วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 149 กลยุทธ์พลิกชีวิต

บทที่149 กลยุทธ์พลิกชีวิต

“และยิ่งไปกว่านี้เรื่องนี้ไม่เหมือนกับเรื่องตำนานรักข้ามพิภพ เป็นผลงานเพียงชิ้นเล็กๆ นักแสดงหญิงตอนนี้ คนที่มีชื่อเสียงหน่อยก็ไม่ยอมแสดง คนที่ยอมแสดงให้ก็แสดงออกมาได้ไม่ดี คนอย่างหัวเหยาที่ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเรื่องการผลิตแต่ดูที่บทบาทนั้น มีน้อยมากเลยนะครับ”

เขาเอ่ยพูดแล้ว พลางถอนหายใจออกมา จิ่งหนิ่งเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

แล้วซักพักหนึ่ง จึงพูดขึ้นมาอีก : “ความจริงแล้วช่วงนี้จิ่งเสี่ยวหย่าติดต่อผมมา บอกว่าอยากจะร่วมแสดงเรื่องนี้ เธอสนใจบทบาทของนักแสดงนำหญิงเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผมจึงไม่ค่อยวางใจกับเธอเท่าไหร่นัก ถึงแม้ภายนอกของเธอ ประกอบกับเสื้อผ้าหน้าผมของเธอพอจะให้ผ่านไปได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าคนอื่นๆ แต่ผมก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี กลัวว่าเธอแสดงไปได้ครึ่งนึงแล้ว จะเกิดข่าวฉาวขึ้นมาอีก ถึงตอนนั้นก็คงจะยุติลงได้ยาก”

จิ่งหนิงอึ้ง และมีความแปลกใจอยู่บ้าง

เธอกลอกตาเล็กน้อย พลางเอ่ยถาม : “จิ่งเสี่ยวหย่าก็อยากได้บทนี้ด้วยหรือ?”

ลู่หยั่นจือพูดขึ้น : “ใช่ครับ ว่ากันตามจริงแล้วถึงแม้ว่าเพื่อนผมจะเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ แต่ความสามารถของเขาก็นับว่าไม่เลวเลย ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะไม่ช่วยเขา เพราะฉะนั้นคนที่อยากจะเข้าร่วมแสดงเรื่องนี้มีมากอยู่ก็จริง เพียงแต่ไม่มีคนที่เหมาะสมเลย ถ้าหากไม่ได้จริงๆ ถึงตอนสุดท้ายแล้วจิ่งเสี่ยวหย่าก็คงจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว ถึงแม้ว่าช่วงนี้เธอจะมีข่าวอื้อฉาวเยอะ ภาพลักษณ์จะไม่ค่อยดีนัก แต่นี่ก็ยังนับว่าเป็นการเรียกความนิยมได้แบบหนึ่ง เพียงแค่ถ่ายทำออกมาได้ดี ผลตอบรับก็คงจะไม่เลว เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่ผลงานชิ้นเล็กๆ หากเปลี่ยนเป็นผลิตผลงานชิ้นเล็กออกมาแบบนี้ก่อนหน้านี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชิญคนที่เป็นนักแสดงใหญ่แบบเธอให้มาร่วมงานได้”

จิ่งหนิงลดสายตาลงพลางครุ่นคิด แล้วริมฝีปากก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา

“โอเค เรื่องนี้ฉันรู้แล้วล่ะ ถ้าหากคุณสะดวก พอจะส่งบทให้ฉันหน่อยได้ไหม? พรุ่งนี้ฉันจะให้คำตอบคุณ”

ลู่หยั่นจืออึ้งไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ แล้วก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าที่เธอพูดมาแบบนี้หมายความว่าอย่างไร

แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถาม ตอบตกลงแล้วหลังจากนั้นก็วางสายไป

จิ่งหนิงขับรถกลับถึงบ้าน และเพิ่งจะเข้าประตูบ้านมานั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังติ๊งขึ้นมา อีเมล์ส่งเข้ามาใหม่หนึ่งฉบับ

เธอเปลี่ยนรองเท้าไปพลางและเปิดอ่านอีเมล์ไปพลาง เป็นบทละครที่ลู่หยั่นจือส่งมานั่นเอง

ลู่จิ่งเซินถึงบ้านนานแล้วรู้ว่าวันนี้เธอไปกินข้าวช้อปปิ้งกับเพื่อนของเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รบกวนเธอ

เวลานี้เองชายหนุ่มกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงไปอยู่ที่ห้องหนังสือ

จิ่งหนิงเปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ไม่ได้ไปหาลู่จิ่งเซิน แต่กลับไปยังห้องนอนเลย

เธอเปิดคอมพิวเตอร์ แล้วอ่านบทที่ลู่หยั่นจือส่งมาให้นั้นตั้งแต่ต้นจนจบ

บทนั้นถือว่าไม่ยาวมาก เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่เว็บซีรีส์ที่มีเพียงสิบแปดตอน แต่เนื่องจากเธออ่านอย่างละเอียด ดังนั้นจึงใช้เวลาไปไม่น้อย

ลู่จิ่งเซินออกมาจากห้องหนังสือ เห็นเธอนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ด้วยท่าทางที่ดูตั้งใจมาก จึงไม่ได้ไปรบกวนเธอ

แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ รอจนเขาอาบน้ำเสร็จเก็บของทุกอย่างออกมาแล้วนั้น กลับพบว่าเธอยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ด้วยท่าทางที่ดูมีสมาธิตั้งอกตั้งใจ

เขามองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว จึงอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

“กำลังดูอะไรอยู่ครับ?”

จิ่งหนิงที่กำลังอ่านอย่างตั้งใจนั้น จู่ๆก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง จึงทำให้เธอตกใจ

หันมาเห็นว่าเป็นลู่จิ่งเซินถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“อ่อ ไม่มีอะไรค่ะ แค่บทๆนึงเท่านั้นเอง”

“บทอะไรทำไมต้องอ่านตอนนี้ด้วย?”

ชายหนุ่มกล่าว แล้วก้มตัวลงมา อ้อมแขนมาคลิกเมาส์แล้วเลื่อนขึ้นไปอ่านชื่อของบทละคร

–《กลยุทธ์พลิกชีวิต》

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น จิ่งหนิงอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ แล้วอธิบายอย่างอ้ำๆอึ้งๆ : “เป็นชื่อที่กำหนดไว้ชั่วคราวก่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวก็คงจะมีการเปลี่ยนอีกทีนึง อืม…..คือ นี่เป็นบทละครเว็บซีรีส์ การผลิตผลงานไม่ได้ใหญ่โตมาก ฉันก็เลยลองอ่านดูก่อน”

ลู่จิ่งเซินยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “บทละครแค่นี้ ทำให้คุณต้องมาอ่านเวลานี้เลยหรือ?”

เขาว่า แล้วยังตั้งใจที่จะชี้ไปยังหน้าปัดนาฬิกาอีกด้วย

จิ่งหนิงถึงได้พบว่าเวลาผ่านไปจนดึกขนาดนี้แล้ว เธอ อืม ตอบรับไป เพียงแต่เป็นการฝืนตอบรับไปอย่างไม่เต็มใจนัก

และเวลานี้อีกทางด้านหนึ่ง

ตระกูลจิ่ง

จิ่งเสี่ยวหย่ากำลังโทรหาลู่หยั่นจือ

ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่สำหรับคนที่ทำงานอาชีพนี้กลับไม่ถือว่าดึกสำหรับพวกเขาเลย หรือแม้กระทั่งจะยังเร็วไปเสียด้วยซ้ำ

ลู่หยั่นจือเองก็รวมอยู่ด้วย ได้ชื่อว่าเป็นนกฮูกด้วยเช่นกัน เวลานี้เขาเพิ่งจะพูดคุยกับทางผู้ผลิตเกี่ยวกับรายการแล้วเพิ่งจะออกมาจากโรงแรม ก็ได้รับสายของจิ่งเสี่ยวหย่า

“เสี่ยวหย่า มีธุระอะไรหรือครับ?”

จิ่งเสี่ยวหย่าตื่นเต้นเสียจนกำโทรศัพท์มือถือแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ผู้กำกับลู่ คือแบบนี้ค่ะ ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ในมือของคุณมีบทอยู่บทนึง กำลังหานักแสดงนำหญิงใช่ไหมคะ?”

ลู่หยั่นจือหรี่ตาลงมาเล็กน้อย ถึงแม้จะรู้ถึงเจตนาของจิ่งเสี่ยวหย่า แต่ก็ยังคงแสดงออกมาอย่างลำบากใจ

“จะว่ามีก็มีครับ แต่ผมไม่ได้เป็นผู้กำกับ เป็นเพื่อนของผมอีกคน เขาเพิ่งจะเข้าวงการนี้ ยังไม่มีประสบการณ์อะไร……”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอเพียงแค่บทดี ใครจะมาเป็นผู้กำกับก็ไม่เป็นไร”

ลู่หยั่นจือหัวเราะ

“แบบนี้คุณโทรหาเพื่อผมแล้วใช่ไหม?”

เมื่อพูดถึงคนนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าก็รู้สึกโมโหขึ้นมา

ผู้กำกับหน้าใหม่คนนั้น ที่ชื่อหลินซูฝานอะไรนั่น ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่อารมณ์กลับนับว่ารุนแรงอยู่เหมือนกัน

ถึงจะอย่างไรเธอก็ยังเป็นดอกไม้อยู่ในตอนนี้ แม้จะมีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นแต่แฟนคลับของเธอก็ยังคงมีอยู่จำนวนหนึ่งเช่นกัน

เธอยอมร่วมแสดงผลงานของเขา นั่นเป็นการไว้หน้าเขา แต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าไม่ตอบรับแบบนี้?

ไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดีเสียแล้ว!

แต่ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าเองก็ไม่ได้มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เธอเลือกละครมาโดยตลอด เลือกไปเลือกมาก็มีบทบาทของเรื่องนี้ที่เหมาะสมกับเธอ

อีกทั้งยังรู้มาว่าหลินซูฝานเป็นเพื่อนสนิทของลู่หยั่นจือ อีกทั้งลู่หยั่นจือยังดำรงตำแหน่งเป็นโปรดิวเซอร์อีกด้วย รู้ว่าคุณภาพจะต้องไม่ได้แย่อยู่แล้ว

ถึงแม้จะเป็นเพียงเว็บซีรีส์ แต่ตอนนี้เป็นช่วงที่เว็บซีรีส์กำลังเป็นที่นิยม ไม่แน่ว่าเป็นเช่นนี้แล้วจะสามารถช่วยเธอได้อีกด้วย

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว จิ่งเสี่ยวหย่าจึงหายใจเข้าลึกๆเพื่อข่มความไม่พอใจนี้เอาไว้ เอ่ยขึ้นพลางหัวเราะออกมา : “ฉันโทรไปหาเขาแล้วค่ะ แต่ดูเหมือนว่าผู้กำกับหลินดูเหมือนจะไม่รู้จักฉันเท่าไหร่ แล้วฉันเองก็ไม่คุ้นเคยกับเขาด้วย ก็เลยพูดยาก ผู้กำกับลู่คุณเองก็เข้าใจฉัน เรื่องครั้งที่แล้วเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ฉันเองก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ครั้งนี้หวังว่าคุณจะให้โอกาสฉันอีกซักครั้ง ฉันจะต้องแสดงออกมาให้ดีอย่างแน่นอน จะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลยค่ะ”

จะว่าไปจริงๆแล้วลู่หยั่นจือก็หวั่นไหวอยู่บ้าง

ถึงอย่างไรหลินซูฝานนั่นก็เป็นคนที่ชัดเจนอยู่แล้ว หาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ละครเรื่องนี้ก็อาจจะล่าช้าได้

ทุกคนอาจจะคิดว่าเขาเป็นตัวหลัก แต่เนื่องจากว่าพวกเขายังไม่รู้จักหลินซูฝานต่างหาก

เขาที่เป็นแบบนั้นเป็นบุคคลที่มีความสามารถด้านการประพันธ์ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขายึดมั่นทำตามความต้องการของตัวเอง ก็คงจะไม่มาอยู่ตรงจุดนี้

พวกเขาอยู่ในช่วงวัยผู้ใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กำกับหน้าใหม่กันอยู่เลย

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ลู่หยั่นจือจึงถอนหายใจออกมา

เขาอยากจะดึงเพื่อนสนิทคนนี้ขึ้นมา จึงเอ่ยพูดบอกไป : “เรื่องนี้ผมขอไปปรึกษากับเขาก่อนแล้วกันนะครับ! ถ้าหากได้ เดี๋ยวผมจะโทรบอกคุณอีกที”

น้ำเสียงนี้ ก็นับว่าเป็นการตกลงแล้ว

ในที่สุดจิ่งเสี่ยวหย่าจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ขอบคุณนะคะผู้กำกับลู่”

ลู่หยั่นจือ ตอบรับ อืม แล้วนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธออีกแล้ววางสายไป

เช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็ไปหาหลินซูฝานเลย

หลินซูฝานได้สร้างออฟฟิศทำงานขนาดเล็กของตัวเองเอาไว้ จะว่าเป็นออฟฟิศ หรือจะเป็นโรงงานเล็กๆของตัวเองก็ได้

ยากจนเสียจนซื้ออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานก็ยังไม่ได้ การถ่ายทำนั้นอาศัยการเช่าอุปกรณ์ไปเสียหมด และจะดูเหมือนจะยังไม่ง่ายพอเสียอย่างนั้น

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset