วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 128 ความสัมพันธ์ซ่อนเร้น

บทที่ 128 ความสัมพันธ์ซ่อนเร้น

หวังเสว่เหมยมีสีหน้าที่ดีขึ้น “เธอเข้าใจก็ดีแล้ว คุณสวี่ให้โอกาสเธอได้ขอโทษในครั้งนี้ นับว่าใจกว้างมากแล้ว เธออย่าเสียโอกาสนี้ไปเลย”

จิ่งหนิงยิ้มอย่างเย้ยหยัน

เธอมองไปที่ สวี่เทียนหงที่นอนอยู่บนเตียง สีหน้าเต็มไปด้วยสงบและอ่อนโยน แต่สายตากลับเย็นชา และไม่มีรอยยิ้มเลย

“สวี่เทียนหง ฉันไม่รู้ว่าคุณเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้คิดว่าจิ่งหนิงของฉันจะชอบคุณและแต่งงานกับคุณ อ้อ คงเพราะนายหญิงจิ่งสินะ!

 ความจริงแล้ว เมื่อกี้บนรถ เธอเกลี้ยกล่อมฉันว่า คุณมีประโยชน์อย่างมากต่อ ตระกูลจิ่ง พลังที่อยู่เบื้องหลังของคุณจะทำให้ ตระกูลจิ่งใช้ชีวิตอย่างราบรื่นได้ในเมืองจิ้น โดยไม่ต้องสนใจใคร

ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เธอคงไม่สนใจไยดีคนหยาบคาย และพ่อหม้ายอย่างคุณหรอก!

เธอยังบอกอีกว่า คุณสูญเสียภรรยาไปในช่วงปีแรกๆ  หลายปีต่อมาก็สูญเสียลูกชายไปอีก ตอนนี้เหลือตัวคนเดียว ดูแล้วอายุคงไม่ยืนเท่าไหร่ ขอเพียงฉันยอมมีลูกกับคุณ ต่อไปทรัพย์สมบัติที่มีของตระกูลสวี่ก็จะตกเป็นของฉันทั้งหมด

เฮ้อ บอกตามตรง ฟังทีแรก ก็ดูน่าสนใจอยู่ แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้สนใจคุณจริงๆ ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับความคิดเธอสักเท่าไร

ประกอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฉันได้แจ้งกับทนายแล้ว ให้เก็บหลักฐาน และจะดำเนินคดีกับคุณในข้อหาพยายามข่มขืนในเร็ววันนี้ ฉันรู้ว่า จระกูลสวี่ของคุณมีอำนาจมาก

จนกระทั่งนักธุรกิจมากมายไม่กล้าต่อกรด้วย แต่ขอโทษเถอะ ต่อให้เป็นแผ่นเหล็กก็เถอะ วันนี้ฉันก็จะเตะมัน ไม่เชื่อก็คอยดูสิ!”

เธอพูดไป สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องก็ค่อยๆเปลี่ยน

หวังเสว่เหมยคำรามว่า “จิ่งหนิง! เธอพูดบ้าอะไรของเธอเนี่ยะ? ฉัน ฉันพูดเมื่อไหร่…”

“นายหญิงจิ่ง กล้าพูดก็กล้ารับหน่อย ต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอีกอย่างหนึ่ง ทำแบบนี้มันไม่ดีนะคะ”

จิ่งหนิงลุกขึ้นพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แกล้งปัดฝุ่นบนกระโปรงของเธอ แล้วจึงหันหลังเดินไปหาเขา มองเขาด้วยสายตาอ่อนน้อม

ยิ้มให้พลางกล่าวว่า : “นายหญิงจิ่งสิ่งที่คุณให้ฉันพูด ฉันก็พูดจนจบแล้ว ยังมีอะไรให้รับใช้อีกไหมคะ?”

“แก แก!”

หวังเสว่เหมยหน้าซีดเพราะความโกรธ ชี้นิ้วไปทางเขา ด้วยปลายนิ้วที่สั่นเทา

เสียงเย็นชาของ สวี่เทียนหง ดังมาจากข้างหลัง

“จิ่งหนิง คุณแน่ใจนะว่าอยากมีปัญหากับผม?”

จิ่งหนิงยิ้ม

ไม่สนใจเขา แล้วพูดกับหวังเสว่เหมยว่า : “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะ”

เธอพูดไป พลางก้าวเดินอย่างสง่างามออกไป

ไปถึงหน้าประตู จู่ๆก็หยุดลง หันกลับไปมอง สวี่เทียนหงที่โกรธอยู่บนเตียง ส่งยิ้มให้

“อ้อ ลืมบอก คุณสวี่ไป ความจริงฉันแต่งงานมานานแล้ว”

เธอขมวดคิ้ว ทำหน้าเศร้าและทำอะไรไม่ถูก “ฉันไม่รู้ว่าทำไม นายหญิงจิ่ง รู้ทั้งรู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว ยังแนะนำฉันให้คุณอีก…..สงสัย…..ในสายตาของเธอ คุณสวี่คงจะหลอกง่าย ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ถึงแม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม”

หลังจากจิ่งหนิงพูดจบ ยังทำท่าทางเห็นอกเห็นใจเขา ก่อนจะจากไป

ในห้องคนไข้เงียบสงบไร้เสียงใดๆ

สวี่เทียนหงค่อยหันปลายตาไปมอง หวังเสว่เหยาที่ยืนอยู่ตรงข้าม ด้วยสายตาที่เย็นชาและโหดเหี้ยม

หวังเสว่เหยายิ้มอย่างเขินอาย

ตอนนี้ อธิบายไปก็ไร้ความหมาย ยิ่งทำให้ตัวเองอ่อนแอและแย่ลง

แต่หวังเสว่เหมยก็ยังฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า : “คุณสวี่ คุณอย่าไปฟังที่เธอพูดเลย ฉันเคยพูดเรื่องแบบนั้นที่ไหนกันเล่าเด็กคนนั้นก็แค่ปั่นหัวให้เราผิดใจกัน คุณอย่าไปหลงกลเธอสิ”

สวี่เทียนหงยิ้มอย่างเย็นชา

“จริงหรือครับ? แล้วเรื่องที่เธอแต่งงานมาแล้วล่ะ?”

หวังเสว่เหมยหน้าเจื่อน

“เออ คือว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกคะ! เธอกำลังโกหกคุณ เธอเป็นหลานสาวของฉัน เธอจะแต่งงานหรือไม่ฉันจะไม่รู้เชียวหรือ?”

สวี่เทียนหงยิ้มอย่างประชดประชัน

“ผมว่านะ นายหญิงจิ่งอาจจะรู้จักหลานสาวของคุณยังไม่ดีพอ ถ้าเกิดเขาแอบไปแต่งงานลับหลังคุณล่ะ คุณอาจจะไม่รู้ก็ได้นะครับ”

หวังเสว่เหมย : “…..”

“เอาล่ะ เรื่องนี้ผมจะไปตรวจสอบให้ขัดเจนก่อน เรื่องในวันนี้ ผมจะจดจำเอาไว้ นายหญิงจิ่ง คุณดูแลตัวเองดีๆเถอะ!”

พูดจบ สวี่เทียนหงก็ตะโกนขึ้นว่า “ส่งแขก!”

บอดี้การ์ดท่าทางกำยำสี่คนที่อยู่ข้างนอก ยื่นมือเข้ามา มองเธอด้วยสายตาดุดันกล่าวว่า : “นายหญิงจิ่ง เชิญครับ!”

สีหน้าของหวังเสว่เหมยเปลี่ยนไปหลายครั้ง

ทั้งชีวิตนี้ของเธอ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอมาก่อน

มันอับอายขายหน้าจนแทบแทรกแผ่นดินหนี!

ต้องโทษยัยจิ่งหนิงนั่นคนเดียว! ที่บริษัทรับปากเธอเสียดิบดีว่าจะมาขอโทษ พอมาถึงกลับพูดแบบนี้ ทำเธอเสียจนไม่เพียงผิดใจกับ สวี่เทียนหง แต่ยังทำให้เขาขุ่นเคืองมากขึ้นอีก

สมควรตายจริงๆยัยนี่!

สีหน้าของหวังเสว่เหมยหงิกงอจนแทบหลั่งน้ำตา หลังจากนั้นไม่นาน เธอแทบจะระงับความโกรธในใจไว้ไม่อยู่

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณสวี่ก็พักผ่อนมากๆนะคะ ครั้งหน้าถ้าว่างฉันจะมาเยี่ยมใหม่”

หวังเสว่เหยาถูกบอดี้การ์ด “เชิญ” ออกไป

บนเตียงคนไข้ สวี่เทียนหงมองตามเธอออกไป สายตามืดมน

จิ่ง….หนิง…..

อืม! น่าสนใจ!

ในพื้นที่หนึ่งในสามเอเคอร์ของเมืองจิ้น ยังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขาซึ่งหน้า เธอเป็นคนแรก

เขา….จดจำเธอไว้! ! !

หวังเสว่เหมยเดินออกจากห้องคนไข้ จิ่งเสี่ยวหย่าและคนอื่นๆที่รออยู่นอกห้องตั้งแต่แรกกรูกันเข้ามา

“คุณย่าคะ เป็นอย่างไรบ้าง?”

“แม่คะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม?”

หวังเสว่เหมยมองพวกเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด

“พูดเรื่องอะไร? พวกเราถูกยัยเด็กนั่นหลอกไงล่ะ!”

“อะไรนะ?”

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนทันที

แววตาของจิ่งเสี่ยวหย่าดำเป็นมันขลับ เดินเข้าไปประคองหญิงชราอย่างเป็นห่วง “คุณย่าคะ คุณหมายความว่า พี่สาวจงใจหลอกพวกเรา ไม่ยอมขอโทษพี่ชายใหญ่หรือคะ?”

หวังเสว่เหมยพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ : “ไม่เพียงแค่ไม่ยอมขอโทษ? แถมยังพูดจาใส่ร้าย ทำให้เขาเข้าใจผิดไปกันใหญ่ด้วย”

พูดถึงตรงนี้ เธอหันมามองหน้าจิ่งเสี่ยวหย่าทันที “ก่อนหน้านี้เธอบอกฉันว่า ลู่จิ่งเซินมีคู่หมั้นแล้วที่เมืองหลวง เขากับจิ่งหนิงคงแต่งงานกันไม่ได้ เธอแน่ใจนะว่านี่เป็นเรื่องจริง?”

จิ่งเสี่ยวหย่าอึ้ง

คนอื่นก็อึ้งไปตามๆกัน สายตาทุกคู่พากันมองไปที่จิ่งเสี่ยวหย่า

จิ่งเสี่ยวหย่าสีหน้าเปลี่ยนไป นิ้วของเธอกระชับแน่นขึ้น

“น่าจะเป็นเรื่องจริงนะคะ! เรื่องนี้ กวนเยว่หวั่น บอกหนูมา เธอเป็นญาติมิตรในตระกูลกวน ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด”

ได้ฟังเธอเล่า นายหญิงจิ่งจึงโล่งใจ

“นั่นสินะ ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วล่ะ”

“อ้อ อีกอย่างที่เขาว่ากันเรื่องคู่หมั้นของประธานลู่ คือคนที่มาจากตระกูลกวนด้วย! ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก”

“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็สบายใจแล้วล่ะ! ขอเพียงวันหนึ่งเธอไม่ได้เป็นคุณนายลู่ขึ้นมาจริงๆ วันนั้นเธอก็ยังคงเป็นคนของเรา ตระกูลจิ่ง แม้ว่าลู่จิ่งเซินคิดอยากจะปกป้องเธอ ก็คงไม่กล้าทำให้เรื่องราวใหญ่โตหรอก! รู้ไว้ซะ ตระกูลกวนไม่ได้กินมังสวิรัตินะ ถ้าเป็นอย่างนี้ พวกเขาไม่มีวันเปิดเผยความสัมพันธ์ได้หรอก แล้วฉันจะไปกลัวอะไรเล่า? โธ่ จิ่งหนิง ฉันคิดว่าเธอจะแน่สักแค่ไหน ที่แท้ก็ต้องลงเอยแบบนี้!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset