วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 157 ถูกใส่ร้าย

บทที่ 157 ถูกใส่ร้าย

ถังลั่วเหยาพ่นลมหายใจ คลึงข้อมือตนเองที่ถูกชนแดง แล้วตรวจดูความเรียบร้อยของกระโปรงตนเอง

กระโปรงเป็นชุดที่บริษัทยืมจากสปอนเซอร์มา จะทำเลอะไม่ได้เด็ดขาด

โชคดีที่เมื่อสักครู่บริกรคนนั้นตอบสนองไว เมื่อรู้ตัวว่าชนเธอเข้าแล้วรีบหันจานในมือหนีทันที

และเพราะแบบนั้น แม้ว่าเธอจะล้มลงบนพื้น กระโปรงที่สวมอยู่จึงไม่เปื้อน

โชคดีไป

ถังลั่วเหยาผ่อนลมหายใจ เมื่อเห็นว่าไม่เป็นอะไรแล้วจึงเตรียมจะเดินออกไป

เฟิงยี่ที่อยู่ไม่ไกล เห็นเธอจะไปแล้ว คิดอยากรีบตามไป

แต่ในตอนนั้นเอง แขกนักธุรกิจหลายคนก็กรูล้อมเข้ามา

“คุณชายเฟิง ไม่เจอกันนาน ได้ยินว่าไม่นานมานี้คุณได้เลื่อนขึ้นเป็นประธานของเฟิงซื่อกรุ๊ปแล้ว ยินดีด้วย”

“คุณชายเฟิง ในเมื่อวันนี้ได้เจอกันแล้ว อย่างไรก็ดื่มกับพวกเราสักแก้วสองแก้วใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว พวกเราอยากเจอคุณมาตลอด มีบางเรื่องอยากคุยกับคุณ แต่ไม่มีโอกาสเลย วันนี้ไม่ว่าอย่างไร คุณต้องคุยกับพวกเรา”

เฟิงยี่ถูกหลายคนล้อมไว้ตรงกลาง อยากไปก็ไปไหนไม่ได้แล้ว

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาสามารถหลีกเลี่ยงอย่างไม่สนใจได้ แต่คนพวกนี้ล้วนเป็นคนสำคัญของโลกธุรกิจ

ถึงแม้เขาจะเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเฟิง แต่มีบางครั้งที่ขัดคนอื่นไม่ได้ ทั้งยังเป็นเป็นคนรุ่นเดียวกับคุณลุงของเขาและติดต่อธุรกิจมากมายกับเฟิงซื่อกรุ๊ป

เฟิงยี่จึงต้องอยู่ต่ออย่างช่วยไม่ได้ ส่งยิ้มให้พวกเขา “คุณอาคุณลุงชมเกินไปแล้ว พวกเราไปคุยตรงนั้นกันเถอะ”

เขาเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องรับรองแขก

และถังลั่วเหยาที่หลุดจากเขาได้ในที่สุดรู้สึกชื่นมื่นเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูโรงแรม ก็ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบขวางไว้

“คุณผู้หญิง พวกเราได้รับรายงาน ว่าคุณมีของต้องห้ามติดตัวอยู่ด้วยจำนวนมาก เชิญไปกับพวกเรา เพื่อรับการตรวจสอบ”

……

จิ่งหนิงตามลู่หยั่นจือออกไปงานเลี้ยงเสร็จแล้วกลับมาที่โถงใหญ่อีกครั้ง ก็ไม่เจอถังลั่วเหยาแล้ว

คว้าแขนบริกรคนหนึ่งไว้แล้วสอบถามถึงรู้ว่าเธอกลับไปแล้ว

เธอไม่ได้คิดอะไรมากอีก เวลานี้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ถังลั่วเหยาพรุ่งนี้ยังมีถ่ายละคร กลับเร็วหน่อยก็ถือว่าปกติ

และในเวลาเดียวกันนั้น ในห้องหนึ่งในโรงแรม

ถังลั่วเหยามองยาเสพติดถุงใหญ่ที่ถูกค้นเจอตรงหน้า เบิกตากว้างอย่างตระหนกตกใจ

เสียง “พรึบ!” ดังขึ้น แสงสีขาวสว่างจ้าอยู่เหนือศีรษะ ทิ่มแทงดวงตาเธอจนเจ็บ

ถังลั่วเหยายกมือขึ้นปิดตาของเธอไว้อัตโนมัติ แล้วค่อยลดมือลง ก็มองเห็นเจ้าหน้าที่หน้าตาเคร่งขรึมนั่งอยู่ตรงข้าม

สีหน้าเธอซีดไปเล็กน้อย

แม้ว่าจนถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่มีอย่างหนึ่งที่สามารถยืนยันได้แน่นอน

เธอถูกคนอื่นใส่ร้าย!

แต่ว่าจะเป็นใคร? ใช้อุบายแบบนี้ใส่ร้ายเธอ?

ของถูกค้นพบในกระเป๋าเธอ แต่ทั้งชุดและเครื่องประดับทั้งหมดเป็นบริษัทที่จัดมาให้ทั้งหมด

บริษัทไม่ทำร้ายเธอแน่ แล้วเป็นใครกัน?

จู่ๆ เธอก็คิดถึงบริกรคนนั้นที่ชนเธอเมื่อสักครู่ขึ้นมา

ตอนนั้นเธอถูกชนล้มลงบนพื้น บริกรเป็นคนช่วยเธอเก็บกระเป๋าขึ้นมา และหมายความว่า นอกจากคนในบริษัทแล้วบริกรคนนั้นเป็นคนเดียวที่จับกระเป๋าของเธอ

“พูดมาเถอะ! ของพวกนี้ได้มาได้อย่างไร?”

กำลังครุ่นคิดในใจ ก็ได้ยินเสียงที่เคร่งขรึมของเจ้าหน้าที่

ถังลั่วเหยาได้สติกลับมา มองเขาด้วยหน้าซีดเผือด

“ฉัน ฉันไม่รู้ ของพวกนี้ไม่ใช่ของฉัน”

ตำรวจหัวเราะเสียงเย็น “ไม่ใช่ของคุณแล้วจะเป็นของใครไปได้? คุณถัง ผมแนะนำให้คุณชี้แจงตามความจริง สารภาพมาตามตรง หนักจะได้กลายเป็นเบา อย่างไรเสียคุณยังเป็นบุคคลสาธารณะ อย่าทำลายอนาคตของตัวเอง!”

ถังลั่วเหยาหน้าซีดเผือดในทันที

ความจริงแล้ว ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร ถ้าเรื่องถูกเปิดโปงออกไป อนาคตของเธอก็พังพินาศอยู่ดี

คนที่ใส่ร้ายเธอ ต้องการทำลายเธอ!

เมื่อตระหนักได้ถึงในจุดนี้ ถังลั่วเหยายิ่งหน้าซีดยิ่งขึ้นไปอีก

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ตนเองสงบลงได้เพียงเล็กน้อย เอ่ย “คุณตำรวจ นั่นมันไม่ใช่ของฉัน เมื่อกี้ฉันอยู่ข้างนอกมีบริกรคนหนึ่งชนฉัน ต้องเป็นเธอฉวยโอกาสยัดมันใส่กระเป๋าของฉันแน่ พวกคุณไปเช็กดูกล้องวงจรปิดได้เลย เรื่องนี้มีคนต้องการใส่ร้ายฉันชัดๆ”

ตำรวจนายนั้นหรี่ตาลงเล็กน้อย

“ใส่ร้ายคุณ?”

“ใช่! ถ้าหากพวกคุณไม่เชื่อฉัน จะตรวจปัสสาวะฉันก็ได้ จากนั้นตรวจมาว่าฉันมีประวัติเคยใช้สารเสพติดไหม ถ้าหากไม่มี แล้วฉันจะพกของพวกนี้มาที่นี่ทำไม? ฉันรู้ดีว่างานแบบนี้นั้นสำคัญแค่ไหน ฉันยังจะพกของแบบนั้นเข้ามา ฉันไม่รนหาที่ตายเหรอ? ฉันเองก็ไม่ได้ใช้! ชัดเจนว่ามีคนวางกับดักและต้องการให้ชื่อเสียงฉันย่อยยับ”

ตำรวจคิดดูแล้ว

จากนั้นจึงเลิกเปลือกตามองเธอ

“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าใครเป็นคนใส่ร้ายคุณ?”

“ก็ต้องเป็นคนที่แจ้งเบาะแส คนนั้นต้องเป็นคนที่ใส่ร้ายฉันแน่!”

ตำรวจหัวเราะเสียงเย็น

เขาตบลงบนโต๊ะกะทันหัน พูดเสียงดัง: “ไร้สาระ!”

ตำรวจอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเสียงเย็น “คนที่โทรเข้ามาแจ้งเบาะแสเป็นพนักงานธรรมดาที่ห้องวีไอพี เธอจะใส่ร้ายคุณทำไม? อยากบอกว่าตนเองไม่ผิด ก็หาข้ออ้างที่มันเข้าท่าก่อน!”

ถังลั่วเหยาชะงักไป

ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อก็เห็นอีกฝ่ายโบกมือ

“พอเถอะ อย่าเสียเวลาคุยกับเธอเลย เก็บของ คุมตัวเธอไป”

“ครับ!”

กุญแจมือที่เป็นโลหะเย็นเยียบ “คลิก” ล็อกบนข้อมือของเธอ

ถังลั่วเหยาใจหาย

ไม่ จะออกไปทั้งแบบนี้ไม่ได้

ถ้าหากออกไปทั้งแบบนี้ ทุกคนก็จะรู้ว่าเธอถูกตำรวจจับกุมตัวไปตอนอยู่ที่งานเลี้ยง แล้วต่อไปไม่ว่าจะเหตุผลอะไร และไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เธอก็จะไม่ใสสะอาดเหมือนเดิม จุดด่างพร้อยบนตัวเธอจะล้างไม่ออกตลอดไป

ในใจกำลังสับสนวุ่นวาย ในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกคนข้างนอกผลักเปิดออก

จิ่งหนิงและลู่หยั่นจือที่ตามมาข้างหลัง พุ่งเข้ามาพร้อมกัน

“เกิดอะไรขึ้น?”

เดิมทีเธอยังคิดว่า ถังลั่วเหยากลับไปก่อนเป็นเรื่องปกติ

แต่ต่อมาคิดดูดีๆ แล้วถึงรู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ

ถังลั่วเหยามาพร้อมกับเธอ ตามนิสัยเธอแล้ว เธอไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลแบบนั้น

ถ้าจะกลับอย่างน้อยก็ต้องส่งข้อความมาบอกเธอ

แต่ตอนนี้กลับหายไปไม่ได้บอกอะไรสักคำ ทันทีที่จิ่งหนิงสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงจับบริกรสองคนมาสอบถาม ถึงรู้ว่าเธอถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว

โชคดีที่เพื่อทำการค้นตัว ดังนั้นตอนนั้นพวกเขาเลยหาห้องที่โรงแรม ไม่ได้จับกุมเธอไปที่สถานีตำรวจเลย

จิ่งหนิงเอ่ยถามสีหน้าเย็นชา: “ตำรวจทุกท่าน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”

ตำรวจคนนั้นถามกลับ: “แล้วคุณเป็นใคร”

ลู่หยั่นจือรีบร้อนแนะนำตัว ตำรวจไม่รู้จักจิ่งหนิง แต่รู้จักลู่หยั่นจือ เมื่อได้ยินเขาพูดจบแล้วถึงจะพยักหน้าขึ้นลง

“มีคนแจ้งความ ว่าที่นี่มีคนมียาเสพติด เมื่อกี้เราค้นตัวเธอแล้ว นั่น ของที่ค้นเจอ”

คนนั้นพูดพลาง แล้วให้คนหยิบถุงยาไอซ์ขึ้นมาให้จิ่งหนิงดู

จิ่งหนิงหน้าซีดไป

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset