วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 127 แค้นนี้ต้องชำระ

บทที่ 127 แค้นนี้ต้องชำระ 

ครั้งนี้ จิ่งหนิงหัวเราะ

เธอมองไปที่จิ่งเสี่ยวหย่า พูดด้วยเสียงเบาว่า : “การเป็นเมียน้อยไม่ใช่เรื่องง่าย…..นี่คือประสบการณ์ตรงของคุณเลยสินะ? ที่จริงคุณอยู่ในฐานะนั้นมานานหลายปี น่าจะรู้และเข้าใจมันอย่างดีใช่ไหม?”

จิ่งเสี่ยวหย่าอึ้ง

ใบหน้าขาวซีดทันที

จิ่งหนิงยิ้มให้พลางกล่าวว่า : “แต่ว่าคุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนะ รู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับ คุณชายลู่ ดังนั้นเลิกคิดถึงเรื่องนั้นไปได้เลย แต่ว่าตัวฉัน! ไม่ต้องให้คุณลำบากเป็นห่วงหรอก เก็บแรงไว้เป็นห่วงตัวคุณเองก่อนเถอะ ยังไงซะตอนนี้คุณก็ยังไม่มีลูก ไม่มีแม้อำนาจจะต่อรองที่จะแต่งเข้าตระกูลมู่ ไม่รู้ว่าถ้ามู่ยั่นเจ๋อกลับมา คุณจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ!

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิ่งเสี่ยวหย่าสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“จิ่งหนิง!” เธอกัดฟันเกรี้ยวกราด ที่ พี่เจ๋อยังไม่แต่งงานกับฉัน ก็เพราะฉันยังไม่พร้อมต่างหาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เต็มใจ!”

จิ่งหนิงยักไหล่อย่างไม่แคร์ “เธอจะพูดอะไรก็ได้นี่!”

ท้องก่อนแต่งงานเป็นเรื่องจริง

ไม่มีลูกก็เป็นเรื่องจริง

จิ่งเสี่ยวหย่าโกรธมาก

จิ่งหนิงไม่สนใจเธออีก หยิบกระเป๋าถือแล้วเดินออกไป

หวังเสว่เหมยและคนอื่นๆออกไปก่อนแล้ว ในสำนักงาน ทุกคนต่างมองเธอและจิ่งเสี่ยวหย่าออกไปตามๆกัน แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะมองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

จิ่งหนิงไม่ได้สนใจอะไร มองไปยังเสี่ยวเหอที่เดินเข้ามาสั่งว่า : “เสี่ยวเหอ ฉันจะออกไปข้างนอก ถ้ามีใครในบริษัทติฉินนินทาละก็ เธอช่วยจดชื่อเอาไว้ให้ด้วยนะ”

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนทันที

เสี่ยวเหอกลั้นหัวเราะเอาไว้ ตอบไปด้วยความเคารพ : “ได้คะ”

จิ่งหนิงหันไปมองพนักงานกลุ่มหนึ่งในสำนักงาน พูดเสียงดังว่า : “คนอย่างฉัน ชอบทำอะไรตรงไปตรงมา น่าเสียดายที่บางคนชอบสาดโคลนใส่ฉัน มันช่วยไม่ได้

ฉันเข้าใจว่าการนินทาเป็นเรื่องสนุกปาก แต่เรื่องราวยังไม่ได้รับการยืนยัน หวังว่าบางคนจะไม่ซี้ซั้วเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ไม่เช่นนั้นเรื่องจะอื้อฉาวไปมากกว่านี้ ฉันกลัวว่ามันจะกระทบถึงเราทุกคน แค่นี้แหละ! ฉันขอตัวก่อน ทุกคนคิดให้ดีก็แล้วกัน”

พูดจบ จิ่งหนิงก็หันหลังเดินก้าวอาดๆออกไป

ผู้คนในสำนักงานต่างหันมองหน้ากันและกัน และลุกลี้ลุกลน

เมื่อกี้ได้ยินข่าวที่น่าตกใจ หลายคนมีความคิดเห็นต่อตัวของจิ่งหนิง และได้เผยแพร่เรื่องราวผ่าน wechat ออกไปแล้ว

ได้ยินเธอพูดเช่นนั้น คงไม่หวนกลับมาคิดบัญชีพวกเขาจริงๆหรอกนะ!

หลายคนรู้สึกใจคอไม่ดี

ตอนนี้ เสี่ยวเหอกระแอมไอ แล้วก้าวขึ้นมาข้างหน้า

“ที่ ประธานจิ่ง พูดเมื่อกี้ ทุกคนคงได้ยินกันแล้ว กลับไปตั้งใจทำงานกันได้แล้ว อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระ เข้าใจไหม?”

“เข้า เข้าใจแล้วครับ/คะ”

ทุกคนรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แล้วเสี่ยวเหอจึงออกไป

อีกด้านหนึ่ง จิ่งหนิงตามหวังเสว่เหมย ไปที่โรงพยาบาลด้วยกัน

เมื่อคืน สวี่เทียนหงถูกจิ่งหนิงตีด้วยไม้หน้าสามท่อนหนึ่ง เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกจับมัดมือและขาไว้ ในปากมีผ้าขี้ริ้วเหม็นๆที่ไม่รู้ใช้เช็ดโถส้วมหรือที่ไหนมาอุดไว้

เพื่อไม่ให้ขัดขวางการทำงานของเขา หวังเสว่เหมยให้คนรับใช้ทั้งหมดไปอยู่ที่ชั้น2 ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เขาร้องขอความช่วยเหลืออย่างไร ก็ไม่มีใครได้ยิน

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง อานหยุนคิดว่าน่าจะได้เวลาแล้ว จึงเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ตามคำสั่งของนายหญิงจึงได้พบเขาเข้า

เมื่อ สวี่เทียนหงได้รับการช่วยเหลือ ร่างกายของเขาก็เป็นปกติดี แต่โกรธขึ้นมา 

ร้องเอะอะว่าจะต้องให้จิ่งหนิงเจอดี ขณะเดียวกัน ตระกูลจิ่งก็จะไม่ปล่อยวาง

หวังเสว่เหมยก็หัวเสียไปด้วย ด้านหนึ่งก็โกรธจิ่งหนิงที่ไม่เชื่อฟัง อีกด้านหนึ่ง ก็กลัวที่ สวี่เทียนหงโมโห

ความจริง สวี่เทียนหง แตกต่างจาก ตระกูลจิ่งตระกูลมู่ ที่เป็นพ่อค้าใสซื่อ เบื้องหลังของเขามีเรื่องปิดบังลับๆอยู่ ได้ยินมาว่า เขาเคยทำเรื่องน่าอับอายมาไม่น้อย

ไม่กลัวหรอกถ้าเขามาซึ่งๆหน้า แค่กลัวว่าเขาซ่อนความเกลียดชังไว้ในใจ แล้วใช้เล่ห์เหลี่ยม

ถึงเวลานั้นแค่กลัวว่า ตระกูลจิ่งและตระกูลมู่ ทั้งคู่อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาก็ได้

หวังเสว่เหมยไม่พอใจมาก ตอนนี้เธอพยายามปลอบโยนเขา บอกเขาว่าจิ่งหนิงจะต้องมาขอโทษเขาต่อหน้าแน่ เกลี้ยกล่อมอยู่นาน สวี่เทียนหงจึงได้สงบลง

ขณะเดียวกัน ในใจก็เริ่มเกลียดจิ่งหนิงมากขึ้น

ช่างเถอะ! ยัยตัวเหม็น

ไม่สนใจเขาก็แล้วแต่ เนื้อมาถึงปากแล้วยังปล่อยให้หลุดลอยไปได้ เห็นแก่หน้าเขาสักหน่อยก็ไม่ได้ ทำให้เขาอับอายขนาดนี้

แค้นนี้ถ้าไม่ชำระ เขาก็ไม่ใช่ สวี่เทียนหง แล้วล่ะ!

ด้วยเหตุนี้ เมื่อประตูห้องคนไข้ถูกผลักออก พอ สวี่เทียนหงเห็นว่าเป็นคนตระกูลจิ่ ก็ทำสีหน้าไม่ค่อยดี

“อ้อ นึกว่าใครที่ไหน? ที่แท้เป็นนายหญิงจิ่ง เป็นไงล่ะ? เมื่อวานหลานสาวของคุณยังทำร้ายผมไม่หนำใจละสิ วันนี้คุณถึงได้มาสมน้ำหน้าผม?”

ท่าทางที่เขาถูกแขวนไว้บนเตียงในวันนี้ ช่างแตกต่างกับเขาที่ดูสุภาพบนโต๊ะอาหารเมื่อวานเย็นโดยสิ้นเชิง

“เอ่อคือ… คุณสวี่ คุณกำลังพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันรู้สึกผิดต่างหากถึงได้มาที่นี่ จะมาหัวเราะเยาะคุณทำไมกันเล่า? นี่ก็เพราะหนิงหนิงของพวกเรารู้สึกผิดเรื่องเมื่อคืนต่างหาก ถึงได้ให้ฉันพาเธอมาขอโทษ”

เธอพูดไป พลางหันไปมองจิ่งหนิงที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตู พร้อมกับคำเตือนในสายตา

“จิ่งหนิง รีบเข้ามาสิ!”

สวี่เทียนหงจึงได้สังเกตเห็น จิ่งหนิงมาจริงๆ ยืนอยู่ที่หน้าประตู

เธอสวมชุดทำงานสีดำเรียบๆ มัดผมเป็นหางม้าไว้ข้างหลัง เป็นการแต่งกายที่แสนจะเรียบง่าย แต่เธอยืนอยู่ที่นั่น กลับเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ให้ความรู้สึกสงบเงียบและมีเสน่ห์ ราวกับดอกไม้บนยอดเขาหิมะที่ชวนให้คนมอง และทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นชม

สวี่เทียนหงชะงักไปชั่วครู่

เขาแปลกใจว่า ก่อนหน้าที่เธอจะมา ตัวเองกำลังโกรธมาก

แต่พอเห็นเธอมาปรากฏตัวที่ประตู ใบหน้าที่เงียบสงบนั้นกลับมองไม่เห็นร่องรอยผิดแปลกแต่อย่างใด ความโกรธที่มีมลายหายวับไป

ตราบใดที่เธอเต็มใจยอมก้มหน้าสำนึกผิด และดูแลเขาให้ดี เขายินดีที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก ไม่ติดค้างในใจแต่ต้องการเธอ**

สายตาของ สวี่เทียนหงเปล่งประกายออกมาทันที 

“เฮ้ คุณจิ่ง คุณมาจริงๆด้วย ขอโทษด้วย ผมไม่ทันเห็นคุณ แต่ว่าคนที่มีเกียรติอย่าง คุณจิ่ง มาขอโทษผม มันจะดีหรือครับ”

สวี่เทียนหงทำลอยหน้าลอยตา มองไปที่เธอด้วยท่าทางอวดดี

จิ่งหนิงยิ้มให้เล็กน้อย เดินเข้าไปหา

“คุณพูดถูกแล้วคะ ถ้าจะขอโทษคุณ มันคงจะทำเกินไปหน่อย”

สวี่เทียนหงเบิกตาโพรง จงใจใช้สายตามองเธอหัวจรดเท้า

“แล้ววันนี้ที่ คุณจิ่ง มาต้องการขอโทษหรือไม่ครับ?”

จิ่งหนิงเอียงคอเล็กน้อย ทำท่าคิด

“ก็….ปกติฉันไม่ชอบฝืนใจตัวเองเท่าไหร่ บอกกันตามตรงเลยนะ!”

เธอพูดไป พลางลากเก้าอี้มา นั่งลงด้วยทีท่าสงบนิ่ง

ข้างหลัง หวังเสว่เหมยเอ่ยเตือนเธอว่า : “จิ่งหนิง!”

ท่าทางของจิ่งหนิงไม่จริงจัง พูดเบาๆว่า : “นายหญิงจิ่ง วันนี้ที่คุณเรียกฉันมา อย่าห่วงเลย ที่คุณสั่งให้ฉันพูดระหว่างทางนั่น ฉันจะบอกกับคุณสวี่ให้หมด ไม่มีขาดตกแม้แต่คำเดียว”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset