วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 122 กระโดดหนีผ่านหน้าต่าง

บทที่ 122 กระโดดหนีผ่านหน้าต่าง

อย่าว่าแต่เซ่เฟยเลย แม้แต่จี้หยุนซูที่เป็นคนสุขุมมากที่สุดตั้งแต่ไหนแต่ไรยังต้องตกใจเลย

เขาปรับแว่นขอบสีทองเล็กน้อย และซักถามว่า : “พี่เซิน เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? พี่…ไม่ใช่แค่อยากทำให้ข่าวลือหายไป เลยจงใจสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมาใช่ไหม!”

ฟู่หย่วนหางกับลู่จิ่งเซินมีความสัมพันธ์สนิทสนมกันที่สุด และเป็นคนที่เข้าใจลู่จิ่งเซินมากที่สุดด้วย

ครอบครัวของเขาล้วนเป็นแพทย์ แถมยังเป็นแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อประเทศชาติด้วย

เพราะมีความสัมพันธ์อันดีต่อเหล่าพี่น้องคนสนิทของลู่จิ่งเซิน ด้วยเหตุนี้เขาเลยเข้ามาอยู่ในกลุ่มด้วย

ด้วยเหตุผลนี้เขาเลยรู้ใจลู่จิ่งเซินทุกอย่าง และรู้ว่าลู่จิ่งเซินไม่ใช่เกย์ด้วย

คนทั่วไปไม่ว่าจะมีรสนิยมแบบไหนก็ถือเป็นเรื่องปกติ!

ส่วนสาเหตุที่ไม่มองหาผู้หญิงนั้นอาจจะเป็นเพราะเหตุผลอื่นๆ

ลู่จิ่งเซินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มและพูดว่า “ครั้งหน้าเจอคงรู้เรื่องแล้ว!”

จี้หยุนซูหยุดนิ่งชั่วขณะ เมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องจริงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมของเมืองจิ้นคงจะดีมากๆ ขนาดคุณอยู่ต่างประเทศหรือเมืองหลวงยังไม่เห็นมีผู้หญิงเลย แต่เพียงมาเมืองจิ้นไม่ถึงครึ่งปีกลับมีผู้หญิงแล้ว หืม! ความเร็วนี้ เร็วกว่าจรวดมากเลย!”

ลู่จิ่งเซินยิ้มและพูดว่า : “อย่าดีอกดีใจอะไรขนาดนั้น ถึงยังไงแบบนายก็คงหาไม่เจอหรอก”

จี้หยุนซูรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดเล่มหนึ่งปักเข้าตรงหัวใจของเขา

เซ่เฟยยิ้มและพูดว่า : “ผมกลับรู้สึกสงสัยจังเลยว่า เป็นลูกสาวของบ้านไหนกันที่สามารถเข้าตาพี่เซินของเราได้ ครั้งหน้าถ้าพี่เซินต้องพาเธอมาด้วยนะ ผมจะตั้งตารอคอยเลย”

“ใช่เลยครับ ถึงยังไงก็เป็นพี่สะใภ้ของเรา เมื่อไหร่ที่พากลับเมืองหลวงค่อยจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้คึกคักก็ได้!”

“ใช่ๆ พวกคุณควรกลับไปเมืองหลวงนะครับ!”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้าเล็กน้อย “แน่นอน คงเร็วๆนี้แหละ!”

“โอเค แล้วพวกเราจะรอคอยพวกคุณที่เมืองหลวงนะครับ”

“รออะไรเหรอ? ผมต้องการพบพรุ่งนี้”

“ดูท่าทางรีบร้อนใจของเซ่เฟยสิ ฮ่าฮ่าฮ่า…”

บรรยากาศภายในห้องคึกคักและสนุกสนานมาก ทันทันใดนั้นโทรศัพท์ขอลู่จิ่งเซินก็ดังขึ้นมา

เซ่เฟยพูดหยอกล้อขึ้นว่า : “เอ้ย คงไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้ของพวกเราเรียกให้พี่เซินกลับหรอกใช่ไหม?”

ฟู่หย่วนหางที่นั่งใกล้กับลู่จิ่งเซินที่สุดเอียงตัวเล็กน้อย พร้อมเหลือบมองแวบหนึ่ง เป็นดั่งที่คาดคิดบนหน้าจอโทรศัพท์ของลู่จิ่งเซินมีข้อความแสดงขึ้นว่า––ภรรยาที่รัก

“นี่ๆๆๆๆ เหม็นความรักจริงๆ อายุกันเท่าไหร่กันแล้วยังทำตัวหวานเยิ้มเหมือนเด็กอีก ไม่รู้สึกเลี่ยนบ้างหรอ”

ลู่จิ่งเซินพูดขึ้นว่า “เธออยากเลี่ยนบ้างหรอ แต่คงไม่มีคนทำให้เลี่ยนใช่ไหม?”

ฟู่หย่วนหาง : “…..”

ดังนั้นทำไมคนโสดต้องปากมากด้วยหรอ?

ลู่จิ่งเซินไม่ได้สนใจพวกเขาแล้ว เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก

“หนิงหนิง เสร็จธุระแล้วเหรอ?”

เสียงนุ่มนวลของเขาแฝงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ยากจะได้ยินขึ้น

จู่ๆเขาก็ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่อ่อนโยนเหมือนปกติของจิ่งหนิงขึ้น แต่เป็นน้ำเสียงที่เร่งรีบและอ่อนแอ

“ลู่จิ่งเซิน ตอนนี้คุณสะดวกออกมาไหมค่ะ?”

ลู่จิ่งเซินฟังน้ำเสียงผิดปกติออก เลยขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ฉัน…ฉันถูกวางยา ตอนนี้อยู่ที่บ้านตระกูลจิ่ง ”

ลู่จิ่งเซินเปลี่ยนสีหน้าขึ้น

“ผมจะไปหาคุณเดียวนี้เลย”

ลู่จิ่งเซินรีบเดินเข้าไปในห้องอย่างรีบร้อน จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่ให้เวลาให้ทุกคนกล่าวอำลาเลย

เมื่อทุกคนเห็นเขามีสีหน้าผิดปกติ ต่างก็พากันลุกขึ้นยืน

“พี่เซิน เป็นอะไรเหรอ?”

“เกิดเรื่องขึ้นแล้วหรอ?”

ลู่จิ่งเซินพูดด้วยสีหน้าคล้ำเครียดว่า : “เกิดเรื่องกับหนิงหนิงแล้ว!”

……

หลังจากที่จิ่งหนิงวางสาย เธอก็ไม่ได้นั่งรออยู่บนเตียง

เธอเดินมาเบื้องหน้าหน้าต่าง แล้วมองลงข้างล่างตึก

คฤหาสน์ตระกูลจิ่งมีทั้งหมดสามชั้น โดยที่ตอนนี้เธออยู่ชั้นสอง ซึ่งระยะห่างจากชั้นสองกับชั้นหนึ่งถือว่าไม่สูงมากเท่าไหร่

เธอคำนวณระยะห่างจากชั้นสองไปยังชั้นหนึ่ง จากนั้นก็กลับเข้าห้อง แล้วหยิบผ้าห่มและผ้าปูที่นอนมาผูกเข้าด้วยกัน

ไม่นาน เธอทำเชือกจากผ้าห่มและผ้าปูที่ยาวประมาณหนึ่ง

จิ่งหนิงเอาปลายเชือกมัดตรงมุมเตียงหนึ่ง ส่วนอีกปลายเชือกผูกมัดตรงที่เอว แล้วค่อยๆปืนลงข้างล่าง

ข้างล่างหน้าต่างนั้นตรงกับห้องครัวพอดี ซึ่งในห้องครัวมีคนรับใช้กำลังล้างจานอยู่ จิ่งหนิงเลยหยุดกลางอากาศชั่วคราว และรอโอกาสตอนที่พวกเธอหันหลังรีบหย่อนตัวไปลงบนพื้น

เมื่อมาถึงพื้น เธอก็รีบแกะเชือกออกแล้วรีบวิ่งหนีไป

ตำแหน่งของคฤหาสน์ตระกูลจิ่งนั้น ตั้งอยู่ใจกลางของคนที่ร่ำรวยที่สุดในพื้นที่

พื้นที่ตรงนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทำเลดีมาก และภายในยังมีสวนป่าไม้แถมมีพื้นที่กว้างใหญ่น่าตกตะลึงด้วย

โชคดีที่จิ่งหนิงอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก เลยคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่

ไม่นาน เธอก็พบกับถนนที่ใกล้ที่สุดเส้นทางหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งหนีไป

ตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดแล้ว เธอเลยไม่กล้าพักอยู่ข้างนอกนานสักเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าคนตระกูลจิ่งพบผิดปกติ และออกตามหาเธอ

เมื่อเดินมาถึงถนน เธอก็รีบวิ่งไปริมถนน พร้อมโบกมือเรียกรถแท็กซี่ทันที

คนขับเป็นลุงวัยกลางคน ที่มีรูปร่างถึกใหญ่ มีหนวดเครา เมื่อเห็นเธอครั้งแรกก็อดตกใจไม่ได้

ตอนที่จิ่งหนิงหนีออกมานั้น เธอสวมเสื้อผ้าของตัวเองออกมา แต่ก็ไม่ได้ปกปิดเรือนร่างอันเย้ายวนของเธอได้

ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเธอยังงดงามราวกับภาพวาดอันประณีตด้วย แม้แต่ดาราหญิงยอดนิยมบางคนในตอนนี้ยังไม่สามารถเทียบความสวยของเธอติดเลย

คนขับรถช่วยเปิดประตูให้กับเธอ แล้วซักถามว่า : “แม่หนู เธอจะไปที่ไหนหรอ?”

จิ่งหนิงรีบเร่งฝีเท้า บนใบหน้าของเธอมีรอยแดงฝาดปกติด้วย จากนั้นเธอก็เดินเข้าในรถยนต์

“ไปที่ถนนปินหูหมายเลข13 คฤหาสน์บ้านลู่”

เมื่อได้ยินสถานที่ที่เธอเอ่ยถึง คนขับรถก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที

เขาหันหน้ากลับมองประเมินเธอ พร้อมเผยสายตาน่าอิจฉาขึ้นเล็กน้อย

คฤหาสน์บ้านลู่––ครับครับ!

ที่นั่นเป็นสถานที่ของคนร่ำรวยพักอาศัย

ในตอนนี้จิ่งหนิงรู้สึกเพียงร่างกายอ่อนแรง จนแทบไม่ทันสังเกตสายตาผิดปกติของคนขับรถเลย

หลังจากที่บอกสถานที่ เธอก็ค่อยๆเอนตัวนอนลงบนเบาะรถ แล้วหลับตาลง

เมื่อคนขับรถเห็นสภาพของเธอก็นึกว่าเธอดื่มเหล้าจนเมา

เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และพูดว่า : “เธอดื่มมากเกินไปใช่ไหม? เป็นผู้หญิงอยู่ข้างนอกคนเดียว อย่าดื่มเยอะเลยครับ! เพราะถ้าหากเจอคนไม่ดีจะทำยังไง?”

จิ่งหนิงยังคงหลับตา และนอนเอนบนเบาะรถ โดยไม่พูดอะไร

ไม่นาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เป็นลู่จิ่งเซินที่โทรเข้ามา

“หนิงหนิง คุณเป็นไงบ้าง? ยังไหวอยู่ไหม?”

เธอวางมือแนบบนหน้าผากของตัวเอง และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า : “ฉันออกมาได้แล้ว ตอนนี้อยู่บนรถคะ”

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนหรอ?” ลู่จิ่งเซินซักถามขึ้น

จิ่งหนิงหันหน้ามองข้างนอกกระจก “ดูเหมือนว่าตอนนี้อยู่ใกล้กับกั๋วเม้า ! ฉันให้คนขับรถแท็กซี่ไปส่งที่คฤหาสน์บ้านลู่ ไม่นานก็น่าจะถึงบ้านแล้วละค่ะ”

ยิ่งเธอพูด น้ำเสียงก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆ

ในที่สุดยาก็เริ่มออกฤทธิ์ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอพึ่งพาด้วยการกัดปลายลิ้นเพื่อให้ความเจ็บเรียกสติกลับมา แต่วิธีนี้ก็ไม่สามารถช่วยระยะยาวได้

ในสายโทรศัพท์ ลู่จิ่งเซินสามารถสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเธอผิดปกติ เลยเผยสีหน้าเคร่งเครียดและพูดว่า : “ครับ ผมใกล้จะถึงแล้ว”

หลังจากจิ่งหนิงวางสาย เธอก็หลับหมดสติ

คุณสวี่เข้ามากะทันหันจนเธอไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งยาที่หวังเสว่เหมยวางยานั้นไม่ใช่ยาที่มีฤทธิ์แรงเหมือนกับมู่หงเซียวที่เคยใช้เมื่อครั้งก่อน แต่เป็นยาชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้คนที่มีอาการวิงเวียนศีรษะ และเป็นยาคล้ายกับการช่วยเรื่องเรียนอารมณ์ที่ใช้ระหว่างสามีภรรยากัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset