วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 20 งานเลี้ยงวันเกิด

บทที่ 20 งานเลี้ยงวันเกิด

วันรุ่งขึ้น เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของ จิ่งเสี่ยวหย่า

ตอนเย็นสองทุ่มที่ โรงแรมตี้จวี๋

แม้ว่างานเลี้ยงเพิ่งเริ่มต้น แต่แขกส่วนมากล้วนมาถึงแล้ว

ในห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งฟุ่มเฟือย ผู้มีชื่อเสียงอิทธิพลส่วนใหญ่ของเมืองจิ้น ล้วนเข้ามาร่วมอยู่ที่นี่ สร้างปาร์ตี้สนุกสนานท่ามกลางโคมไฟคริสตัลที่งดงาม ผู้หญิงแต่งตัวอย่างสวยงาม คึกคักเหลือเกิน

วันนี้ จิ่งเสี่ยวหย่า สวมใส่กระโปรงยาวสีม่วงอ่อนลายดอกไม้ถักงานฝีมือตัวหนึ่ง สไตล์เกาะอก ซับในถึงแค่ข้อเท้าข้างนอกเป็นผ้านุ่มที่เนื้อนิ่มใสชั้นแล้วชั้นเล่ายาวตลอดจนลากถึงพื้น ดูแล้วทั้งสวยทั้งเป็นนางฟ้า

เธอถือแก้วไวท์ เดินผ่านไปมาอยู่ท่ามกลางฝูงชน ทักทายทีละคน

วาจาการกระทำงดงามเยือกเย็นเหลือเกิน มารยาทเต็มเปี่ยม ลักษณะดั่งสไตล์คุณหนูที่มีชาติตระกูลที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง

บริเวณนั้นเสียงชื่นชมเบาๆดังขึ้นเรื่อยๆในทันที

“คุณหนูของตระกูลจิ่ง คนนี้ หน้าตาสวยงามจริงๆ สมดั่งเป็นดาราหน้าใหม่ของวงการบันเทิงในตอนนี้”

“แน่นอน เธอไม่เพียงหน้าตางดงาม ยังแต่งงานได้ดีมากล่ะ! คุณชายของมู่ซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่ใครก็จะสามารถมาพัวพันได้”

“แต่ว่าตัวเธอเองก็มีความสามารถจริงๆด้วย นี่เพิ่งเข้าวงการบันเทิงไม่กี่ปีก็สามารถขึ้นตำแหน่งที่นั่งสูงขนาดนี้ เปลี่ยนเป็นคนอื่นจะทำได้หรือ?”

“ตระกูลจิ่ง ก็นับได้ว่าบุญวาสนาดีเลิศด้วยเช่นกัน มีหลานสาวที่โดดเด่นขนาดนี้คนหนึ่ง บวกกับการร่วมมือกับมู่ซื่อกรุ๊ป อีก เกรงว่าจากนี้ไปยากที่จะเจอคู่แข่งในเมืองจิ้น อีกแล้ว”

ในห้องที่จัดงานเลี้ยงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆไม่ขาด จิ่งเสี่ยวหย่า พอใจจนงอมุมปากขึ้นมา

ยังไงก็ตาม ไม่ว่าเป็นใคร ถูกคนทั้งหลายยอมรับล้วนเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเรื่องหนึ่ง

คนของตระกูลจิ่ง ที่อยู่ในงานใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน แม้แต่ หวังเสว่เหมยได้ยิน ก็ห้ามความภูมิใจไม่อยู่เช่นกัน

เธอกวาดมองไปดูแขกผู้มีเกียรติในห้องโถงใหญ่หนึ่งรอบ เอียงหัวเล็กน้อยไปถาม จิ่งเซี่ยวเต๋อ ว่า “จิ่งหนิง มารึยัง?”

จิ่งเซี่ยวเต๋อ พูดเบาๆว่า “ยังไม่มา”

หวังเสว่เหมยขมวดคิ้วเล็กน้อยซึ่งไม่สามารถสังเกตได้

จิ่งเซี่ยวเต๋อบ่นอุบอิบๆ เบาๆว่า “แม่ เธอคงไม่ใช่ไม่มาแล้วมั้ง?”

“คงไม่ล่ะ” บนใบหน้าของ หยูซิ่วเหลียนก็แฝงไว้ด้วยความกังวลเล็กน้อยเช่นกัน “หนิงหนิง เป็นคนคนหนึ่งที่ทำตามคำพูด ระหว่างทางจะรถติดหรือไม่ หรือว่าอยู่ดีๆเกิดอะไรขึ้นมาล่ะ? พวกเราจะโทรไปถามหน่อยหรือไม่?”

จิ่งเซี่ยวเต๋อ หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “จะเกิดเรื่องอะไรหรือ? สองวันก่อนพวกเราก็ติดต่อเธอไปแล้ว มีเรื่องอะไรน่าจะทำให้เสร็จล่วงหน้าก่อนไม่ได้หรือจะต้องให้ล่าช้าถึงตอนนี้ล่ะ? อีกทั้งเวลานี้ก็ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน รถจะติดได้ยังไงหรือ? ผมเห็นว่าเธอก็คือตั้งใจที่จะไม่อยากมา จะทำให้พวกเราตระกูลจิ่ง ทั้งหมดลำบากใจ!”

หยูซิ่วเหลียนเห็นสภาพนี้ ฝืนยิ้มแล้วยิ้มอีก

“แท้ที่จริงแล้วเธอไม่มา แขกอื่นๆฝั่งโน้นกลับไม่ได้สังเกตอะไร ก็แค่ คุณนายยู่ ทางโน้น…….”

คุณนายยู่ เป็นแม่บุญธรรมของ โม่ไฉ่เวยมารดาของ จิ่งหนิง และเป็นพยานตอนที่ จิ่งหนิง กับ มู่ยั่นเจ๋อ เซนต์สัญญาการแต่งงานในปีนั้น

ตระกูลยู่อยู่ในเมืองจิ้น ถือได้ว่าเป็นตระกูลที่เก่าแก่แล้วเช่นกัน แม้ว่าวันนี้พลังอำนาจใหญ่สู้สมัยก่อนไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ควรประมาทเช่นกัน โดยเฉพาะอยู่ในส่วนของวงการธุรกิจนี้

ที่จริงแล้ว บ้านแม่ของ คุณนายยู่แซ่กวน แต่ขอให้เป็นชาวจีนล้วนรู้จักตระกูลกวนในเมืองหลวงนั้นยุ่งไม่ได้เลย

แม้ว่า คุณนายยู่ แต่งออกไปแล้วหลายปี แต่ก็ได้ติดต่อกับเมืองหลวงทางโน้นมาโดยตลอด ล่วงเกินตระกูลจิ่ง ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

หวังเสว่เหมยขมวดคิ้วอย่างแน่น ผ่านไปสักพัก พูดเสียงเข้มว่า “ไปโทรหาเธอ ถามเธอว่าถึงไหนแล้ว? ก็บอกเธอว่าถ้าไม่มาอีก อย่าโทษว่าสีหน้าฉันเปลี่ยนเป็นไร้น้ำใจล่ะ!”

จิ่งเซี่ยวเต๋อ กระตุ้นสติขึ้นมา รีบพูดเสียงหนึ่งว่า “ครับ” เดินไปโทรที่ข้างๆ

ในเวลานี้ คุณนายยู่ เดินเข้ามาโดยมียู่ซือไป๋ หลานชายของตนเองเดินมาเป็นเพื่อน

“หนูหนิง ทำไมยังไม่มาหรือ? ก่อนหน้านี้พวกคุณพูดว่า งานบ้านนี้ หนิงหนิง สละทิ้งด้วยตนเอง ฉันจึงยอมเข้ามาดูสักหน่อย ตอนนี้ดูแล้ว คงไม่ใช่โกหกฉันล่ะ?”

คนของตระกูลจิ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยซึ่งไม่สามารถสังเกตได้

ใบหน้า หวังเสว่เหมยรีบกองรอยยิ้มขึ้นมา ยิ้มเอาใจพูดว่า “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ? แม้ว่าพวกเราไปโกหกคนอื่นก็ไม่กล้าโกหกท่านล่ะ เด็กคนนั้นเมื่อกี้ยังโทรหาพวกเราอยู่ พูดว่ารถติดบนถนนอยู่อีกสักครู่หนึ่งจึงจะถึง รอเธอมาถึงแล้วย่อมจะอธิบายให้ท่านเข้าใจอยู่ล่ะ”

คุณนายยู่ กวาดมองพวกเขาหนึ่งรอบ นี่จึง ฮึ เย็นชาอย่างหนัก

“เป็นแบบนี้ดีที่สุด ถ้าไม่ ให้ฉันรู้แล้วว่าทุกคนรังแก หนูหนิง ฉันไม่ยอมปล่อยอย่างเด็ดขาด พวกคุณก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลยู่ เช่นกันมั้ง!”

รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้า หวังเสว่เหมยเกร็งไปเล็กน้อย ผ่านไปสักพักพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”

คุณนายยู่ นี่จึง ฮึ เสียงหนึ่งอย่างหนัก หมุนตัวออกไป

คุณนายยู่ เพิ่งเดินไปไม่นาน จิ่งเซี่ยวเต๋อ ก็จับมือถือเดินกลับมาแล้วเช่นกัน

สีหน้า หวังเสว่เหมยเข้มลง ถามว่า “เป็นยังไงแล้วหรือ? ตกลงว่าเธอจะมาหรือไม่?”

“มาแล้ว บอกว่าเดี๋ยวก็มาถึง”

นี่อารมณ์ของเธอจึงได้สงบลง สูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที “อย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันคิดว่าอีนังเด็กนี่ก็ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรหรอก”

ในเวลาเดียวกันนั้น อีกฝั่งหนึ่ง

ซูมู่ ก็ส่งการ์ดเรียนเชิญใบหนึ่งไปยังต่อหน้า ลู่จิ่งเซิน พอดีเช่นกัน

“ท่านประธาน วันนี้คุณหนูตระกูลจิ่ง ฉลองวันเกิด เรียนเชิญท่านไปร่วมงาน จะไปไหม?”

แท้จริงแล้วการ์ดเรียนเชิญใบนี้ในสองวันก่อนก็ส่งมาที่นี่ให้เขาแล้ว แต่ว่า ลู่จิ่งเซิน ผู้ดีมีงานยุ่งมาก เขาก็ยุ่งไปด้วยเช่นกัน ในทันทีนั้นกลับยุ่งจนลืมไปเลย

ในเวลานี้งานเลี้ยงเริ่มแล้ว เขาจึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ รีบเอามาให้เขาดู

สายตาของ ลู่จิ่งเซิน ออกจากเอกสารในบนโต๊ะออฟฟิศ เงยหน้าขึ้นมา กวาดชื่อสองชื่อนั้นที่อยู่บนการ์ดหนึ่งที

“เธอจะไปไหม?”

ไม่ต้องถาม ซูมู่ ก็รู้ว่า “เธอ” ที่พูดอยู่ในปากของเขาคนนั้นคือใคร

รีบตอบว่า “ไปแน่นอน ฉันได้เห็นชื่อของ คุณหนูจิ่ง ที่อยู่บนรายชื่อ”

มือของ ลู่จิ่งเซิน ที่กำลังเซนต์ชื่ออยู่ชะงักไป ผ่านไปสักพัก พยักหน้า “ไปเตรียมของขวัญชุดหนึ่ง อีกสักครู่พวกเราก็ออกเดินทาง”

“ครับ”

……

ในห้องจัดงานเลี้ยงเสียงเพลงเต้นรำตลอดไปเรื่อยๆ

คนของตระกูลจิ่ง กลับค่อยๆมีใจไม่อยู่กับตัวเล็กน้อย

สาเหตุไม่นอกเหนืออย่างอื่น จิ่งหนิง ยังไม่ได้ปรากฏตัวมาโดยตลอด

คุณนายยู่ สั่งคนมาถาม หวังเสว่เหมยหลายรอบแล้ว คำตอบที่ได้มาของทุกคนก็คือเดี๋ยวก็ถึง

แต่เห็นกับตาว่าเวลาล้วนผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว จิ่งหนิง ยังมาไม่ถึง คุณนายค่อยๆสูญสิ้นความอดทนแล้ว แทบจะสงสัยว่าคือตระกูลจิ่ง กำลังหลอกคนอยู่

กำลังจะระเบิด ก็ได้ยินว่านอกประตูมีเสียงเฮฮาดังขึ้น

คนทั้งหลายอยากรู้อยากเห็นจนหันหน้าไปมอง แต่ตอนที่มองเห็นต้นเหตุที่ทำให้เฮฮาขึ้นมานั้น ล้วนอดไม่ได้ต่างคนต่างสูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที

โอ้แม่เจ้า! นั่นคือใครหรือ? สวยมาก!

วันนี้ จิ่งหนิง สวมใส่กระโปรงยาวสีท้องฟ้าน้ำเงินเข้มตัวหนึ่ง

รูปร่างสูงเรียวเล็ก เสริมให้กระโปรงยาวตัวนี้เด่นพอดีๆ แถมดวงดาวแต่ละจุดเหมือนดั่งจากใต้เท้ากระจายไปจนถึงระหว่างเอวโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าเอวเรียวเล็กนั้นไม่พอมือจับ

ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนใบหนึ่ง อยู่ภายใต้การแต่งหน้าบางๆทำให้คนตื่นตะลึงในความงาม ผมยาวพองสีน้ำตาลแดงที่เกรียวเล็กน้อย พาดไว้อยู่บนไหล่ สะบัดเบาๆตามท่าทางในการเดิน

เธอเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ยืนอยู่ที่ที่ไม่ห่างไกลจากประตูสายตาที่เย็นสดใสกวาดผ่านแขกผู้มีเกียรติในห้องโถงใหญ่ ทั้งตัวเต็มเปี่ยมด้วยแรงพลังที่ปฏิเสธคนไว้อยู่ห่างออกไปหมื่นลี้แรงหนึ่ง

แขกในนั้นมีคนสัมผัสถึงสายตาของเธอ ขนลุกขึ้นในใจ ถึงกับรู้สึกว่ามีไอเย็นพุ่งใส่หน้ามา ทำให้คนอดไม่ได้ตีความวู่วามที่จะหนีหัวซุกหัวซุน

แต่ใบหน้านั้นกลับเกิดมาสวยงามเหลือเกินจริงๆ ดูเหมือนเห็นได้น้อยกว่าหนึ่งทีก็เสียเปรียบหนึ่งส่วน ด้วยเหตุนี้แม้ว่าใจขนลุก ก็กลับฝืนใจตัดใจย้ายสายตาออกไม่ลงเช่นกัน ขอให้ได้แค่มองดูเพิ่มอีกหลายนาที

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset