบเห็น สวี่เทียนหง ที่นั่งบนโซฟา “เอ๊ะ? คุณคนนี้ใครหรือค่ะ?”

เมื่อหวังเสว่เหมยเห็นเธอก็ยิ้มแย้มอย่างจริงใจขึ้น

เมื่อได้ยินแบบนี้ เธอก็ยิ้มและพูดว่า : “ท่านนี้คือประธานสวี่ หลายปีมานี้ได้ให้ความช่วยเหลือบ้านเรามากมาย หนูเรียกเขาว่าพี่สวี่ก็พอ “

เมื่อจิ่งเสี่ยวหย่าได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแย้มด้วยสีหน้าเชื่อฟัง และพูดว่า “สวัสดีค่ะ พี่สวี่ “

สวี่เทียนหง หัวเราะและพูดขึ้นว่า : “ได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูรองของตระกูลจิ่งมานาน วันนี้ได้เห็นกับตาต้องยอมรับว่าสวยจริงๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ขณะที่เขาพูดก็ลุกขึ้นเดินมาจับมือกับจิ่งเสี่ยวหย่า

จากนั้นเขาก็เหลือบเห็นมู่ยั่นเจ๋อข้างกายของจิ่งเสี่ยวหย่า เขาเผยสายตาเป็นประกายขึ้นทันที

“ท่านนี้คงเป็นคุณชายตระกูลมู่ใช่ไหมครับ?”

มู่ยั่นเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย “ครับ”

“คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะสามารถพบคุณ ดูเหมือนเรามีวาสนาต่อกัน”

มู่ยั่นเจ๋อไม่ค่อยชอบคนที่ประจบประแจงแบบนี้ แต่เห็นแก่หน้าตาของตระกูลจิ่ง เขาเลยพยักหน้าเล็กน้อย

“คุณสวี่ เกรงใจเกินไปแล้ว”

ทันใดนั้น หยูซิ่วเหลียนก็เดินออกมาบอกทุกคนว่า อาหารเย็นได้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว สามารถมารับประทานกันได้แล้ว

จากนั้นทุกคนก็พากันลุกขึ้นไปห้องอาหาร

จิ่งหนิงลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้าย เพราะไม่อยากเดินร่วมกันกับใคร แต่ไม่รู้ว่าเขามีเจตนาหรือเปล่า จู่ๆ สวี่เทียนหง ก็ตั้งใจเดินช้าลง

เขาเหลือบมองประเมินจิ่งหนิงเล็กน้อย และรู้สึกว่าผู้หญิงเบื้องหน้าหน้าตาสวยรูปร่างดี แถมยังเผยออร่าสูงส่งด้วย

ซึ่งท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้หน้าตาที่สวยของเธอยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น และยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหมั่นไส้อยากฉีกสีหน้าเย็นชา และเหยียบย่ำแรงๆ

เมื่อคิดแบบนี้ สวี่เทียนหง ก็เผยสายตามืดครึ้มขึ้น

เขายิ้มและพูดเอาอกเอาใจว่า : “ปกติคุณหนูจิ่งไม่อยู่บ้านหรอครับ? พักอยู่ข้างนอกคนเดียวหรอครับ?”

จิ่งหนิงมองเบื้องหน้าอย่างเดียว แทบไม่เหลือบตามองเลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเธอจะตอบคำถาม

ตอนนี้เธอเริ่มมองออกบางอย่างแล้ว สวี่เทียนหง คนนี้จ้องมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ อีกทั้งจู่ๆหวังเสว่เหมยก็เรียกเธอกลับมาด้วย นี่คงเป็นงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อสังหารเธอแน่

เพียงแต่…..ไม่ใช่ว่าเธอต้องการใช้ประโยชน์จากตัวเองเพราะลู่จิ่งเซินหรอกหรอ?

ทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ของเธอกับลู่จิ่งเซินยังกล้าแนะนำผู้ชายให้กับเธออีก สมองมีน้ำเข้าหรือยังไง?

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าหวังเสว่เหมยจะทำอะไร

เมื่อ สวี่เทียนหง เห็นเธอไม่ยอมพูดจากับตัวเองก็เผยสายตาแหลมคมขึ้น

แต่เขาเป็นคนแสร้งเก่งมาก เพียงแค่วินาทีเดียวก็สามารถเปลี่ยนสีหน้าอ่อนโยนและเอาอกเอาใจเหมือนเดิม

“คุณหนูจิ่งไม่ต้องเมินเฉยต่อผมหรอกครับ คุณเองคงมองเจตนาของคุณย่าคุณออก แต่ถึงยังไงผมก็ยังเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิง ถ้าหากคุณไม่ยินยอมก็ไม่มีใครสามารถฝืนใจคุณได้ อีกอย่างในเมื่อพวกเราไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้ งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันได้ไหมครับ?”

เมื่อจิ่งหนิงได้ยินแบบนี้ ในที่สุดก็เหลือบตามองเขาหนึ่งที

เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อมเผยสายตาประชดเล็กน้อย

“ในเมื่อคุณสวี่ รู้แบบนี้แล้ว เช่นนั้นทางที่ดีที่สุด มื้ออาหารเย็นวันนี้ถือเป็นงานเลี้ยงธรรมดา และในอนาคตต่างคนต่างอยู่กันดีไหมคะ?”

ถึงแม้รู้แล้วว่าผู้หญิงเบื้องหน้าคนนี้ไม่สนใจตัวเอง แต่เมื่อได้ยินแบบนี้ ทำให้ สวี่เทียนหง อดใจไม่เผยมีหน้าซีดเซียวไม่ได้

เขากัดฟันแน่น และพยายามฝืนยิ้มที่แข็งทื่อ และพูดว่า : “คุณหนูจิ่งไม่คิดจะเปลี่ยนใจแล้วหรอครับ? อันที่จริงการที่คุณย่าของคุณแนะนำคุณให้กับผม นั้นแสดงว่าเธอมีความเข้าใจต่อผมมากพอสมควร และเธอคงคิดว่าเราสองคนเข้ากันได้ ถึงแม้คุณหนูจิ่งเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ต้นปีมานี้ ส่วนใหญ่ครอบครัวระดับสูงหลายตระกูลล้วนเลือกภรรยาจากต้นตระกูล

ถึงแม้คนอย่างผมไม่เหมาะสมกับตระกูลเหล่านั้น แต่ในเมืองจิ้น ผมถือว่ามีหน้ามีตาอยู่ ต่อตระกูลหัว ตระกูลมู่มีที่ดินมาก แต่ก็ต้องแบ่งให้กับพวกเรา แถมยังหาพวกเราให้ช่วยเหลือด้วย หากคุณแต่งงานกับผมไม่ถือว่าเสียเปรียบแน่นอน”

จิ่งหนิงหัวเราะขึ้น

“ดังนั้นคุณเลยคิดว่า ฉันควรรีบตอบรับคุณอย่างนั้นหรอ?”

“ก็ไม่ถึงกับตอบรับเลยทันที ผมเข้าใจว่าคุณจิ่งเองก็มีความกังวล ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ! เลือกผู้ชายสักคนถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องพิจารณามากๆถึงจะถูกต้อง

เพียงแต่หวังว่า คุณหนูจิ่งอย่าคิดขนาดไม่แม้แต่ครุ่นคิดแล้วปฏิเสธเลย เพราะอดีตของผมใครต่างก็รู้ ถึงแม้ว่าผมเคยภรรยามาแล้ว แต่เธอได้เสียชีวิตแล้ว อีกอย่างผมกับเธอก็ยังไม่มีลูกด้วยกันด้วย

แต่อดีตของคุณหนูจิ่งก็ไม่ได้ดีมากเหมือนกัน ตอนนี้คุณรู้จักคนน้อยมาก ซึ่งถือเป็นผลเสียส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของคุณ แต่ถ้าหากรู้จักคนมาก คุณหนูจิ่งคงรู้ว่าจะได้รับอะไรบ้างใช่ไหมครับ?”

เขาหยุดนิ่งชั่วขณะ พร้อมจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็พูดเสริมขึ้นว่า : “คุณหนูจิ่ง ใครต่างก็ดูออกว่า พวกเราเหมาะสมกันที่สุด มีใครบางคนอาจไม่เหมาะสมกับคุณก็ได้ คนที่ควรปล่อยก็ควรปล่อยเถอะครับ!”

จิ่งหนิง : “……..”????

ชั่วชีวิตมานี้เธอพบคนมามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอผู้ชายที่ไร้ยางอายมากถึงขนาดนี้

เหมาะสมมากหรอ?

เหมาะสมบ้าอะไรกัน!

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset