วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 201 เป็นพรีเซนเตอร์

บทที่ 201 เป็นพรีเซนเตอร์

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังมองเห็นแสงจันทร์เลือนรางส่องสว่างไปยังพื้นถนนที่เป็นหินอยู่ท่ามกลางเมืองโบราณที่ใช้ถ่ายทำ

ตรงกลางนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยล้อมเอาไว้ พวกเขาพากันมองดูด้วยความสงสัย จิ่งหนิงมองไปทางสายตาที่พวกเขาจับจ้องแล้วพบว่าจิ่งเสี่ยวหย่านั่งพักผ่อนแล้วมีมู่ยั่นเจ๋อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆกำลังคุยกับเธอ

สีหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มขึ้นจางๆ ในมือถือเครื่องดื่มอยู่แก้วหนึ่ง มู่ยั่นเจ๋อมองดูเธอ ทั้งสองคนสบตากันไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ แต่ฟังจากน้ำเสียงหัวเราะอันแสนหวาน ทำให้แม้แต่อากาศก็แทบจะกลายเป็นน้ำตาล

มีใครบางคนกระซิบกระซาบขึ้นว่า “สองคนนี้ช่างเหมาะสมกันจริงๆแค่มองก็รู้ว่าคุณชายมู่ดีกับเสี่ยวหย่าและจริงใจกับเธอขนาดไหน ไม่รู้ว่าจะแต่งงานกันเมื่อไหร่เนาะ”

“นั่นน่ะสิ ช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก มู่ซื่อกรุ๊ปหยั่งรากลึกลงในเมืองจิ้นขนาดไหน อีกทั้งยังมีบันเทิงเฟิงหัวอยู่ในมือ ต่อให้ภาพลักษณ์ของจิ่งเสี่ยวหย่าแย่ขนาดไหน ถ้าอยู่กับเขาก็คงไม่แย่มากจนเกินไป”

“แม้จะมีข่าวอื้อฉาวออกไป แต่ก็มีละครเรื่องใหม่ติดต่อมาทันที คงมีเธอเท่านั้นแหละที่ทำได้”

“ข่าวลืออันนั้นไม่เป็นความจริงใช่ไหม จิ่งเสี่ยวหย่าแม้จะอารมณ์ร้อนไปหน่อยแต่เธอก็ระบายอารมณ์แบบนั้นกับผู้ช่วยอย่างเดียว จิ่งเสี่ยวหย่าดีกับคนอื่นมากนะ”

“ใครจะไปรู้ล่ะ แต่ว่าผู้ช่วยของเธอยังอายุน้อยเหลือเกิน การจะทำผิดพลาดไปบ้างก็เป็นไปได้ จะด่าทอสั่งสอนนิดหน่อยหน่อยก็เป็นไรหรอก”

“เอาล่ะไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น พวกแกนี่จะไปยุ่งอะไร?”

“ไม่ได้ยุ่งสักหน่อย ก็แค่พูดเล่นเฉยๆ”

“เห้อ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะมีโอกาสได้พบเข้ากับผู้ชายอย่างคุณชายมู่บ้าง ที่มีทั้งเงินทองแล้วก็อบอุ่นแบบนี้ ถ้าได้มาเป็นแฟนก็คงดี”

“คืนนี้กลับไปหลับตาแล้วนอนที่เตียงเดี๋ยวก็มีแล้ว”

“หมายความว่ายังไงกัน?”

“ฝันไง ในความฝันต้องการอะไรก็ได้!”

“เชอะ!กล้าหัวเราะเยาะฉันอย่างนั้นเหรอ คอยดูฉันจะจัดการกับเธอยังไง!”

พวกเขาพากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน ไม่นานต่อมาเสียงเหล่านั้น ก็ถูกขัดจังหวะขึ้นด้วยเสียงอุทานของใครบางคน

“โอ้โหสร้อยเส้นนั้นสวยจังเลย!”

พวกเขามองเห็นผู้ช่วยคนหนึ่งเดินมาทางข้างหลังทั้งสองคน ในมือของผู้ช่วยคนนั้นมีกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินอยู่

มู่ยั่นเจ๋อเอื้อมไปรับกล่องนั้นมาเปิดออกพบว่ามีสร้อยเพชรน้ำงามประณีตวางอยู่ในนั้น

แน่นอนว่าจิ่งเสี่ยวหย่าดีใจตื่นเต้นมาก มือทั้งสองข้างของเธอประสานกันอยู่ตรงบริเวณหน้าอกด้วยใบหน้าประหลาดใจ “พี่เจ๋อคะ นี่ให้ฉันเหรอ?”

มู่ยั่นเจ๋อมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ที่เราเดินช้อปปิ้งกัน คุณบอกว่าชอบไม่ใช่เหรอผมจึงได้ซื้อมาให้คุณ”

จิ่งเสี่ยวหย่ากะพริบตาด้วยความรู้สึกประทับใจ

“แต่ว่าสร้อยเส้นนี้มันแพงมาก คุณเสียเงินไปเยอะมากเลยใช่ไหม”

“ของที่มอบให้คุณไม่มีคำว่าแพงหรอกครับ”

มู่ยั่นเจ๋อพูดจบก็หยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมา

“ผมจะใส่ให้คุณนะ”

จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้า

มู่ยั่นเจ๋อเดินอ้อมมาข้างหลังเธอจากนั้นสวมสร้อยให้อย่างระมัดระวัง การกระทำนี้ทำให้ใครหลายๆคนอดไม่ได้ที่จะอิจฉา

“เสี่ยวหย่านี่ช่างโชคดีจริงๆ คุณชายมู่ไม่เพียงหล่อและร่ำรวย ยังดีกับเธอขนาดนี้อีก พวกเราอิจฉาจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

“นั่นน่ะสิพวกเราเพิ่งจะเข้ามากลุ่มนี้ไม่นานเอง ก็เห็นพวกเธอสองคนแสดงความรักต่อกันหลายต่อหลายครั้ง ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆพวกเราจะทนได้อย่างไรกัน”

“เสี่ยวหย่า เธอจะทำตัวหวานซึ้งกันแบบนี้ทุกวันเลยหรือไง นี่ทั้งสองคนรักกันขนาดนี้เมื่อไหร่จะแต่งงานไม่ทราบ?”

จิ่งเสี่ยวหย่ายินดังนั้นก็มองไปทางมู่ยั่นเจ๋อ

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังคนที่พูดจากนั้นยิ้มบางๆ

“ใกล้แล้วครับ ตอนนี้รอให้เสี่ยวหย่าถ่ายทำเรื่องนี้เสร็จ ก็ตั้งใจว่าจะยกขบวนขันหมากไปสู่ขอที่บ้านเธอแล้วก็แต่งงานกันเร็วๆนี้”

เมื่อบรรดาคนรอบข้างได้ยินดังนั้นก็พากันฮือฮา

ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นลุกโชนขึ้นทันที และคำถามเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งก็ผุดขึ้นมากมาย

จิ่งหนิงมองไปยังฉากที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็มองลงไปที่พื้น

เธอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นตรงมุมปากของเธอก็เผยอขึ้นเล็กน้อยและเดินกลับเข้าไปในห้อง

ไม่ไกลออกไป มู่ยั่นเจ๋อมองเห็นท่าทางของเธอตอนที่เธอหันหลังกลับเข้าไปในห้อง หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างแปลกๆ

ใครบางคนเข้ามาถามเขาว่า “คุณชายมู่ คุณกับเสี่ยวหย่าก็ใกล้จะแต่งงานกันแล้ว พวกเราและเสี่ยวหย่าก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่เคยถ่ายทำภาพยนตร์มาด้วยกัน ถึงเวลาแล้วอย่าลืมเชิญพวกเรานะ”

มู่ยั่นเจ๋อดึงความสนใจกลับมาแล้วยิ้มขึ้นพูดว่า “แน่นอนครับ”

ตัวเอกของละครเรื่องนี้ก็คือจิ่งเสี่ยวหย่าและจิ่งหนิง ที่เหลือก็เป็นพวกนักแสดงธรรมดาทั่วไปที่กำลังไต่เต้าขึ้นมาในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้

โดยปกติแล้วพวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับครอบครัวคนดังและร่ำรวยอย่างเช่นมู่ซื่อกรุ๊ป พวกเขารู้สึกสนใจและอยากรู้จักกับวงการระดับสูงบ้าง

คาดไม่ถึงว่าวันนี้แค่พูดออกไปส่งเดช แต่มู่ยั่นเจ๋อกลับตอบรับ ทำให้ทุกคนดีใจอย่างมาก

พวกเขาพูดคุยกันหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้ายกันไป

จิ่งเสี่ยวหย่าวางเครื่องดื่มที่อยู่ในมือลงและทำท่าทางเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเธอแล้วพูดกับมู่ยั่นเจ๋อว่า “พี่เจ๋อคะ ข้างนอกนี้อากาศร้อนมาก เราเข้าไปพักผ่อนในห้องกันไหม?”

มู่ยั่นเจ๋อพยักหน้า

ภายในห้องรับรองนั้นมีทั้งหมดสามห้องเล็ก มีห้องสำหรับตัวแสดงหลักอย่างจิ่งหนิงและจิ่งเสี่ยวหย่าอีกหนึ่งห้อง ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นห้องที่ทุกคนใช้ร่วมกัน

เนื่องจากนักแสดงในกองถ่ายมีไม่มากนัก ทั้งสามห้องจึงอยู่ติดกันแต่ก็สามารถเก็บเสียงได้อย่างดี

เมื่อจิ่งเสี่ยวหย่าพามู่ยั่นเจ๋อมายังด้านใน คนอื่นๆเห็นดังนั้นก็เดินจากไปอย่างรู้หน้าที่ ในห้องจึงเหลือแค่พวกเขาทั้งสองคน

เมื่อคนเหล่านั้นไปแล้ว เดิมทีมู่ยั่นเจ๋อที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นลงทันที

จิ่งเสี่ยวหย่าเห็นสีหน้าของเขาดังนั้นก็รู้สึกตกใจ และสีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

เธอรีบกุมมือมู่ยั่นเจ๋อจากนั้นเอ่ยถามด้วยความระมัดระวังว่า “พี่เจ๋อคะ เป็นอะไรไป?”

มู่ยั่นเจ๋อสีหน้าเคร่งขรึมเอ่ยถามเธอว่า “เกิดอะไรขึ้นกับวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ออกไป?”

จิ่งเสี่ยวหย่าตัวแข็งทื่อ

เธอพยายามฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้กำกับหลินค่อนข้างจะเข้มขรึม สองสามวันมานี้ร่างกายฉันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ดังนั้นจึงแสดงได้ไม่ดีอย่างที่เขาต้องการ แต่ว่าพี่เจ๋อคะ พี่ต้องเชื่อฉันนะว่าฉันมีความสามารถพอและสามารถถ่ายทำละครเรื่องนี้ออกมาให้ดีได้ จะไม่ให้คุณขายหน้าเด็ดขาด!”

มู่ยั่นเจ๋อขมวดคิ้ว

“ตอนนี้โลกภายนอกกำลังวิพากษ์วิจารณ์คุณในทางไม่ดีเท่าไหร่นัก ทางบริษัทพยายามเป็นอย่างมากที่จะลบล้างคำครหา อีกทั้งยังเสี่ยงแย่งผลงานโฆษณาของคาร์รันจิให้คุณด้วย ช่วงเวลาที่สำคัญขนาดนี้คุณจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด!”

จิ่งเสี่ยวหย่าได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง

“คะ?อะไรนะ? พรีเซนเตอร์ของคาร์รันจิเหรอคะ?”

มู่ยั่นเจ๋อพยักหน้า

“เนื่องจากเรื่องก่อนหน้านี้ของคุณ ทำให้งานถ่ายแบบแทบจะทั้งหมดถูกยกเลิก สถานการณ์เหล่านี้ไม่ดีกับคุณเท่าไหร่นัก ดังนั้นทางบริษัทจึงพยายามเป็นอย่างมากเพื่อที่จะให้คุณได้ถ่ายงานนี้ เพื่องานโฆษณานี้ทางบริษัทได้ลงทุนจนแทบจะหมดตัว คุณห้ามทำให้ผมผิดหวังโดยเด็ดขาด”

จิ่งเสี่ยวหย่ารีบพยักหน้า

เธอแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ

“พี่เจ๋อวางใจได้เลยค่ะ ฉันจะต้องทำให้ดีที่สุดไม่ให้คุณรู้สึกผิดหวังได้เด็ดขาด”

มู่ยั่นเจ๋อพยักหน้าตอบรับแล้วเอื้อมมือไปลูบผมของเธอ

“ผมรู้ว่าเสี่ยวหย่าของผมเก่งที่สุดแล้ว เพราะว่าหากพลาดโอกาสในการถ่ายแบบครั้งนี้ไป จะต้องชดเชยค่าเสียหายเป็นจำนวน สิบเท่า คุณคงไม่อยากเห็นตระกูลจิ่งต้องมาล้มละลายเพราะคุณใช่ไหม?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset