วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 260 ไม่อยากบังคับ

บทที่ 260 ไม่อยากบังคับ

น้ำเสียงที่จริงจังแบบนั้น ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้อึ้งไป!

ลู่จิ่งเซินเดินเข้ามา จับมือเธอไว้

สายตาที่เยือกเย็นได้มองผ่านหน้าทุกคนไป พูดเสียงจริงจังว่า

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า เรื่องของภรรยาผมจิ่งหนิงก็เป็นเรื่องของผม การที่มีเรื่องกับเธอก็เท่ากันมีเรื่องกับตระกูลลู่! สำหรับเรื่องที่แม่ยายของผมโดนฆาตกรรมนั้น ผมจะส่งคนไปตามสืบด้วยตัวเอง เวลานี้ก็อยากให้ทางตำรวจนั้นทำอะไรอย่างเป็นธรรมด้วย คืนความยุติธรรมให้คนดีคนหนึ่ง!”

วันนี้คนที่มากับตระกูลจิ่งนั้น ก็ยังมีตำรวจที่รับผิดชอบเมืองจิ้น

พอได้ยินแบบนั้น ก็ได้รีบพูดออกไปว่า “แน่นอนอยู่แล้วครับ! คุณลู่วางใจเถอะครับ เรื่องนี้ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ไม่มีทางที่จะปล่อยคนร้ายไปแน่ครับ!”

ลู่จิ่งเซินถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วก็ลากจิ่งหนิงเดินเข้าไปข้างใน

เรื่องคนของตระกูลจิ่งได้มาที่เกาะซีหนิงเพื่อจับคน ก็เหมือนกับละครฉากใหญ่ ได้เปิดตัวมาอย่างคึกคัก แล้วก็จบไปอย่างโกลาหล

พวกหวังเสว่เหมยนั้นเพราะว่าได้เป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคน แน่นอนก็ได้ถูกตำรวจพาตัวไป

มีชื่อลู่จิ่งเซินสลักอยู่ข้างๆ ทางตำรวจไม่กล้าที่จะปล่อยไปง่ายๆ

และเรื่องที่จิ่งหนิงได้จงใจปิดบังตัวเองนั้น ก็ได้จบไปกับคดีนี้ที่กำลังเริ่ม

ยังไงซะ ใครก็คิดไม่ถึงว่า ที่จิ่งหนิงทำแบบนี้ ก็เพื่อที่จะเอาตัวคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าแม่ของตัวเองออกมา

และทางตำรวจ ถึงแม้ก่อนหน้าเพื่อที่จะช่วยจิ่งหนิงแล้วก็ได้ปล่อยข่าวเท็จไป ก็ได้ถูกคนวิจารณ์ไปไม่น้อย

แต่ว่าเรื่องนี้ได้เกี่ยวกับคดี ทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไร กลับกันได้รอผลการสืบสวนนั้นออกมา มองว่าคนตระกูลจิ่งจะเป็นแบบที่จิ่งหนิงพูดจริงไหม ได้โหดเหี้ยมถึงขนาดนี้

สรุปแล้ว เรื่องนี้ให้มุมบางมุมแล้ว ก็ได้ถือว่าจบไปเรียบร้อย

จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินก็ได้กลับไปเมืองจิ้น

การสืบสวนของทางตำรวจนั้นต้องใช้เวลา จิ่งหนิงก็ไม่ได้รีบร้อน

กลับเป็นหัวเหยา ก่อนหน้าไปต่างประเทศสักพัก พึ่งกลับมาช่วงสองวันนี้ ได้ยินว่าได้พักอยู่ที่หงเฟิงยาย่วนคนเดียว เธอก็ได้เป็นห่วงเล็กน้อย วางแผนว่าจะไปเที่ยวหา

วันนี้ จิ่งหนิงได้หาเวลาว่าง ไปซื้อของที่ซูเปอร์เล็กน้อย แล้วไปที่ที่หัวเหยาอยู่

หงเฟิงยาย่วนถึงว่าเป็นหมู่บ้านอันดับต้นๆ ของเมืองจิ้นเลย แต่ถ้าเทียบกับเซียงส้งเก๋อที่หัวเหยาพักก่อนหน้า ก็ยังต่างกันอยู่

จิ่งหนิงมาถึงตึกที่หัวเหยาพักอยู่ หาเลขห้อง แล้วก็กดกริ่ง

ผ่านไปไม่นาน ประตูก็เปิดออก

ไม่ได้เจอกันสักพักหัวเหยาอวบขึ้นไม่น้อย ใส่ชุดสบายๆในบ้านสีอ่อน ปล่อยผม มีใบหน้าที่ทำให้ผู้คนตะลึง

เห็นจิ่งหนิง ตาเธอได้เป็นประกาย แล้วก็รีบเข้าไปกอดเธอด้วยความดีใจ

“เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันเป็นห่วงแทบแย่”

ในใจของจิ่งหนิงก็ได้มีความอบอุ่นส่งผ่านมา ก็ได้ตบที่หลังเธอเบาๆ “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง”

ผ่านไปไม่กี่วิ หัวเหยาก็ได้ปล่อยเธอ

จากนั้น ก็ได้ลากเธอเข้ามาในบ้าน

“นั่งตามสบายเถอะ อยากดื่มอะไรไหม? ฉันเทให้เธอ”

จิ่งหนิงมองไปรอบๆ บ้านสักพัก ก็ได้พูดส่งๆ ว่า “อะไรก็ได้”

เธอนั่งลงบนโซฟา พบว่าบ้านหลังนี้เทียบไม่ได้กับหลังก่อนที่หัวเหยาพัก แต่ว่าสิ่งของก็ได้หรูไม่น้อย ถึงได้วางใจไปบ้าง

หัวเหยาก็ได้ยกน้ำมาเสิร์ฟให้เธอ จากนั้นก็นั่งลงตรงข้าง

จิ่งหนิงดื่มน้ำ มองเธอ

จากนั้น ก็ได้เงียบไปชั่วขณะ

พวกเขานั้นเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยม ในใจของอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่นั้น ก็ต้องเดากันได้บ้าง

แต่ว่าในบางเวลา ทั้งสองก็ไม่อยากที่จะเปิดปากก่อน ไม่อยากที่จะทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบนี้

ในที่สุด จิ่งหนิงก็เป็นคนที่พูดก่อน

“กี่เดือนแล้ว”

เธอเผยอหน้า ไปที่ท้องที่ได้โตของหัวเหยา

หัวเหยาได้กระตุกมุมปาก ก้มหน้าเล็กน้อย มือได้ค่อยๆ วางไปที่ท้องของตัวเอง พูดว่า “หกเดือนแล้ว”

จิ่งหนิงในใจก็ได้กระตุก

ผ่านไปแป๊บเดียว ก็หกเดือนแล้ว

สิบเดือนถึงคลอด ตอนนี้ยังมีอีกสี่เดือนก็จะคลอดแล้ว

“พ่อของเด็กล่ะ? เขายังไม่โผล่ตัว?”

หัวเหยานิ่งไปเล็กน้อย

ก็ได้ฝืนยิ้ม “หนิงหนิง ฉันไม่อยากบังคับ”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว

“หมายความว่าไง? เธออย่าบอกฉันนะว่า เขาไม่คิดจะรับผิดชอบ!”

“ไม่ใช่”

หัวเหยาเห็นว่าเธอได้เริ่มโมโห ก็ได้รีบห้ามเธอไว้

“เขา……ยังไม่รู้เรื่องนี้”

“อะไรนะ?”

จิ่งหนิงได้อึ้งไปเลย

“เด็กก็ได้หกเดือนแล้ว เขายังไม่รู้? เธอคิดอะไรอยู่กันแน่? เรื่องนี้เธอควรที่จะบอกกับเขา นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอคนเดียวเธอเข้าใจไหม?”

หัวเหยาก็ไม่ได้รีบที่จะอธิบาย แต่เป็นการรอให้เธอพูดจบ ถึงได้ค่อยๆ พูดออกไปว่า “ฉันรู้ แต่ว่า ฉันรู้สึกว่าบังคับคนที่ไม่รักตัวเองแบบนี้ มันมีประโยชน์เหรอ?”

จิ่งหนิงก็เถียงไม่ออกเลยทันที

จนถึงตอนนี้ มองใบหน้าที่ได้สวยงามแต่สิ้นหวังเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า เธอถึงได้เข้าใจอะไรบางอย่าง

เสียงได้เริ่มแหบ หน้าอกเหมือนได้มีอะไรติดอยู่ ทำเอาเจ็บ

เธอได้สูดหายใจเข้าไปลึกๆ ถามเสียงเบาว่า “เขา……เป็นใคร?”

หัวเหยาไม่พูด

เขานั่งเงียบดูตรงนั้น ก้มหน้าเล็กน้อย ไม่ได้มองตาเธอตรงๆ

ชัดเจนเลยว่า เธอไม่อยากพูด

จิ่งหนิงก็ได้ปรับอารมณ์ พูดจริงจังว่า “ได้ ฉันให้เกียรติกับสิ่งที่เธอเลือก แล้วก็ให้เกียรติกับเรื่องส่วนตัวของเธอ เธอไม่บอกก็ได้ และก็เลือกที่จะไม่บอกผู้ชายคนนั้นก็ได้ แต่ว่าเธอเข้าใจว่านี่มันหมายความว่าอะไรไหม?

เหยาเหยา เธอเป็นอันดับหนึ่งในวงการบันเทิง เธอนั้นเป็นนักแสดงหญิงตัวเอกนะ เธอรู้ว่าการท้องก่อนแต่ง แล้วก็ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใครแบบนี้มันหมายถึงอะไรไหม?

ได้ เธอสามารถที่จะไม่แคร์อนาคต แล้วเธอล่ะ? การคลอดลูกนั้นจะอาศัยความอยากได้ชั่วขณะแล้วก็ตกลงไม่ได้ เธอต้องคิดว่าจะดูแลเขาจนโตยังไง จะอธิบายเรื่องนี้กับเขายังไง?

แล้วก็คุณลุงหัว ท่านจะคิดยังไง? ท่านรักเธอขนาดนี้ ต้องไม่เห็นด้วยที่เธอเป็นแบบนี้แน่ เธอจะแตกแย่งกับท่านเหรอ”

ที่จิ่งหนิงเป็นห่วงไม่ใช่ไม่มีเหตุผล

เธอรู้จักหัวเหยาดีมากๆ!

หัวเหยาเป็นใคร เป็นคุณหนูของตระกูลหัว ลูกสาวหัวซื่อกรุ๊ป ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมมาแต่เด็ก ภูเขาเงินภูเขาทองเธอเอาได้ตามสบาย ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยที่จะลำบากมาก่อน

ตอนนี้ เธอกลับที่จะมาเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง แล้วยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ร้ายแรงแบบนี้อีก!

จิ่งหนิงห่วงว่าเธอนั้นจะทนไม่ไหว เสียใจกับตัวเลือกที่ตัวเองเลือกในวันนี้

แต่แล้ว หัวเหยากลับส่ายหน้า

“หนิงหนิง ทั้งหมดที่เธอเป็นห่วงนั้น ฉันเข้าใจดี แล้วก็คิดมาอย่างดีแล้ว”

“งั้นเธอยังเลือกที่จะคลอดเขา?”

อยู่ๆ หัวเหยาก็ได้มองหน้าจิ่งหนิง

ดวงตาคู่นั้น ไม่มีความหวาดกลัว ไม่มีความสิ้นหวัง ไม่มีความกังวลที่จะเป็นคุณแม่ก่อนแต่งเลยแม้แต่น้อย

ที่มีก็มีแค่ความมั่นใจ

“ใช่ เขาเป็นชีวิตชีวิตหนึ่ง เขามีสิทธิ์ที่จะมาบนโลกนี้ อีกอย่าง……”

อีกอย่าง นี่เป็นลูกของเขา!

เธอมัดคนคนนั้นมาไม่ได้ หรือว่าชาตินี้ ตั้งแต่แรกทั้งสองก็เป็นเส้นตรงที่ตัดผ่านกัน มีแค่คืนนั้นที่เป็นจุดตัดผ่านแล้วนั้น อนาคตก็มีแต่ยิ่งอยู่ยิ่งลำบาก

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset