วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 268 เป็นวาสนาหรือเป็นกรรม

บทที่ 268 เป็นวาสนาหรือเป็นกรรม

จิ่งหนิงอึ้งไปสักพัก เธอไม่ได้คิดไปไกลขนาดนี้เลย แต่เธอแค่รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่า ในเมื่อเรามีโอกาสกลับไปอยู่กับคนในครอบครัวของเราจริงๆ มันก็คงดี

แต่เมื่อได้ยินลู่จิ่งเซินพูดเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกว่าตระกูลกวนเป็นเหมือนถ้ำเสือ อย่าเผลอเข้าไปจะดีกว่า

และถ้าเด็กคนนั้นได้กลับมาจริงๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไร

อยู่ดีๆ เธอก็นึกถึงกวนเสว่เฟยขึ้นมา

ได้ข่าวว่าตอนนั้นเพราะว่าเด็กคนนั้นหายตัวไป คุณหญิงกวนจึงไปรับกวนเสว่เฟยมาเลี้ยงดูเพื่อทดแทนกัน

หลายปีที่ผ่านมานี้ตระกูลกวนทำดีกับเธอเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ของตน ดูแลเลี้ยงดูเธอมาอย่างดี พูดได้เลยว่าถ้าไม่ใช่เพราะว่านายท่านไม่สบาย พวกเขาก็คงไม่คิดที่จะหาเด็กคนนั้นต่อ

และถ้าหากว่าเด็กคนนั้นกลับไปที่ตระกูลกวนจริงๆ แล้วกวนเสว่เฟยจะไปอยู่ที่ไหน?

ด้วยนิสัยของกวนเว่เฟยแล้ว เธอเองก็คงไม่สนใจเรื่องนี้

แต่เมื่อคิดถึงจุดนี้ จิ่งหนิงก็ถอดหายใจออกมา

มู่จิ่งเซินเห็นว่าเธอนั่งถอนหายใจนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น

เขาก็ยิ้มออกมาแล้วลูบหัวเธอพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณเองก็อย่าคิดมาก ถ้าผมเจอเบาะแสอะไรผมจะบอกพวกเขาอยู่แล้ว ผมแค่เตือนคุณว่าอย่าหวังในแง่บวกมากเกินไปกับเรื่องนี้

ถึงยังไงเด็กคนนั้นก็หายตัวไป20กว่าปีแล้ว ตระกูลกวนตามหาเธออย่าจริงจังแค่สองปีแรก จากนั้นอีก10กว่าปีก็ไม่เห็นวี่แววอะไรเลย

จนถึงเมื่อสองสามปีที่ผ่านมาที่นายท่านสุขภาพไม่ค่อยดี พวกเขาถึงเริ่มกลับมาตามหาตัวเธอใหม่ เรื่องรายละเอียดของเรื่องนี้ผมจะไม่พูด และผมเชื่อว่าคุณรู้ดี

ถ้าเด็กคนนั้นกลับไปที่ตระกูลกวน สำหรับเธอแล้วมันเป็นวาสนาหรือเป็นกรรมมันก็พูดยาก”

จิ่งหนิงพยักหน้า

แน่นอนว่าเธอเข้าใจดี ตอนนั้นคงตามหาเธอแล้วแต่ไม่มีเบาะแสอะไร พวกเขาจึงยอมแพ้

มาวันนี้นายท่านไม่สบาย แล้วนึกถึงเรื่องเก่าๆ ก็คงรู้สึกว่าเขาติดค้างเด็กคนนี้ไว้

และพวกเขาไม่อยากให้นายท่านจากโลกนี้ไปพร้อมกับความเสียใจ เพราะฉะนั้นจึงพยายามตามหาเด็กคนนี้ด้วยทุกวิถีทาง

พูดตรงๆ ก็คือ เด็กคนนี้เป็นแค่เครื่องมือที่พวกเขาใช้ทำให้นายท่านมีความสุขก็เท่านั้นเอง

ถึงยังไง ถ้านายท่านไปจากโลกนี้แล้ว ถึงตอนนั้นที่เครื่องมีชิ้นนี้หมดประโยชน์ไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะถูกพวกเขาจัดการยังไง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกเศร้าหมองขึ้นมา

ลู่จิ่งเซินเห็นว่าเธอดิ่งลง ก็รู้สึกว่าคุยเรื่องนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาก็เลยหยุดพูดไป เปลี่ยนเรื่องคุยกัน

ทั้งสองคุยกันไปขับรถกลับบ้านไป

เมื่อป้าหลิวรู้ว่าพวกเขาจะกลับมา เธอก็เตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะแล้ว

หลังจากที่ทานข้าวเรียบร้อย ตกเย็นมาลู่จิ่งเซินไม่ได้ไปที่บริษัท แต่อยู่บ้านเป็นเพื่อนจิ่งหนิง

หลังจากที่อานอานได้รับการตรวจเช็กร่างกาย ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วและดีขึ้นเยอะมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้

โดยรวมแล้วตอนนี้ทุกอย่างกำลังอยู่ในการพัฒนาที่ดี

จิ่งหนิงฟังจบแล้วถึงได้สบายใจขึ้น

ตกดึกมาทางตำรวจก็ส่งข่าวสารมาว่า เรื่องเมื่อ5ปีที่แล้ว ตอนนี้กระจ่างแล้ว

แม้ว่าหวังเสว่เหมยยังไม่ยอมรับข้อกล่าวหา แต่ว่าจากการสอบสวนที่เข้มงวดหยูซิ่วเหลียนยอมรับทุกข้อกล่าวหาแล้ว

หลักฐานรูปเศษเบรกที่จิ่งหนิงเคยยื่นให้กับศาล และคำให้การของพนักงานที่อู่ซ่อมรถ มีผลอย่างมาก

ความจริงของเรื่องนี้ไม่ต่างจากสิ่งที่จิ่งหนิงคาดเดาไว้ ตอนนี้โม่ไฉ่เวยเผลอเผยเรื่องชู้สาวของจิ่งเซี่ยวเต๋อและหยูซิ่วเหลียนออกมา และยังได้ข่าวมาโดยบังเอิญว่าพวกเขามีลูกสาวอายุ18ปีอีกหนึ่งคน

ภายใต้ความโกรธแค้นนะ เธอจึงอยากดึงเอาหุ้นของโม่ซื่อกรุ๊ปกลับมา และหย่ากับจิ่งเซี่ยวเต๋อ

แต่เขาโตมาจากชนบท คนทั้งครอบครัวที่มีทุกวันนี้ได้เพราะโม่ซื่อกรุ๊ป นั้นจะยอมได้อย่างไร?

วันนั้นด้วยเหตุที่เขาพูดปลอบโยนเธอด้วยความอ่อนโยนและคำพูดดีๆ คุณแม่จึงระงับความโกรธไว้ได้ชั่วคราว จิ่งเซี่ยวเต๋อรับปากกับเธอว่าจะเสนอวิธีการแก้ปัญหาที่น่าพึงพอใจให้กับเธอ แต่ไม่คาดคิดว่า เขากลับสั่งให้คนไปทำอะไรบางอย่างกับรถของเธอ

ตอนดึกๆ หยูซิ่วเหลียนขับรถไปชนรถของโม่ไฉ่เวยบนสะพาน เพื่อที่เธอจะได้ครองตำแหน่งคุณหญิงจิ่งไว้ได้

ทั้งรถและโม่ไฉ่เวยก็พลิกคว่ำลงน้ำไปและเสียชีวิตในที่สุด

จิ่งหนิงฟังตำรวจกล่าวอย่างเงียบๆ อยู่ในโทรศัพท์ เดิมทีเธอคิดว่าเธอคงจะโกรธมาก แต่ไม่คาดคิดว่าเธอกลับสงบนิ่งอย่างคาดไม่ถึง

เพราะถึงยังไงเรื่องนี้มันผ่านไป6ปีแล้ว

เธอรู้ความจริงทุกอย่างมาก่อนแล้ว แต่เธอแค่ไม่มีหลักฐาน

มาตอนนี้เพิ่งได้รู้ว่า เรื่องทุกอย่างที่เคยทำให้เราโกรธและเจ็บปวดมากเพียงใดในสามารถทำให้คุณสงบลงได้จากการคัดกรองของเวลา สิ่งที่เหลืออยู่นั้นก็มีเพียงแค่ความหนักหน่วงและเสียใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ส่วนเรื่องที่จะจัดการกับคนของตระกูลจิ่งยังไงนั้น จิ่งหนิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ออกมา ให้พวกเขาจัดการพวกเธอด้วยกฎหมาย

ลู่จิ่งเซินเห็น เช่นนี้แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

วิธีการจัดการของเรื่องนี้ประกาศออกมาอย่างรวดเร็ว

จิ่งซิ่วเจ๋อถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยข้อหาพยายามฆ่า หยูซิ่วเหลียนก็เช่นกัน เนื่องจากหวังเสว่เหมยไม่ได้ลงมือกระทำ แต่เพียงแค่วางแผนอยู่เบื้องหลัง และด้วยเหตุที่เธออายุเยอะแล้ว จึงตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่สำหรับเธอแล้ว จำคุกตลอดชีวิตก็ไม่ต่างจากโทษประหารชีวิตเท่าไหร่

เมื่อมีการประกาศออกมา อนาคตของจิ่งเสี่ยวหย่าก็จบลงด้วยเช่นกัน

แม้ว่าตอนนั้นเธอไม่ได้เข้าร่วมเหตุการณ์ครั้งนี้เพราะเธอยังเด็ก อย่างมากที่สุดก็แค่โทษรู้เห็นเป็นใจกับผู้ร้าย ฉะนั้นจึงไม่ได้เข้าคุก

แต่พลังของสังคมออนไลน์นั้นยิ่งใหญ่มาก เธอมีพ่อและแม่ที่เป็นฆาตกร และยังมีคุณย่าที่จิตใจโหดเหี้ยม บวกกับเรื่องที่เธอเคยทำกับจิ่งหนิง มันมากพอที่จะให้พลังของสังคมออนไลน์ทำลายล้างเธอจนหมดสิ้น

อีกอย่างเรื่องครั้งก่อนที่ลักพาตัวจิ่งหนิง เธอเองก็ต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

แต่ว่าในระหว่างที่ทำการสืบค้น จิ่งเสี่ยวหย่าเองก็ยังคงพูดเสมอว่าตนก็ถูกลักพาตัวมาเช่นกัน

หลังจากที่สืบสวนแล้วได้การว่า สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง

อันที่จริงจิ่งหนิงเองก็รู้ว่าหลายวันนั้นจิ่งเสี่ยวหย่าถูกลักพาตัวไปจริงๆ แต่ว่าคนที่ลักพาตัวเธอไปคือใครนั้นเธอไม่รู้

เรื่องนี้ทางตำรวจเองก็ไม่เจอหลักฐานอะไรเลย สุดท้ายมันก็กลายเป็นคดีที่ไขไม่ออก

แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากการลักพาตัวครั้งนั้น เพราะฉะนั้นผลที่ออกมาก็ยังถือว่าดีอยู่

หลังจากที่หวังเสว่เหมยและจิ่งเซี่ยวเต๋อกับหยูซิ่วเหลียนเข้าคุกไป เรื่องที่เกี่ยวกับการรับมือต่อของจิ่งซื่อกรุ๊ปนั้น ทางคณะกรรมการให้การตัดสินใจที่เห็นพ้องกันว่า ให้จิ่งหนิงมารับมือต่อบริษัท

หนึ่งคือจิ่งซื่อกรุ๊ปเดิมทีก็มาจากโม่ซื่อกรุ๊ป โม่ไฉ่เวยเป็นแม่แท้ๆ ของจิ่งหนิง ตามหลักแล้ว ก็ต้องเป็นเธอที่รับมือต่อ

อีกอย่างตอนนี้จิ่งเสี่ยวหย่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แน่นอนว่าเธอก็เสียโอกาสที่จะรับมือบริษัทต่อไป ทายาทคนเดียวที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ก็เหลือแค่จิ่งหนิงแล้ว

แต่จิ่งหนิงไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แม้ว่าจิ่งซื่อกรุ๊ปเดิมทีจะเป็นของโม่ซื่อกรุ๊ป ตอนที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่นั้นเธอเองก็ไม่ได้สนใจบริษัทสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเธอไม่เคยได้จัดการดูแลเลย

และด้วยความที่จิ่งเซี่ยวเต๋อค่อยๆ เปลี่ยนบริษัทไปอย่างลับๆ จิ่งซื่อกรุ๊ปในตอนนี้มันใช่โม่ซื่อกรุ๊ปในเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว

แม้ว่าเธอจะรับมือมา มันก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวเพียงเท่านั้น

อีกอย่างหลังจากที่ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไป หุ้นของจิ่งซื่อกรุ๊ปร่วงลงมาเยอะมาก ตอนนี้ก็เหมือนเป็นปัญหาใหญ่ๆ ใครรับมือไปคนนั้นปวดหัว

แต่โชคดีที่ตอนนั้นมู่ซื่อกรุ๊ปลงทุนไว้ที่จิ่งซื่อกรุ๊ปไม่น้อย แล้ววันนี้มู่โหงอยากที่จะซื้อจิ่งซื่อกรุ๊ปไปอยู่ภายใต้บริษัทของตน จิ่งหนิงเองก็ไม่ได้ห้าม

จากที่ทั้งคู่ตกลงกันแล้ว สุดท้ายก็เซ็นสัญญาในราคาที่เหมาะสม ก็ถือว่าเรื่องนี้จบลงอย่างเป็นทางการ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset