วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 15 สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง

บทที่ 15 สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง

“ผู้จัดการจิ่ง!”

“จิ่งหนิง นี่คุณ……..คุณอย่าวู่วาม!”

“ผู้จัดการจิ่ง ประธานมู่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!”

จิ่งหนิง พูดจบ ผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของบันเทิงเฟิงหัว สีหน้าล้วนเปลี่ยนไปเลย

ต่างคนต่างเอ่ยปากเหนี่ยวรั้ง

ยังไงก็ตาม ท่ามกลางพวกเขาอาจจะมีคนไม่พอใจต่อ ผู้จัดการจิ่ง นั่นก็แค่เห็นว่าเธอเป็นสาวอายุน้อยคนหนึ่งก็นั่งอยู่ตำแหน่งสูง อีกทั้งยังอาศัยความสามารถของตนเองขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ ใจทุกคนแฝงไว้ด้วยความอิจฉาริษยาเท่านั้นเอง

แต่หากว่าจะให้เธอออกไปจริงๆ ใครๆก็กลับไม่ยอมด้วยเช่นกัน

ยังไงก็ตามความสามารถแขวนไว้อยู่ที่นั่น สองปีนี้ ก็เพราะว่ามี จิ่งหนิง เป็นกรมประชาสัมพันธ์จึงสามารถยิ่งทำยิ่งดี

เมื่อกรมประชาสัมพันธ์แข็งแกร่งแล้ว แผนกศิลปิน แผนกผู้จัดการก็สามารถลดความยุ่งยากได้อีกมากมายด้วย

โดยเฉพาะคือแผนกผู้จัดการ กลัวที่สุดก็คือศิลปินที่อยู่ภายใต้เกิดเรื่องขึ้น แต่ก่อนเพียงแค่เกิดเรื่องขึ้นมา ไปหา จิ่งหนิง ก็ย่อมแก้ไขได้อย่างแน่นอน บางทียังสามารถเจอทางตันโต้กลับได้ ยืมลมก่อตัวคลื่น แปลงร้ายเป็นดี กลับแพ้เป็นชนะล้วนไม่ใช่เป็นไปไม่ได้

แต่บัดนี้ เธอกลับจะลาออก!

อย่าเพิ่งพูดถึงว่าเธอไปแล้วแผนกทั้งสองนั้นวันหลังเกิดเรื่องแล้วจะไปหาใครมาจัดการ แม้ว่า ถงซู แต่ก่อนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงของเธอมาก่อน แต่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ร่วมงานมาก่อน ต่อคนนี้ก็ไม่ค่อยเข้าใจด้วยเช่นกัน

หากบังเอิญถึงเวลานั้นความสามารถของเธอสู้ จิ่งหนิง ไม่ได้จะทำยังไงดีล่ะ?

ทันทีนั้นทุกคนล้วนว้าวุ่นเลย สีหน้าของ มู่ยั่นเจ๋อ ก็เข้มลงด้วย

“จิ่งหนิง! อย่าเอะอะก่อกวน! เรื่องนี้ไม่ใช่เอาออกมาล้อเล่นได้นะ!”

จิ่งหนิง หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “ฉันล้อเล่นหรือ? ประธานมู่ อ้อมไปหนึ่งรอบใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่ก็แค่อยากบีบบังคับให้ฉันลาออกด้วยตนเอง ก็ดีจะให้เห็นว่าท่านไม่ได้ไร้น้ำใจไร้คุณธรรมขนาดนั้น เสร็จศึกฆ่าขุนพลไง? ฉันล้วนร่วมมือดีขนาดนี้แล้ว ท่านยังอยากจะทำอะไรอีกล่ะ?”

สีหน้าของ มู่ยั่นเจ๋อ ดำเช่นดั่งก้นหม้อ

“ผมบอกแล้ว ผมไม่ได้อยากบีบบังคับคุณให้ลาออก ถงซู มีประวัติประสบการณ์ลึกกว่าคุณ ตำแหน่งผู้จัดการกรมประชาสัมพันธ์ตามหลักเกณฑ์แล้วควรให้เธอมานั่ง”

จิ่งหนิง ยักไหล่แล้วยักไหล่อีกอย่างไม่สนใจ

“ท่านอยากให้ใครนั่งก็ให้คนนั้นนั่งเถอะ! ยังไงก็ตามแท้จริงแล้ววันนี้ท่านไม่พาเธอเข้ามา ฉันก็ลาออกเช่นกัน! ประธานมู่ ฉันอยู่ที่นี่อวยพรให้บันเทิงเฟิงหัว ของพวกคุณยิ่งทำยิ่งดี ยิ่งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งโดยเร็ววัน!”

พูดจบ เธอหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง ท่าทางสง่างามปิดสมุดที่อยู่ในมือ ก็เดินไปยังข้างนอกอย่างก้าวใหญ่ไม่หันหลังกลับ

ประตูห้องประชุม “ปุ้งปั้ง” ถูกปิดลงเสียงหนึ่ง

ในออฟฟิศเหมือนยังเหลือความสง่างามที่ผู้หญิงเหลืออยู่ ทั้งเย็นชาและเด็ดขาด

มู่ยั่นเจ๋อ กัดฟันอย่างแน่น มือทั้งสองกำขึ้นมาอย่างแน่น

วันนี้ก่อนที่จะพา จิ่งเสี่ยวหย่า กับ ถงซู เข้ามา เขาไม่ใช่ไม่ได้คาดเดาถึงผลลัพธ์อย่างนี้

แค่นึกไม่ถึงว่า เธอจะไปอย่างเด็ดขาดขนาดนี้

จ้องมองจดหมายลาออกที่อยู่ข้างมือนั้น สายตาของ มู่ยั่นเจ๋อ หนาวเย็น แต่ผ่านไปไม่นาน ในใจลึกๆก็ค่อยๆโผล่ความสะใจหลายส่วนขึ้นมา

ทั้งสองปีนี้ แม้ว่า จิ่งหนิง เหน็ดเหนื่อยตรากตรำและมีผลงานอย่างใหญ่หลวงต่อบริษัท แต่ก็กดดันเขาฝ่ายเดียวเช่นกัน

ทั้งๆที่เป็นผู้จัดการของกรมประชาสัมพันธ์ เวลาส่วนตัวกลับมักพูดกับเขาเกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาของบริษัทในอนาคต และสภาพการณ์ของบริษัทในปัจจุบันนี้ทั้งหมด

มีบางเวลาเขารู้สึกหงุดหงิดมากจริงๆ ความหงุดหงิดแบบนั้นไม่ใช่เธอพูดผิดแล้ว แต่เพราะเธอล้วนพูดถูกหมด!

เขาไม่อยากให้ตนเองรู้สึกว่า ส่วนที่บริหารบริษัทจุดนี้ เขาถึงขนาดยังสู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้

ใช่แล้ว เธอไปแล้วช่างดีมากจริงๆ

อย่างน้อยวันหลังในบางเวลาเขาก็จะไม่แอบรู้สึกถึงว่าเขาสามารถทำให้บันเทิงเฟิงหัว มีผลงานดีขนาดนี้ ดูเหมือนอาศัยแสงสว่างของผู้หญิง

ผ่านไปเป็นเวลานาน สีหน้าของ มู่ยั่นเจ๋อ ค่อยๆอ่อนโยนลง

ผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายถามเสียงเบาๆว่า “ประธานมู่ ตอนนี้ควรทำยังไงดีล่ะ?”

เขาสูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที หันหน้าไปยังผู้บริหารระดับสูงทั้งหมด

“ในเมื่อ ผู้จัดการจิ่ง แน่วแน่ที่จะไป พวกเราใครก็เหนี่ยวรั้งไม่ได้เช่นกัน วันหลังกรมประชาสัมพันธ์ก็ให้ ผู้จัดการถง มาบริหาร ในเวลาเดียวกันเธอก็เป็นผู้จัดการของ จิ่งเสี่ยวหย่า ไปต่อด้วย เสี่ยวหลี่ คุณพาผู้จัดการถง ไปดำเนินตามขั้นตอนการเข้าทำงาน”

ผู้บริหารระดับสูงทั้งหลายจ้องหน้ากัน แต่ว่าเรื่องนี้ก็ตกลงเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรอีก ต่างคนต่างตอบรับทราบ

จิ่งหนิง ออกจากห้องประชุม ก็กลับไปที่ออฟฟิศของตนเองโดยตรง

ในเวลานี้ พวกผู้บริหารระดับสูงของบันเทิงเฟิงหัว ยังอยู่ในห้องประชุม ดังนั้นในออฟฟิศมีแค่พนักงานทั่วไป

เสี่ยวเหอ เห็นเธอเย็นชาเต็มใบหน้าเดินออกมา ในใจร้องเสียงดังว่าแย่แล้ว รีบตามขึ้นไป

“ผู้จัดการจิ่ง ประธานมู่ ประกาศให้ พี่ถง คนนั้นบริหารกรมประชาสัมพันธ์ของพวกเราแล้วจริงๆหรือ? นั่นคุณจะไปแล้วหรือ?”

จิ่งหนิง เดินเข้าไปในออฟฟิศ ให้เธอปิดประตูด้วย นี่จึงพยักหน้า

“อืม วันหลังพวกคุณติดตาม ถงซู ทำให้ดีๆ นิสัยของเธอเป็นยังไงฉันไม่รู้ แต่ความสามารถดีมาก แต่พูดย้อนกลับไปสิบปีก่อนพวกเธออยากจ่ายเงินติดตามเธอก็อาจจะไม่แน่ว่ามีโอกาสด้วย ดังนั้นครั้งนี้ก็จับฉวยให้ดีๆเถอะ!”

เสี่ยวเหอ ได้ยิน รีบร้อนจนแทบจะร้องไห้ออกมา

“นั่นคุณจะทำยังไงดีล่ะ?”

“ฉันหรือ?” จิ่งหนิง เงยหน้าจ้องมองเธอ ยิ้มแล้วยิ้มอีก “ฉันย่อมมีที่ไปของฉันอยู่แล้ว โลกใบนี้ใหญ่ขนาดนี้ หรือว่ามีแค่บันเทิงเฟิงหัว บริษัทบันเทิงแห่งเดียวหรือ?”

“ผู้จัดการจิ่ง คุณหาที่ไปได้แล้วหรือ?”

จิ่งหนิงหลับตาเล็กน้อย ยิ้มหนึ่งที

“ที่ไปหรือ……..ฉันไม่คิดว่าจะหาอีกแล้ว เทียบกับว่าต้องถูกกระทำขนาดนี้ สู้ว่าสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเองดีกว่า คุณพูดว่าใช่หรือไม่?”

เสี่ยวเหอ ตื่นตะลึงเต็มใบหน้า

จิ่งหนิง ตบไหล่ของเธอ ตบแล้วตบอีก ยิ้มเบาๆว่า “ทำให้ดีๆ วันหลังมีเวลาพวกเรายังสามารถรวมตัวกันสักหน่อย”

พูดอยู่ เธอเก็บของของตนเองเรียบร้อยแล้ว เอาเสื้อคลุมออกจากไม้แขวนเสื้อ วางอยู่บนแขวนเตรียมตัวจะออกไป

อยู่ดีๆ เสี่ยวเหอ กลับวิ่งมาขวางเธอไว้

“ผู้จัดการจิ่ง คุณจะตั้งบริษัทด้วยตนเองหรือ?”

จิ่งหนิง ชูนิ้วหนึ่งนิ้วขึ้นมาไว้ที่ปาก ทำท่าทาง “ชวี่” ท่าหนึ่ง

“อย่าบอกกับคนอื่น ก่อนจะทำโออ่าเปิดเผย เรื่องนี้ส่วนมากจะทำไม่สำเร็จ อย่าเพิ่มความยุ่งยากให้กับฉันอีก”

เสี่ยวเหอ เบิกตากว้างจ้องมองเธอ พยักหน้าอย่างหนัก

“ฉันรู้ ผู้จัดการจิ่ง รอคุณตั้งบริษัทแล้ว ย่อมต้องการคนใช่หรือไม่? ถึงเวลานั้นฉันเข้าไปติดตามทำกับคุณต่อด้วยเถอะ!”

จิ่งหนิง อึ้งชะงักไป รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

พูดตามตรง ในยามธรรมดานิสัยของเธอเย็นสดใสเกินไป อยู่ในบริษัทไม่มีมิตรสหายอะไรจริงๆ

เสี่ยวเหอ นับได้ว่าซื่อสัตย์ต่อเธอมากกว่า แต่ก็แค่เพราะว่าเธอเป็นคนใหม่ที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยมา จิตใจไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเท่านั้น

ดังนั้นเธอคาดไม่ถึงสักนิด เธอจะยกข้อขอร้องเช่นนี้ออกมา

เธอจ้องมองดวงตาที่จริงใจของเธอ ผ่านไปสักพัก ยิ้มแล้วยิ้มอีก

“บริษัทใหม่จะลำบากมากนะ ลำบากกว่าอยู่ที่บันเทิงเฟิงหัว ร้อยเท่า คุณไม่กลัวหรือ?”

เสี่ยวเหอ ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีกอย่างยืนหยัดมั่นคง

“ไม่กลัว”

ชะงักแล้วชะงักอีก และเสียงเบาๆพูดอีกว่า“ ผู้จัดการจิ่ง แม้ว่ายามปกติคุณไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับทุกคนเท่าไหร่ แต่ฉันมองออกได้ว่าคุณเป็นคนดีคนหนึ่ง ยามปกติทุกคนเจออุปสรรคเรื่องงานอะไรไปหาคุณ คุณล้วนจะสอนพวกเขา ติดตามคุณแม้ว่าลำบากและเหนื่อยขนาดไหน มักจะได้เรียนรู้ด้วย แต่ว่า พี่ถง คนนั้นไม่เหมือนกัน ช่วงเช้าตอนที่ฉันได้ยินข่าวก็ไปสืบแล้ว ได้ยินว่านิสัยของเธอเห็นแก่ตัวเย็นชา ยังชอบกดดันพนักงานผลงานล้วนเป็นของเธอความลำบากย่อมเป็นของคนอื่น ฉันไม่ยอมติดตามผู้บริหารที่ทำงานอย่างนี้”

จิ่งหนิง จ้องมองลักษณะที่รังเกียจเต็มใบหน้าของเธอ ยิ้มแล้วยิ้มอีก

“นั่นได้ แต่ว่าบริษัทใหม่ต้องผ่านไประยะหนึ่งจึงสามารถก่อตั้งขึ้นมาได้ ถึงเวลานั้นหากว่าคุณยินยอม ฉันก็จะติดต่อคุณ”

ทันทีนั้น เสี่ยวเหอ ก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา

“คำไหนคำนั้น”

“อืม คำไหนคำนั้น”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset