วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 14 เธอไม่ทำแล้ว

บทที่ 14 เธอไม่ทำแล้ว

ยังไงก็เป็นศิลปินชื่อดังแนวหน้า พลังบนกายแฝงไว้ด้วยตัวของตนเอง ความสามารถในการดำเนินงานก็ถือว่าพอใช้ได้ พูดได้ว่าเป็นต้นหาเงินเคลื่อนที่ต้นหนึ่ง

ศิลปินหญิงแบบนี้ยอมเซนต์สัญญากับบันเทิงเฟิงหัว ทุกคนย่อมดีใจอย่างยิ่งอยู่แล้ว

มู่ยั่นเจ๋อ เห็นได้ชัดว่าพอใจกับประสิทธิภาพแบบนี้อย่างมาก ผ่านไปสักพักหนึ่ง จึงยกมือขึ้นเล็กน้อย ตัดเสียงตื่นเต้นดีใจของทุกคนไป

“นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง สตรีคนนี้ที่อยู่ข้างผมชื่อว่า ถงซู มีคนมากมายที่อยู่ในนี้อาจจะไม่รู้จักเธอ แต่เพียงแค่ทำงานอยู่ในอาชีพนี้สิบปีขึ้นไปแล้ว คิดว่าสำหรับชื่อของเธอน่าจะเคยได้ยินมา วันนี้ผมพาเธอเข้ามาคืออยากจะประกาศว่า เริ่มจากวันนี้เป็นต้นไป เธอจะกลายเป็นผู้จัดการกรมประชาสัมพันธ์คนใหม่ของพวกเรา นำพากรมประชาสัมพันธ์ของพวกเราก้าวขึ้นไปใหม่อีกขั้นหนึ่ง! พัฒนาให้บริษัทยิ่งดีกว่านี้ ยิ่งแข็งแกร่งกว่านี้!”

พูดจบ ในห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบสนิทไปหมด

ดูเหมือนทุกคนล้วนตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย ผ่านไปหลายวินาที จึงมีเสียงปรบมือดังขึ้นมานิดๆหน่อยๆ

จากนั้น สายตาของคนทั้งหลายล้วนมองไปยัง จิ่งหนิง

ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจและความเสียดาย ในที่สุดก็ดูเหมือนได้พิสูจน์ความจริงของข่าวลือในตอนเช้า

มีคนที่ไม่รู้จักความเป็นมาของ ถงซู หลังจากถามกับผู้ร่วมงานที่อยู่ข้างๆแล้ว สายตาที่มองไปยัง จิ่งหนิง ก็ล้วนกลายเป็นสลับซับซ้อนเล็กน้อยเช่นกัน

ที่จริงแล้ว ความสามารถของ จิ่งหนิง แม้ว่าทุกคนเห็นกับตา แต่ว่าประวัติประสบการณ์ของ ถงซู วางอยู่ที่นั่น ความสามารถย่อมไม่แย่ไปถึงไหนอยู่แล้ว ประธานมู่ พาเข้ามาแล้ว พวกเขาก็พูดอะไรไม่ได้เช่นกัน

ยังไงก็ยังมีหนึ่งหรือสองคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ จิ่งหนิง เห็นสภาพการณ์แล้วไม่พอใจลุกขึ้นมา คัดค้านพูดว่า “ฉันไม่เห็นด้วย!”

“ฉันก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน! ทุกคนล้วนรู้หมด ผู้จัดการกรมประชาสัมพันธ์ในตอนนี้คือ จิ่งหนิง เธอทำดีมากมาโดยตลอดยื่นมือช่วยเหลืออยู่ตรงเวลาที่บริษัทวิกฤติที่สุด นำพากรมประชาสัมพันธ์เดินมาถึงวันนี้ คุณงามความดียิ่งใหญ่มาก ประธานมู่ พูดว่าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน ก็จะไม่สะเพร่าเกินไปแล้วหรือ!”

“ก็ใช่สิ! ผู้จัดการจิ่ง ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แม้ว่า ประธานมู่ อยากจะเปลี่ยนเธอออก ก็ต้องมีข้อผิดพลาดอะไรสักอย่างล่ะ? อีกทั้ง พี่ถงคนนี้แม้ว่าแต่ก่อนเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อเสียงมาก แต่ได้ยินว่าไม่ได้จัดการเคสอะไรมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าความสามารถของเธอในตอนนี้ยังใช้ได้หรือไม่? หากว่าใช้ไม่ได้ จะไม่ใช่หน่วงถ่วงเรื่องราวหรือ?”

ในทันทีความสงสัยของหลายคนนั้นเหมือนดั่งหนึ่งหินกระทบคลื่นขึ้นมาหลายพันชั้น ทำให้คนที่เหลือก็รู้สึกตัวขึ้นมาเช่นกัน

ใช่ล่ะ แม้ว่า ถงซู ในเวลานั้นมีศักดิ์ศรีและชื่อเสียงยิ่งใหญ่มาก แต่ว่าถึงยังไงก็เป็นเรื่องของเมื่อสิบปีก่อนแล้ว

ศิลปินที่กำลังดังอยู่ในวงการบันเทิงล้วนถูกเปลี่ยนไปหลายคนแล้ว ตอนนี้เธอจะออกมาเป็นนักประชาสัมพันธ์ต่อไปได้หรือ ?

มู่ยั่นเจ๋อ ได้รับสายตาที่สงสัยของคนทั้งหลาย ขมวดคิ้วเล็กน้อย

กำลังจะพูด อยู่ดีๆแขนเสื้อถูกคนดึงเบาๆหนึ่งที

จิ่งเสี่ยวหย่า ส่งสายตาให้เขาหนึ่งที มู่ยั่นเจ๋อ เม้มปาก เม้มแล้วเม้มอีก ก็เห็น ถงซู ยิ้มเล็กน้อยหนึ่งที ยืนขึ้นออกมาพูดว่า “คิดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ!”

สายตาของเธอมองทุกคนไปหนึ่งรอบ สุดท้ายตกอยู่บนกายของ จิ่งหนิง ที่เย็นชาเต็มใบหน้า

“ครั้งนี้ ประธานมู่เชิญฉันเข้ามา ก็ไม่ได้หมายความว่าคิดอยากจะเปลี่ยน ผู้จัดการจิ่ง ออกเลย ผู้จัดการจิ่ง เหน็ดเหนื่อยตรากตรำและมีผลงานอย่างใหญ่หลวง ต่อบันเทิงเฟิงหัว มีประสิทธิภาพที่ทำให้จิตใจคนมั่นคง ประธานมู่ จะตัดสินใจอย่างที่ทำให้คนจิตใจหนาวเหน็บนี้ได้ยังไงล่ะ?”

คนทั้งหลายได้ยินคำพูดนี้ อดไม่ได้มีความสงสัยเล็กน้อย

“งั้นเมื่อกี้คำพูดของ ประธานมู่ คือมีหมายความว่าอะไรล่ะ?”

ถงซู ยิ้มแล้วยิ้มอีก นิ่งสงบพูดว่า “ทุกคนล้วนรู้ว่าบันเทิงเฟิงหัว พัฒนาถึงวันนี้ ไม่ได้เป็นบริษัทเล็กๆในสองปีก่อนที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของคนแห่งนั้นอีกแล้ว บัดนี้ในวงการนอกจาก อานหนิงกั๋วจี้ ยากที่จะมีคู่แข่งที่จะแข่งกับพวกเราได้แล้ว เปลี่ยนอีกประโยคหนึ่งพูดว่า ตอนนี้คู่แข่งของพวกเราไม่มีคนอื่น ก็มีแต่ อานหนิงกั๋วจี้ และ อานหนิงกั๋วจี้ แข็งแกร่งขนาดไหน ไม่จำเป็นต้องให้ฉันพูดถึง คิดว่าทุกคนล้วนชัดเจน จะแข่งกับบริษัทแบบนี้ สิ่งที่ต้องมีไม่เพียงแค่ความสามารถในการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกับความเร็วในการตอบสนองแค่นั้นเอง ยังต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับอาชีพนี้และคอนเนคชันที่กว้างขวางมาก แต่ทั้งสองจุดนี้ กลับเป็นสิ่งที่ ผู้จัดการจิ่ง ขาดที่สุดพอดี ถึงยังไงให้เธอทำดีขนาดไหน ก็มีแค่ประวัติประสบการณ์สองปีเท่านั้น ดังนั้น ประธานมู่ ดึงฉันเข้ามาก็เพียงแค่อยากจะให้ฉันช่วย ผู้จัดการจิ่ง บริหารกรมประชาสัมพันธ์ด้วยกัน ช่วยเสริมความบกพร่องในข้อมูลอาชีพนี้และคอนเนคชันให้กับเธอ เพียงแค่นี้เท่านั้นเอง”

คำพูดนี้พูดออกไป คนทั้งหลายรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน

ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง

พูดได้ว่า สิ่งที่ ถงซู พูดคือเรื่องจริง

พัฒนาจนถึงวันนี้ ความสามารถในการดำเนินงานส่วนตัวแท้จริงแล้วก็ไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้น เทียบกับเงินทองที่มากมาย คอนเนคชันที่กว้างขวางและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับอาชีพนี้จึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ที่พูดว่าเดินก้าวหนึ่งมองสิบก้าว ถ้าหากว่าไม่มีประวัติประสบการณ์ที่ลึกพอ ไม่ได้คลุกคลีอยู่ในอาชีพนี้มานานพอ ยากที่จะทำได้มากจริงๆ

ในทันทีนั้นทุกคนล้วนปรากฏสีหน้าที่แจ่มแจ้งแล้ว มีเพียงแค่คนเดียวที่ยกข้อสงสัยขึ้นมา

“ในเมื่อ พี่ถง นั้นกลายเป็นผู้จัดการกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ผู้จัดการจิ่ง ก็จะกลายเป็นตำแหน่งอะไรอีกล่ะ?”

คนทั้งหลายล้วนมองไปยัง จิ่งหนิง

มู่ยั่นเจ๋อ จ้องมองเธอ เงียบไปสองวินาที เสียงเข้มพูดว่า “จิ่งหนิง ก็ลดลงมาเป็นรองผู้จัดการชั่วคราวเถอะ! ติดตามอาวุโสฝึกฝนก่อนสักหน่อย วันหลังมีโอกาสแล้วค่อยยกระดับขึ้นมา”

คนทั้งหลาย…….

ทำผิดแล้วถูกลดตำแหน่งไม่แปลกใจ

สร้างผลงานแล้วยังถูกลดตำแหน่ง นี่ช่าง…….ตบหน้ากันมากจริงๆนะ!

ในที่สุด จิ่งหนิง ปรากฏเสียงหัวเราะเยาะเล็กน้อยขึ้นมา

อยู่ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหลาย เธอลุกขึ้นมาอย่างใจเย็น มือทั้งสองดันอยู่บนโต๊ะมองไปยัง มู่ยั่นเจ๋อ ที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธาน

“ประธานมู่ ท่านพูดว่าฉันมีข้อบกพร่องในด้านความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับอาชีพนี้และคอนเนคชัน มีหลักฐานหรือเคสตัวอย่างชัดๆมาอธิบายให้เห็นไหม?”

มู่ยั่นเจ๋อ ชะงักทันที

พูดได้ว่า ทุกเคสที่ผ่านมือ จิ่งหนิง ล้วนสำเร็จอย่างดีมาก ดูเหมือน……..ไม่มีอะไรที่แสดงออกมาได้ให้เห็นอย่างแท้จริง

ดวงตาที่เย็นสดใสของ จิ่งหนิง จ้องมองเธอ และหัวเราะเยาะขึ้นมาอีกหนึ่งเสียง

“ในเมื่อไม่มี อย่างนั้นท่านอาศัยอะไรคิดว่า อยู่ในทั้งสองด้านนี้ฉันก็จะแพ้ พี่ถง อย่างแน่นอนหรือ?”

มู่ยั่นเจ๋อ ………

จิ่งหนิง มองเห็นลักษณะคำพูดเขาที่ติดอ่าง ในใจยิ้มเย็นชา

นึกถึงในเวลานั้น เพื่อที่จะเข้าใจถึงอาชีพนี้ยิ่งขึ้น เธอดูเอกสาร ดูเคสจนไม่หลับไม่นอน

เพื่อสร้างคอนเนคชันให้กับบันเทิงเฟิงหัว เธอที่ไม่ชอบคบค้าสมาคมตลอดเวลา ก็ได้ร่วมงานปาร์ตี้ดื่มกินสนุกสนานมาไม่น้อยเช่นกัน

หลายครั้ง เธอเพื่อที่จะเปิดความสัมพันธ์ให้กับบันเทิงเฟิงหัว เธอดื่มเหล้าอยู่บนโต๊ะ ดื่มจนอาเจียน

หลายครั้ง เธอทำโอทีจนเที่ยงคืน เหนื่อยจนหมดเรี่ยวหมดแรงเพิ่งกลับถึงบ้าน แผนกผู้จัดการมีสายเข้ามาก็ต้องกระตุ้นจิตสติลุกขึ้นมาทำงานต่อทันที

ล้วนพูดว่าศิลปินของบริษัท บันเทิงเฟิงหัว เกิดเรื่องอยู่ในวงการนี้ มักจะถูกจัดการได้รวดเร็วที่สุด

แต่ก็ไม่มีคนเคยคิดว่า เบื้องหลังในความรวดเร็วที่สุดนี้ ตกลงว่าแบกรับความไม่ง่ายจากเหงื่อมากมายเท่าไหร่แล้ว

เขามองไม่เห็น หรือพูดว่าเขาตั้งใจแกล้งมองไม่เห็น

บัดนี้ทั้งยังเอาเรื่องประวัติประสบการณ์ของเธอมาพูด

จิ่งหนิง รู้สึกว่าน่าขำมากจริงๆ ไม่เคยรู้สึกถึงว่าจิตใจหนาวเหน็บขนาดนี้มาก่อน

ก่อนหน้านี้ไม่ว่ายังไง เธอก็เตรียมพร้อมที่จะลาออกแล้ว แต่ก็นึกไม่ถึงว่า มู่ยั่นเจ๋อ จะหน้าไม่อายแกล้งกันถึงขนาดนี้

มู่ยั่นเจ๋อ คำพูดติดอ่างไปสักพัก จึงขมวดคิ้วเสียงเข้มพูดว่า “จิ่งหนิง นี่คือให้โอกาสคุณได้ฝึกฝนครั้งหนึ่ง คุณถ่อมตนหน่อย วันหลัง……”

“ไม่จำเป็นต้องมีวันหลังแล้ว!”

เธอหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง อยู่ดีๆดึงจดหมายลาออกจากสมุด “เพี๊ยง” หนึ่งเสียงทิ้งไปยังต่อหน้าเขา

“ท่านไม่ใช่อยากจะได้อันนี้หรือ? ฉันให้ท่านสมหวัง! พอดีข้าวกล้องที่ผสมหินถ้วยนี้ของบันเทิงเฟิงหัว ฉันก็กินไม่ลงเช่นกัน วันหลังกรมประชาสัมพันธ์จะให้ใครบริหารก็ให้คนนั้นบริหารเถอะ ฉันไม่ทำแล้ว!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset