วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 144 เข้าอกเข้าใจ ให้อภัยผู้อื่น

บทที่144 เข้าอกเข้าใจ ให้อภัยผู้อื่น

ลู่หลันจือจึงได้สติคืนมาก็รีบเสริมตาม“ใช่ใช่ใช่ แบบนี้ ฉันมาดูวิว”

นายหญิงมองเธออย่างสงสัย“เหรอ?ทำไมแม่รู้สึกว่าลูกกำลังโกหกอยู่?”

ลู่หลันจือ:“……”

ยังไงก็เป็นลูกสาวแท้ๆของเธอเอง นายหญิงจึงเข้าใจนิสัยเธอดี แค่เห็นอาการตอบสนองของเธอ ก็รู้ว่าเธอไม่ได้พูดความจริง

เธอยิ้มอย่างเยือกเย็น“หลันจือ ลูกไปหาภรรยาของจิ่งเซินเหรอ?”

ลู่หลันจือนิ่งไป จิตใต้สำนึกต้องการปฏิเสธ

นายหญิงจู่ๆกลับตัดบทเธอ“โอเค ลูกไม่พูดความจริงกับแม่ก็ไม่เป็นไร ยังไงซะ ภรรยาของจิ่งเซินแม่ก็เคยเห็นแล้ว เป็นเด็กที่ดีมากๆ แม่ชอบมาก ดังนั้นลูกไม่ต้องเข้าไปพัวพันระหว่างพวกเขาอีก แล้วก็ไม่ต้องไปลอบกัดพวกเขาอีก เข้าใจแล้วใช่ไหม?”

ลู่หลันจือได้ยิน ก็โกรธสุดๆทันที

“แม่ ทำไมแม่พูดแบบนี้ล่ะ?อะไรคือลอบกัด?แม่รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแบบไหน?”

“รู้สิ!”

หนิงหนิงเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีสุดๆ!

ไม่ใช่แค่จิตใจดี แต่ยังเคารพผู้ใหญ่มากๆ สองวันนี้เธอเห็นหมด!

“แม่ ในเมื่อแม่รู้ ทำไมยังเห็นด้วยที่จะให้เธอกับจิ่งเซินคบกันล่ะ?แม่ไม่รู้เหรอว่าคนนอกพูดว่าเธออย่างไรกันบ้าง!ให้ผู้หญิงแบบนี้แต่งเข้าตระกูลลู่ เป็นความอัปยศของตระกูลลู่!”

“พอแล้ว!”

นายหญิงโมโหทันที“พูดจาเหลวไหล แม่สนที่พวกเขาพูดกันด้วยเหรอ?แม่เชื่อในสิ่งที่แม่เห็นกับตาเท่านั้น แล้วก็ลูก!กลับไปเมืองหลวงกับแม่ทันที อย่าก่อเรื่องที่นี่อีก ถ้าลูกไม่กลับไป ต่อไปก็อย่ากลับมาอีก!”

“แม่……”

“พอแล้ว เราไปกัน!”

นายหญิงพูดจบ ก็พาอานอานออกไปด้วยความโกรธ

ลู่หลันจือเห็นสถานการณ์ ก็โกรธจนแทบกระอักเลือด

“เสว่เฟย คุณว่าแม่ฉันถูกผู้หญิงคนนั้นใส่ของหรือเปล่า?ทำไมถึงได้เชื่อเธอขนาดนี้?”

กวนเสว่เฟยมองไปเล็กน้อย นิ้วมือที่อยู่ข้างกายแอบกำแน่น แป๊บเดียว ก็ยิ้ม

“นายหญิงจิตใจดี ดังนั้นมองใครก็ดูนิสัยดีทั้งนั้น แบบนี้เลยเป็นเรื่องปกติ ป้าลู่อย่าโกรธเลยนะ”

ลู่หลันจือลูบหน้าผาก รู้สึกแค่ว่าโกรธจนปวดหัวมากๆ

“พอแล้วๆ คุณไม่ต้องปลอบฉันเลย ฉันรู้ ในสายตาของนายหญิง ทุกคนสำคัญกว่าฉันทั้งนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังไม่แต่งงานเข้าบ้านอย่างเป็นทางการ ดันเอาใจให้เธอเชื่อได้ขนาดนี้ น่าขันจริงๆ!”

กวนเสว่เฟยพูดเสียงอ่อนโยน:“งั้นตอนนี้พวกเราจะทำไง?”

ลู่หลันจือมองเธอแวบหนึ่ง“จะทำไงได้อีก?นายหญิงพูดแล้ว แน่นอนว่าต้องกลับเมืองหลวง!หรือว่าต่อไปจะไม่ให้ฉันเข้าประตูตระกูลลู่อีกจริงๆ!”

ลู่หลันจือพากวนเสว่เฟยกลับเมืองหลวง

ส่วนอีกด้าน ตระกูลจิ่งเกิดเรื่องอีกครั้ง!

ครั้งนี้ เป็นตอนเที่ยงคืน

จิ่งเสี่ยวหย่าเพิ่งหลับไปไม่นาน จู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงด้านนอกหน้าต่าง

เสียงร้องนั้น สะอึกสะอื้น เหมือนกับสัตว์เล็กๆบางอย่างโหยหวนในยามดึก

เธอตื่นขึ้นทันที ลืมตาโต มองไปที่หน้าต่างในความมืด เส้นประสาทตึงไปหมด

ผ้าม่านขยับ มีอะไรบางอย่าง ยกมุมของม่านขึ้น ลอยอยู่กลางอากาศ เหมือนรูปร่างของผู้หญิง

อีกอย่าง รูปร่างนั้นยังลอยเข้ามาหาเธออย่างสวยงาม เหมือนกับกรงเล็บคมๆสีดำ ยืนมาเพื่อจะบีบคอเธอ

“กรี๊ด——!”

เสียงกรีดร้องหวาดกลัวดังขึ้น จิ่งเสี่ยวหย่าเปิดผ้าห่มออกแล้ววิ่งออกไป

“เป็นอะไรไป?เกิดอะไรขึ้น?”

จิ่งเสี่ยวหย่าอยู่ห้องชั้นสอง ด้านข้างคือห้องนอนของ หยูซิ่วเหลียนกับจิ่งเซี่ยวเต๋อ ได้ยินเสียงกรีดร้อง ก็รีบใส่เสื้อผ้าวิ่งออกมาถาม

เห็นแค่บนตัวของจิ่งเสี่ยวหย่าสวมชุดนอนบางๆ ผมปล่อยออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จ้องไปที่มุมห้อง ตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว

“เธอมาแล้ว!เธอมาแล้ว!”

“ใคร?”

ทุกคนต่างสับสน มีคนใช้ได้ยินก็วิ่งเข้ามา เห็นฉากนี้ ก็มีสายตาที่ไม่เข้าใจออกมา

“คุณหนูรองเป็นอะไรไป?”

“ใครมาแล้ว?”

จิ่งเสี่ยวหย่าหน้าซีดขาว จับแขนของหยูซิ่วเหลียน ตาโตพูดเสียงสั่น:“แม่ เธอกลับมาแล้ว!เธอกลับมาจะเอาชีวิตฉัน!”

หยูซิ่วเหลียนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยน

จิ่งเซี่ยวเต๋อพูดเสียงคม:“พูดอะไรเหลวไหลน่ะ?ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ใครกลับมา?”

หยูซิ่วเหลียนมองเขาอย่างคมกริบ รอบๆเป็นสายตาของพวกคนใช้ที่ตื่นตระหนกและอยากรู้อยากเห็น จิ่งเซี่ยวเต๋อเหมือนจะตระหนักอะไรได้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปหน่อยๆ

เวลานี้ ด้านหลังก็มีเสียงพูดรุนแรงและแก่เข้ามา

“ดึกขนาดนี้แล้ว พวกคุณส่งเสียงดังอะไรกัน?”

มีคนประคองหวังเสว่เหมยเดินเข้ามา จิ่งเซี่ยวเต๋อเห็นสถานการณ์ ก็รีบพูด:“เสี่ยวหย่า ในห้องเธอเหมือนมีของไม่ดีเข้ามา เลยตกใจวิ่งออกมา”

จิ่งเสี่ยวหย่าเห็นหวังเสว่เหมย ก็เหมือนกับคนจมน้ำมองเห็นฟางช่วยชีวิต รีบวิ่งเข้าไป

“คุณยาย ช่วยฉันด้วย เธอมาแล้ว!เธอมาเอาชีวิตฉันแล้ว!”

หวังเสว่เหมยใบหน้าหมองหม่น สายตาแหลมคมมองไปรอบๆ พูดเสียงเยือกเย็น:“มาเอาชีวิตอะไรกัน?ไม่ทำเรื่องชั่ว ก็ไม่ต้องกลัวผีมาหลอก วันนี้ฉันอยากเห็นจริงๆเลยว่าใครกล้าหลอกต่อหน้าฉัน!”

พูดจบ ก็พากลุ่มคนเข้าไปในห้อง

ในห้องนอนที่ตกแต่งหรูหราสวยงาม ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เปิดไฟ นอกจากบนเตียงที่รกหน่อยๆแล้ว ร่องรอยที่ปรากฏให้เห็นว่ามีคนเคยนอนไว้ ที่อื่นๆก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

“เสี่ยวหย่า เธอคนนั้นที่คุณบอกอยู่ไหน?”

“ตรงหน้าต่างนั่น!”

จิ่งเสี่ยวหย่าจับแขนของหวังเสว่เหมย ตัวสั่นไม่หยุดไปทั้งตัว นิ้วชี้ไปที่หน้าต่าง

“ตรงนั้นค่ะ ฉันได้ยิน เธอกำลังร้องไห้ เธอยังยื่นมือจะมาบีบคอฉัน ฉันเห็นหมด”

หวังเสว่เหมยขมวดคิ้ว

ข้างๆ หยูซิ่วเหลียนกำชับกับคนใช้สองคน“พวกคุณเข้าไปดู”

“ค่ะ”

คนใช้เดินเข้าไปดู เปิดผ้าม่านออก มองอย่างละเอียดทั้งในและนอกอยู่รอบหนึ่ง รวมถึงด้านนอกระเบียงก็ดู

“นายหญิง คุณผู้ชาย คุณนาย คุณหนูรอง ทางนี้ดูหมดแล้ว ไม่มีใครค่ะ”

หวังเสว่เหมยหันไปทางจิ่งเสี่ยวหย่า

จิ่งเสี่ยวหย่ายืนงงอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ไม่มีทาง ฉันได้ยินเสียงจริงๆ แล้วก็ยังเห็นเธอยื่นมือ ……”

“หรือว่าช่วงนี้เหนื่อยไป เลยเกิดอาการหลอน?”

หวังเสว่เหมยสงสารหลานสาวคนนี้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ เธอถูกจิ่งหนิงทำร้ายคนไม่มีลูก แล้วยังได้แต่หมกตัวอยู่บ้านหลบ ในใจจะต้องกดดันมหาศาลแน่

ดังนั้น ถึงจะถูกเธอทำให้ตื่นดึกๆดื่นๆแบบนี้ จึงไม่โกรธ

จิ่งเสี่ยวหย่าส่ายหน้า“แต่ แต่ฉันเห็นจริงๆ!”

หยูซิ่วเหลียนมองไปทางหน้าต่าง ขมวดคิ้ว ทันใดนั้น ก็ให้คนปิดไฟ

“แม่ แม่ให้พวกเธอปิดไฟทำไม?”

“เสี่ยวหย่า ลูกดูมือที่ลูกบอก ใช่อันนี้ไหม”

หยูซิ่วเหลียนให้เธอมองไปที่หน้าต่าง แป๊บเดียว จิ่งเสี่ยวหย่าก็กรีดร้องออกมา

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset