วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 215 เยือกเย็นสุขุม

บทที่ 215 เยือกเย็นสุขุม

หวังเสว่เหมยเห็นเขาไม่มีเจตนาที่จะคัดค้านไม่เห็นด้วย นี่จึงสบายใจสักหน่อย ยิ้มตกลง คนทั้งหลายเริ่มกินข้าวอย่างมีความสุขร่วมสมัครสมาน

ดังนั้นก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆห้องพิเศษถูกคนชนประตูเปิดออก

ไฟแฟลช “แฉก” ดังขึ้นหนึ่งที ต่อจากนี้ก็เป็นนักข่าวมากมายแบกอุปกรณ์การถ่ายเข้ามา

“คุณมู่ ได้ยินว่าวันนี้เป็นมู่จิ่งทั้งสองตระกูลตั้งใจเจอกัน ปรึกษาเรื่องงานแต่งงานของท่านกับจิ่งเสี่ยวหย่า เป็นอย่างนี้หรือ?”

“ขอถามหน่อยวันที่จะแต่งงานของพวกคุณกำหนดได้หรือยัง? เป็นเมื่อไหร่ล่ะ?”

“เป็นคุณชายของมู่ซื่อกรุ๊ปกับศิลปินหญิงแนวหน้าของวงการบันเทิงในปัจจุบันนี้ งานแต่งงานของพวกคุณจะใช้รูปแบบไหนดำเนินการหรือยัง?”

“ได้ยินว่าพวกคุณเป็นคู่รักที่เติบโตเล่นด้วยกันมาแต่เด็กๆ อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว สามารถเล่าเรื่องความรักของพวกคุณให้พวกเราฟังสักหน่อยไหม?”

“……”

เสียงดังขึ้นนับไม่ถ้วน เสียง แฉก ที่กดปุ่มดังก้องอยู่ในหูไม่ขาดสาย ไฟแฟลชยิ่งกะพริบจนทำให้คนลืมตาไม่ขึ้น

ดังนั้นคนทั้งหลายที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์นั้น สีหน้าล้วนเปลี่ยนแล้ว

สีหน้าของมู่โหงเริ่มจากพวกนักข่าวไหลเข้ามาในเวลานั้น ก็ขึงลง โดยสิ้นเชิงแล้ว

มู่ยั่นเจ๋อก็ตื่นตะลึงพักหนึ่งเช่นกัน ต่อจากนั้นได้นึกถึงอะไร จ้องมองไปยังจิ่งเสี่ยวหย่าอย่างไม่กล้าเชื่อ

นัยน์ตาของจิ่งเสี่ยวหย่ากวาดความหวาดผวาผ่านไปหนึ่งที จากนั้นปิดบังผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตื่นตระหนกส่ายหัวจ้องมองไปยังมู่ยั่นเจ๋อ

“พี่ อาเจ๋อ ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำ”

ตรงกันข้าม หวังเสว่เหมยก็แกล้งทำเป็นลักษณะท่าทีที่ประหลาดใจ แต่กลับเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็วมาก อมยิ้มจ้องมองนักข่าวกลุ่มนี้

“ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงใยพวกเรากับเสี่ยวหย่า แต่ว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงส่วนตัว รบกวนทุกคนเปลี่ยนเวลาอื่นมาสัมภาษณ์ได้หรือไม่ วันนี้……นี่ ไม่เหมาะสมเล็กน้อยอย่างแท้จริง”

เธอพูดอยู่ ยังมีความลำบากใจเล็กน้อยจ้องมองไปยังมู่โหงหนึ่งที ความรู้สึกเสียใจกับจนใจที่อยู่นัยน์ตาไม่เอ่ยก็เข้าใจได้เอง

มู่โหงใบหน้าขึงลับไว้ ตั้งใจแกล้งทำเป็นไม่เห็นสายตาของเธอ

มู่ยั่นเจ๋อคืนสติกลับมา เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ หลบหนีก็ไร้ประโยชน์

ในเมื่อนักข่าวมาแล้ว ไม่ได้คำตอบที่พวกเขาอยากได้ พวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไป

ดังนั้นมีแต่ลุกขึ้นมายืน พูดต่อหน้ากล้องว่า “เหมือนอย่างที่ทุกคนเห็น วันนี้เป็นเวลาที่พวกเราจิ่งมู่ทั้งสองตระกูลเจอกัน ปรึกษาหารือเรื่องงานแต่งงาน แม้ว่าเสี่ยวหย่าเป็นศิลปิน พวกคุณตามถ่ายเธอผมสามารถเข้าใจได้ แต่ว่าพ่อแม่ของเราทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นคนนอกวงการ ตารางงานในวันนี้ส่วนตัวมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ยังหวังว่าทุกคนจะเห็นใจด้วย

เช่นเดิม ถ้าหากว่าพวกเราปรึกษาหารือมีผลสรุปออกมา ก็จะแจ้งเพื่อนสื่อมวลชนทุกคนเป็นเวลาแรกเช่นกัน ดังนั้นเชิญทุกคนจำเป็นจะต้องวางใจ

ตอนนี้เป็นเวลากินข้าวแล้ว ทุกคนก็เหน็ดเหนื่อยเช่นกันแล้ว ไม่งั้นก็ลงไปพักผ่อนๆที่ข้างล่าง กินข้าวสักหน่อย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคิดอยู่ในบัญชีผมก็ได้แล้ว”

คำพูดเหล่านี้อ่อนโยนความรู้ลุ่มลึกบุคลิกสง่า ใจกว้างเหมาะเจาะ ถึงขนาดไม่ได้เพราะว่าพวกคุณรบกวนตารางงานส่วนตัวของตนเองและรู้สึกไม่พอใจ ก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของตนเองเพื่อที่จะ ประจบสื่อมวลชนและเปิดโปงรายละเอียดการปรึกษาหารือยิ่งมากกว่านี้

ยิ่งไปกว่านั้นยังแสดงถึงว่าจะเชิญพวกนักข่าวสื่อมวลชนกินข้าว ก็ถือว่าเอาชนะจิตใจของพวกนักข่าวทั้งหลายโดยปริยายแล้ว

ต้องบอกว่าเป็นปฏิกิริยาดั่งหนังสือเรียน

หวังเสว่เหมยเห็นอยู่นัยน์ตา ในใจอดไม่ได้พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

สายตาของเสี่ยวหย่าไม่เลวอย่างที่คิด คนอย่างมู่ยั่นเจ๋อนี้ วันหลังจะต้องช่วยตระกูลจิ่งได้อย่างแน่นอน พาตระกูลจิ่งเลื่อนตำแหน่งพรวดพราด ยิ่งขึ้นไปอีกก้าวหนึ่ง!

คำพูดล้วนพูดถึงขนาดนี้แล้ว พวกนักข่าวย่อมไม่เหมาะที่จะพูดอะไรอีกอยู่แล้วเช่นกัน

แม้ว่ามีใจอยากจะถามมากกว่านี้เหมือนเดิม แต่ต้านฝั่งตรงข้ามที่ไม่ยอมพูดไม่ไหว ก็ยังมีบอดี้การ์ดล้อมเข้ามาอีก ได้แต่ออกไปชั่วคราว

ผ่านไปหลายสิบกว่านาที ในที่สุดในห้องพิเศษก็กลับคืนสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง

อึดอัดใจอึดอัดวางตัวไม่ถูกที่เก้ๆ กังๆเล็กน้อย

มู่โหงนั่งอยู่ที่นั่น ไม่ได้พูด

จิ่งเซี่ยวเต๋อมีใจอยากจะพูดอะไร ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง จนใจที่ในท้องความรู้ไม่เยอะ ไม่พูดก็ยังดี ทันทีที่เอ่ยปากยิ่งจะอึดอัด

กลับเป็นหยูซิ่วเหลียน จ้องมองมู่ยั่นเจ๋ออมยิ้มพูดว่า “ล้วนได้ยินคุณชายมู่อายุน้อยๆกลับเยือกเย็นสุขุม เป็นบุคคลที่มีความสามารถแบกรับงานยิ่งใหญ่มาโดยตลอด แต่ก่อนไม่เคยได้พบเห็นรู้จัก วันนี้ถือว่าเปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ เสี่ยวหย่าสามารถมอบให้กับคุณ ฉันวางใจมาก”

มู่ยั่นเจ๋อฝืนใจยิ้มแล้วยิ้มอีก “คุณป้าถ่อมตัวแล้ว”

ก็อยู่ในเวลานี้ มือถือของมู่โหงดังขึ้นมาแล้ว

เขาหยิบขึ้นมากดปุ่มรับ วินาทีถัดมา ก็ขมวดคิ้วอย่างแน่นเลย

“อะไรหรือ? ได้ คุณควบคุมไว้ก่อน ผมกลับไปเดี๋ยวนี้!”

เขาพูดจบ ก็ลุกขึ้นมา

หวังเสว่เหมยเห็นสีหน้าเขาไม่ปกติ รีบถามว่า “พ่อปู่ เกิดเรื่องอะไรแล้วหรือ?”

มู่โหงหยุดชั่วคราวเล็กน้อย

เหอะ! คำเรียกนี้ เปลี่ยนอย่างรวดเร็วจริงๆ?

เขาตีหน้าตาย หน้าบึ้งขมวดคิ้วพูดว่า “บริษัทเกิดเรื่องฉุกเฉินเล็กน้อย ผมต้องรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ ขอโทษจริงๆนะ ยั่นเจ๋อ แกอยู่ที่นี่กินข้าวเป็นเพื่อนกับนายหญิงและคุณลุงคุณป้าของแกให้เสร็จจำไว้ว่าอีกสักครู่ส่งพวกเขาด้วยตนเอง ผมไปก่อนแล้ว”

มู่ยั่นเจ๋อก็ลุกขึ้นด้วย พยักหน้า “ได้ ผมรู้แล้ว”

“เอ๊ะ แต่ว่า………”

หวังเสว่เหมยยังอยากจะพูดอะไร แต่มู่โหงไม่ได้ให้โอกาสเธอเลย หยิบเสื้อโค้ตขึ้นมาคลุมรีบออกไปโดยตรงดั่งลมพัด

บรรยากาศเงียบสนิทในทันที

ต่อจากนี้ ก็ได้ยินเสียงที่อึดอัดของจิ่งเซี่ยวเต๋อ

“เหอะๆ ……. อันนี้ ประธานมู่ ยังเป็นผู้ดีมีงานยุ่งมากจริงๆนะ นี่แค่เวลามื้อเดียวทำไมมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการอีกล่ะ?”

มู่ยั่นเจ๋ออธิบายว่า “ช่วงนี้บริษัทกำลังบุกเบิกตลาดต่างประเทศอยู่ฝั่งโน้นไม่ค่อยมั่นคง พ่อของผมก็เพิ่งกลับมาจากเมืองหลวงฝั่งโน้นในไม่กี่วันก่อน ได้ยินน้ำเสียงของเขานี้คาดว่าก็เป็นฝั่งโน้นก็เกิดปัญหาอีกแล้ว”

ตาของจิ่งเซี่ยวเต๋อสว่างขึ้นมา

“ต่างประเทศหรือ? มู่ซื่อกรุ๊ปนี่คือจังหวะที่จะเผยแพร่ไปยังทั่วโลกหรือ?”

มู่ยั่นเจ๋อยกริมฝีปากเล็กน้อย พยักหน้า “ใช่แล้ว เพียงแค่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ราบรื่นหรือไม่ก็ยากที่จะพูดแล้ว”

“มีบุคคลที่มีความสามารถอย่างประธานมู่กับคุณชายมู่ จะต้องบรรลุสิ่งที่ปรารถนาได้อย่างแน่นอน”

จิ่งเซี่ยวเต๋อดีใจพูดว่า หวังเสว่เหมยได้ยิน เดิมทีสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีเล็กน้อยนี่จึงดีขึ้นหน่อย

“คุณลุงของแกพูดถูกแล้ว ในเมื่อประธานมู่มีธุระต้องทำ พวกเราก็ไม่เหมาะที่จะรบกวนเขาเช่นกัน เรื่องของงานแต่ง สามารถรอเขามีเวลาอีกค่อยปรึกษาหารือ”

“ก็ใช่ ก็ใช่ ไม่รีบ เรื่องของงานจึงสำคัญกว่า”

มู่ยั่นเจ๋อได้ยินพวกเขาพูดอย่างนี้ ยิ้มแล้วยิ้มอีก ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน

ไม่มีมู่โหงอยู่ ข้าวมื้อหนึ่งก็กินเสร็จอย่างรวดเร็ว

หวังเสว่เหมยปฏิเสธการขอร้องที่จะให้เขาไปส่ง ตนเองพาจิ่งเซี่ยวเต๋อก้บหยูซิ่วเหลียนออกไปเลย ให้เขาไปทำเรื่องของตนเอง

จิ่งเสี่ยวหย่าไม่ได้กลับไปด้วยกับพวกเขา แต่ขึ้นรถของมู่ยั่นเจ๋อไป ที่บันเทิงเฟิงหัวกับเขาด้วยกัน

บันเทิงเฟิงหัวมีตระกูลจิ่งลงทุน ก็ยังเป็นบริษัทของครอบครัวตนเองอีก ดังนั้นก็ไม่กลัวที่จะถูกคนถ่ายได้ ทันทีที่เข้าออฟฟิศ ใบหน้าของมู่ยั่นเจ๋อก็เข้มลง ไม่เอ่ยอะไรสักคำเดินไปข้างหลังโต๊ะทำงานเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น

บนอินเทอร์เน็ตล้วนมืดฟ้ามัวดินล้วนเป็นข่าวเรื่องงานแต่งงานของจิ่งเสี่ยวหย่ากับมู่ยั่นเจ๋อแล้ว

ไม่เพียงแค่บน Weibo บนเว็บไซต์อื่นก็ล้วนเป็นเช่นกัน

ก็ดูเหมือน เรื่องงานแต่งของคนทั้งสอง เป็นเรื่องจริงที่กำหนดไว้ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว

ยิ่งมีมากกว่านี้อีก อย่าเวอร์เกินไป พูดว่าคนทั้งสองจดทะเบียนสมรสแล้ว วันนี้เป็นงานชุมนุมครอบครัว ไม่นานก็จะจัดงานแต่งงานแล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset