วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 319 ของเธอแต่งงาน

บทที่ 319 ของเธอแต่งงาน

เวลานั้น จี้หยุนซูกำลังนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ในใจได้คิดอะไรไปเลื่อน

ก็ได้คิดในใจว่า เมื่อวานตัวเองได้ช่วยเธอ อยู่ในใจเธอ น่าจะมองตนเปลี่ยนไปแล้วบ้างแล้วมั้งนะ?

ก็ไม่รู้ว่าเสื้อที่เขานั้นไปซื้อให้เมื่อคืน เธอจะชอบไหม ไซส์ของเธอ เขานั้นรู้ และแค่กลัวว่าซื้อมาไม่เหมาะ……

ตอนที่ในใจกำลังคิดอยู่ เวลาเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เขาเงยหน้า ก็เห็นกวนเยว่หวั่นเดินลงมาจากชั้นบน

วิต่อมา ตาก็เป็นประกาย เห็นว่าเสื้อไหมพรมสีแดงนั้นก็ได้ทำให้ใบหน้าที่ขาวของเธอได้แดงเล็กน้อย ดูแล้วแปลกใหม่

กางเกงทรงดินสอสีดำได้แสดงให้เห็นถึงขาที่ดูยาวและตรง ทำให้คนนั้นดูแล้วเบาะบางทำให้คนมีความเอ็นดู

จี้หยุนซูมองไปมองไป ก็ได้จ้องมองไม่ละสายตา

กวนเยว่หวั่นเห็นว่าเขาจ้องมองเธออยู่ตลอด แล้วไม่พูดอะไร ใจก็ได้เต้น ก็ได้ถามออกไป “เป็นอะไรเหรอคะ? ฉันดูแปลกตรงไหนเหรอ?”

จี้หยุนซูถึงได้รู้สึกตัว ก็ได้เก้อเขิน ก็ได้ไอออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก พูดว่า “ไม่ๆ ดีมาก สวยมากๆ”

ท่าทางที่ดูร้อนรนของชายหนุ่ม ก็ทำให้กวนเยว่หวั่นใจสั่น อยู่ๆ ก็ได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้

จี้หยุนซูก็ได้เปลี่ยนเรื่อง พูดว่า “รีบมาทานข้าวเถอะ”

กวนเยว่หวั่นถึงได้พยักหน้า แล้วก็เดินไป นั่งที่โต๊ะอาหาร

มื้อเช้านั้นอยู่ง่ายมาก โจ๊กผักเล็กน้อยแล้วก็แซนด์วิช แล้วยังมีนมอีกแก้วหนึ่ง มองออกเลยว่า จี้หยุนซูได้ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและแข็งแรง

จี้หยุนซูสังเกตเห็นว่าอาหารเช้าของตนนั้นเหมือนว่าจะเรียบง่ายเกินไป ก็ได้รีบพูดว่า “ที่นี่เป็นบ้านส่วนตัวของผม ปกติก็ไม่ค่อยกลับมา เพราะงั้นที่บ้านก็ไม่มีคนทำอาหาร พวกนี้เป็นของที่ผมนั้นทำเมื่อกี้ เรียบง่ายไปหน่อย เธออย่าถือสา”

กวนเยว่หวั่นก็ได้รีบส่ายหน้า “ไม่ได้ถือสาค่ะ ง่ายๆ ก็ดีค่ะ”

จี้หยุนซูได้ยินแบบนั้นก็ได้โล่งอก พยักหน้า

เวลาบนโต๊ะอาหารดูเงียบไปหน่อย ผ่านไปสักพัก เขาก็ได้เปิดปากพูด “คือว่า ไอ่สวะนามสกุลกู้นั่น เธอจะจัดการยังไง?”

กวนเยว่หวั่นนิ่งไป สีหน้าเครียดไปเล็กน้อย

เธอได้ก้มหน้า กัดแซนด์วิชไปคำ ถึงได้พูดว่า “ช่างเถอะค่ะ”

“ช่าง?”

จี้หยุนซูสับสน

กวนเยว่หวั่นถอนหายใจ

“เขาเป็นคนของตระกูลกู้ ตระกูลกู้อยากจะแต่งงานกับตระกูลกวน ฉันก็แค่ไม่อยากที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา”

พูดถึงตรงนี้ เธอก็ได้ฝืนยิ้มอีกครั้ง

“พูดไปแล้ว ปกติครอบครัวฉัน ในตระกูลกวนไม่ต่างอะไรกับอากาศ ก็ไม่รู้ทำไมทางบ้านเก่าทางนั้นถึงเลือกฉัน แต่ว่าเรื่องนี้ฉันไม่มีทางตกลงหรอกค่ะ ส่วนกู้จื่อจุน……

ไหนๆ เขาก็ได้อยู่ในโรงพักแล้ว งั้นก็ให้คนทางนั้นจัดการเถอะค่ะ! ถ้าเกิดตระกูลกู้อยากจะประกันตัวเขา ต่อให้ฉันกัดไม่ปล่อยก็ไม่มีประโยชน์”

สีหน้าของจี้หยุนซูได้เครียดลง คิ้วได้ขยับไปสักพัก

แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร พยักหน้า

“ได้ ทำตามที่เธอพูด”

ทานข้าวเสร็จ จี้หยุนซูก็ขับรถไปส่งกวนเยว่หวั่นกลับบ้าน

ระหว่างทางทั้งสองไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่ากวนเยว่หวั่นคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าวันนี้จี้หยุนซูไม่ค่อยปกติ

เขาเดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็กำหมัดแน่น เหมือนว่าลังเล และก็เหมือนว่ามีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูด

กวนเยว่หวั่นก็ได้สงสัย ในที่สุดก็ได้ทนต่อไม่ไหว ถามว่า “รุ่นพี่ รุ่นพี่มีอะไรอยากที่จะพูดกับฉันหรือเปล่าคะ?”

จี้หยุนซูเห็นว่าความคิดของตัวเองถูกจับได้ ก็ได้ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ได้พยักหน้า

สูดหายใจเข้าไปลึกๆ พูดอย่างจริงจัง “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธออย่าไปใส่ใจ ไอ่สวะนั่นต่อไปคงไม่มีโอกาสที่จะมารังแกเธอแล้ว”

กวนเยว่หวั่นก็ได้ยิ้มออกมา “ฉันรู้ค่ะ เกิดเรื่องแบบนั้น เรื่องงานแต่งงานระหว่างฉันกับเขาก็ล่มไปด้วย ตระกูลกวนก็จะไม่บังคับให้ฉันแต่งงานกับเขา ตระกูลกู้ก็คงจะหาคนอื่นให้เขา เขาไม่มีเวลามาก่อกวนฉันแล้วค่ะ”

จี้หยุนซูพยักหน้า นิ่งไป พูดต่อ “ต่อไปก็พยายามอย่าไปบาร์กับคนแบบนั้น ผู้หญิงตัวคนเดียว อันตรายมาก”

เขาไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่า ถ้าเกิดตอนนั้นเขาไม่ได้จอดรถอยู่ตรงนั้นพอดี แล้วก็เจอเธอพอดี เธอนั้นจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

กวนเยว่หวั่นได้ยินแบบนั้น ก้มหน้า ก็ได้เงียบไปเล็กน้อย

สักพัก ก็ได้ยิ้มออกมา “ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”

จี้หยุนซูตกใจ

ก็ได้ยิ้มออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก “ไม่ต้องขอบคุณ ต่อไปเธอ ก็ไม่ต้องพูดขอบคุณกับผมแล้ว”

คำพูดนี้ ทำให้กวนเยว่หวั่นใจเต้น

เหมือนว่าถูกอะไร ค่อยๆ มาขยับตรงหัวใจของเธอ ทำให้ใจดวงนี้เต้นแรงมากๆ

และแล้ว ไม่นาน ก็ได้ยินชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “ที่จริงมีบางอย่าง ที่เมื่อไม่กี่วันก่อนผมก็อยากที่จะพูดกับเธอ แต่ก็กลัวว่าตอนนั้นเธอกำลังโมโหอยู่ ไม่ยอมที่จะฟัง ก็ได้รออยู่ตลอด รอให้เธอหายโกรธ แล้วมาพูดกับเธอ”

กวนเยว่หวั่นรู้สึกว่าใจของตัวเองนั้นแทบจะเต้นออกมาแล้ว

เธอก็ได้ฝืนกระตุกมุมปาก พูด “เรื่องอะไรคะ? พูดมาเถอะค่ะ!”

จี้หยุนซูได้หายใจเข้าไปลึกๆ เหมือนว่าในที่สุดก็ได้ตัดสินใจได้แล้ว พูดว่า “หวั่นหวั่น เรื่องเมื่อคืนนั้นมันเป็นความผิดของผมเอง ที่จริงครั้งก่อนที่ผมไปหาเธอ ไม่ได้แค่เพราะอยากจะขอโทษกับเธอ แต่อยากจะ อยากจะ……”

เขาได้พูดติดๆ ขัดๆ ทำให้ใจของกวนเยว่หวั่นได้เต้นแรงมากๆ ถามว่า “อยากจะอะไรคะ?”

“ผมอยากจะพูด ถ้าเกิดเธอไม่ถือสา งั้นก็ลองที่จะมายอมรับในตัวผม ให้ผมได้รับผิดชอบ เธอวางใจเถอะ ผมต้องดีกับเธอมากๆ ไม่มีทางที่จะให้เธอโดนรังแก เรื่องอย่างคืนนั้น……ขอแค่เธอไม่ยอม ต่อไปก็จะไม่เกิดขึ้นอีก เธอคิดว่ายังไง?”

เขาพูดจบ ก็เหมือนว่าได้พูดความลับที่อยู่ในใจมานานออกไป ในที่สุดก็หลุดพ้น โล่งอกไปเลย

กวนเยว่หวั่นกลับตกใจ มองเขาด้วยความไม่น่าเชื่อ

เห็นว่าชายหนุ่มมีสายตาที่จริงจัง ไม่เหมือนล้อเล่น

เธอก็ได้ขยับริมฝีปาก ผ่านไปนาน ก็ได้พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “รุ่นพี่บอกว่ารับผิดชอบ……หมายความว่าไงคะ?”

จี้หยุนซูพูดอย่างจริงจัง “แต่งงานกับผมได้ไหม? ขอแค่เธอตกลง ผมรีบกลับไปบอกกับคุณพ่อคุณแม่ทันที ถึงตอนนั้นเลือกฤกษ์ดีๆ แล้วก็ไปสู่ขอที่คุณอาคุณน้า”

คำพูดของเขา ทำให้กวนเยว่หวั่นอึ้งไปหมดเลยทันที เวลาเดียวกันก็ได้ร้อนรนเล็กน้อย

แต่ง แต่งงาน?

คุณพระ เธอไม่เคยที่จะคิดมาก่อน

เธอชอบเขา เกิดเรื่องแบบนั้น เธอก็ไม่ได้โทษเขาโกรธเขามาก่อน จากนั้น ก็ได้ปล่อยวางลง แต่เธอก็ไม่ได้คิดที่จะแต่งงานเร็วขนาดนี้

กวนเยว่หวั่นก็ได้ก้มหน้าลงอย่างไม่ได้บังคับ ลังเลอยู่นาน ก็ได้ถาม “รุ่นพี่คิดแค่อยากรับผิดชอบเองเหรอคะ?”

เวลานั้นจี้หยุนซูที่ได้ตื่นเต้นมากๆ อยู่แล้ว ได้ยินเธอถามแบบนั้น ก็ได้รีบตอบไปอย่างอัตโนมัติว่า “แน่นอน เกิดเรื่องแบบนั้น จะให้เธอไปเผชิญคนเดียวไม่ได้”

กวนเยว่หวั่นได้ยินแบบนั้นก็ได้อึ้งไป ต่อด้วย สายตาก็ได้เย็นลงไป

ที่แท้……เป็นแบบนี้นี่เอง!

เธอคิดคิดว่า……

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset