วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 332 ปล่อยให้เธออิสระ

บทที่ 332 ปล่อยให้เธออิสระ

หัวยู่ยิ้มแย้ม โอบกอดเธอ พร้อมตบบนแผ่นหลังของเธอเบาๆ

“หากต้องการขอบคุณฉันจริงๆ ครั้งหน้าหากเจอพ่อก็อย่าโต้เถียงกับเขา เธอไม่ใช่เด็กแล้ว แถมยังเป็นแม่คนแล้วด้วย ควรมีเหตุผลหน่อย”

หัวเหยารู้สึกอบอุ่นใจ และรู้สึกแสบจมูกมากด้วย เธอพยักหน้าพร้อมน้ำตาเล็กน้อย

หัวยู่แอบกลับมาเงียบๆ ดังนั้นต้องรีบกลับไปที่โรงแรม ด้วยเหตุนี้เลยไม่ได้อยู่บ้านนาน หลังจากพูดคุยกับหัวเหยาเสร็จก็รีบไปทันที

หนังสือสัญญาได้รับมาแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พ่อกลับมาพบเห็น และหลีกเลี่ยงทั้งสองคนทะเลาะกัน หัวเหยาก็ตัดสินใจออกจากบ้าน ดังนั้นเธอเลยรีบกลับไปจัดกระเป๋าในห้องเพื่อเตรียมตัวจากไป

แต่คิดไม่ถึงเพิ่งจัดกระเป๋าไม่ทันไร ก็ได้ยินคนรับใช่พูดขึ้นจากนอกประตูว่า : “คุณหนูค่ะ มีแขกมาหาค่ะ”

เธอนิ่งอึ้ง และคิดไม่ออกชั่วขณะ ในเมืองจิ้นมีใครที่สามารถมาหาเธอในเวลานี้ได้อีก

แค่การกลับมาครั้งนี้ของเธอก็เป็นความลับแล้ว แถมตอนกลางวันก็ไม่ออกไปไหน ดังนั้นในบรรดาแขกมีจำนวนน้อยมากที่รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว

แถมเป็นคนโรคส่วนตัวสูงด้วย ต่อให้เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนก็ไม่น่าจะรู้ด้วยซ้ำ

ขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างนอกดังขึ้น

จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

หัวเหยาคิดไม่ถึงว่าคนรับใช้จะยอมพาแขกมาถึงห้องของเธอ เธอขมวดคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ขณะที่เดินไปเปิดประตูนั้น คิดไม่ถึงว่าประตูถูกเปิดขึ้นขณะที่เธอกำลังจะเปิดพอดี จากนั้นร่างเงาที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นหน้าประตู

หัวเหยาเบิกตากว้างขึ้น

จี้หลินยวน?

เขามาได้ยังไง?

สวรรค์!

หัวเหยาดึงสติกลับมา และรีบเดินกระโจนเข้าไป ฉวยโอกาสตอนที่ผู้ชายยังไม่เข้าห้องออกแรงปิดประตูทันที

แต่ไม่ทันเวลาแล้ว

ผู้ชายยื่นมือดันประตูไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ออกแรงอีกนิดก็สามารถเปิดประตูได้แล้ว

“จี้หลินยวน? คุณเป็นบ้าแล้วหรอ? คุณมาที่นี่ตอนนี้ทำไมหรอ?”

หัวเหยาใกล้จะบ้าตายแล้ว

แต่จี้หลินยวนกลับนิ่งเงียบ

เขาเปิดประตู แล้วเดินเข้ามา โดยที่ใบหน้ายังคงมีสีหน้าเย็นชา พร้อมกับจ้องมองเธอด้วยสายตาเมินเฉย

เมื่อหัวเหยาถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

เธอกลับเมืองจิ้นครั้งนี้ นอกจากเสี่ยวจ้าวกับจิ่งหนิงแล้ว ไม่มีใครรู้อีก

ซึ่งถือว่าเธอปกปิดความจริงกับเขา

คุณหญิงจิ้นกลับมาครั้งนี้แค่ระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้กลับเมืองFแล้ว ในฐานะที่จี้หลินยวนเป็นคนรุ่นหลังก็ต้องไปส่งเธออยู่แล้ว

ดังนั้นก่อนไป เขาได้ตกลงกับเธอแล้วว่า ในระหว่างที่เขายังไม่กลับมา ให้เธออยู่ในคฤหาสน์อย่างเชื่อฟัง และห้ามไม่ให้ออกไปไหน

แต่คิดไม่ถึงเขาเพิ่งไปได้ไม่นาน เธอก็หนีกลับมาแล้ว

ดังนั้นในตอนนี้จี้หลินยวนรู้สึกโกรธมากแค่ไหนคงดูออก

แต่หัวเหยากลับรู้สึกว่า เรื่องนี้ไม่สามารถกล่าวโทษเธอ!

เธอก็มีเรื่องของตัวเองที่ต้องจัดการ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ ทำไมเธอต้องเชื่อฟังเขาคนเดียวด้วย?

เมื่อคิดแบบนี้ เธอก็เงยหน้าจ้องมองเขาแวบหนึ่ง

และได้ยินผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ผมมาตั้งไกล คุณจะไปเชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยหรอ?”

หัวเหยานิ่งเงียบไม่พูดอะไร

เธอแค่หลีกทางให้เขาเข้าห้อง

จี้หลินยวนเดินเข้าในห้อง ไม่ได้รีบพูดเลยทันที แต่มองประเมินการตกแต่งห้องของเธอ

ในห้องจัดตกแต่งได้อ่อนโยนและหรูหรามาก

ในฐานะลูกสาวคนเดียวของตระกูลหัว แน่นอนว่าหัวเหยาได้รับการเอาอกเอาใจจากพ่อและพี่ชาย ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ไม่มีแม่ แต่ก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูแย่กว่าครอบครัวที่สมบูรณ์เลย

จี้หลินยวนมองประเมินเล็กน้อย แล้วเดินมานั่งบนโซฟาใกล้กับเตียงนอน

หัวเหยารู้สึกกังวลมาก เพราะที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลหัว มีความเป็นไปได้ที่จะมีกลับมา หากเขาถูกเปิดเผยฐานะ เธอคงแย่แน่ๆ

เธอนิ่งเงียบสักพัก และเตรียมใจเรียบร้อย จากนั้นก็ซักถามขึ้นว่า : “คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

จี้หลินยวนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ‘”ทำไมผมกลับมานะหรอ คุณไม่รู้จริงหรอ?”

หัวเหยาไม่กล้าสบตาเขา ก้มหน้าและพูดขึ้นว่า : “แล้วฉันจะไปรู้หรอ”

“เห่อ!” ผู้ชายหัวเราะเบาๆขึ้น โดยที่มีน้ำเสียงแห้ง

หัวเหยาเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาคอยอยู่เคียงข้างเธอและลูกมาตลอด ถึงแม้อารมณ์ยังคงไม่ดี แต่โดยรวมก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น

บางครั้งก็มอบภาพลวงตาให้กับเขา เหมือนกับทั้งสองคนหวนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขระยะสั้น

ด้วยเหตุนี้ สำหรับการจากลากันครั้งนี้ เธอรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

จี้หลินยวนเผยสีหน้าเย็นชาขึ้น และพูดขึ้นว่า : “ถ้าหากครั้งนี้ผมไม่มาหาคุณ คุณคงคิดจะหนีผมไปแบบนี้สินะ และไม่กลับมาหาผมอีก?”

หัวเหยาหัวใจสั่นเทาตามคำพูดเจ็บแสบของเขา

เธอเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย และเห็นใบหน้าของเขาเย็นชา ขณะเดียวกันก็มีสายตาเคียดแค้นด้วย

ดังนั้นเธอยิ่งรู้สึกเศร้าใจ

“เปล่าสักหน่อย เล่อเล่อยังอยู่ทางนั้นอีก ยังไงฉันก็ต้องกลับไป”

“เพื่อลูกเองหรอ?”

หัวเหยา:“……”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามกดดันของผู้ชาย เธอกลับไม่รู้ว่าควรตอบยังไงดี

เหมือนกับตอบยังไงก็ไม่ถูก

จากนั้นความรู้สึกเศร้าใจที่พูดไม่ได้ก็ล่ามขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจขึ้น

“แล้วจะยังไงอีกล่ะ? คุณชายจี้คิดว่าฉันต้องกลับไปเพื่ออะไรอีกล่ะ?”

จี้หลินยวนหัวเราะเย็นชาเบาๆขึ้น

“อืม ดีแล้ว หัวเหยาดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาผมให้เกียรติคุณมากเกินไป ทำให้คุณลืมว่า ตัวเองมีฐานะอะไรกันแน่?”

หัวเหยาเปลี่ยนสีหน้าทันที

วินาทีต่อมา คางก็ถูกคนจับไว้ แล้วเธอก็ถูกดันตัวแนบกับประตู

จี้หลินยวนขมวดคิ้ว พร้อมจ้องมองเธออย่างเคร่งขรึม เหมือนกับจะกลืนกินเธอทั้งตัว จากนั้นก็พูดขึ้นว่า : “หากไม่เห็นแก่ว่าคุณเป็นแม่ของลูกผม คุณเชื่อไหมว่าคุณคงตายหลายครั้งแล้ว”

หัวเหยารู้สึกเจ็บคางมาก เลยคิดอยากพูดอธิบาย

แต่เธอกลับนิ่งเงียบสักพัก และเปลี่ยนเรื่องคุย

เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตายืนหยัด “ใช่ ในใจของคุณ ฉันสมควรตาย ฉันหลอกคุณ กลั่นแกล้งคุณ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว คุณยังจะมาหาฉันทำไมอีก?”

จี้หลินยวนนิ่งอึ้งชั่วขณะ

หัวเหยายิ้มอย่างขืนข่มขึ้น : “ฉันยอมรับ ห้าปีก่อนฉันผิดต่อคุณ แต่ห้าปีนี้สิ่งที่ฉันต้องชดใช้ให้กับคุณคงเพียงพอแล้ว!

ตอนนี้ ตระกูลจิ้นของพวกคุณไม่ยอมรับฉัน คุณเองก็ใช่จะไม่รู้ คุณสามารถละทิ้งพวกเขาเพื่อฉันไหม? คุณสามารถละทิ้งจิ้นซื่อกรุ๊ปและอนาคตเพื่อฉันได้ไหม? คุณไม่สามารถ! ดูสิ นี่เป็นปัญหาใหญ่ระหว่างพวกเราสองคน”

“ฉันเป็นคนยังไง ฐานะอะไร ฉันย่อมรู้ตัวดี ในคืนวันนั้นคุณตั้งใจมายั่วโมโหฉัน แต่กลับให้ฉันเป็นคนรับผิดทุกอย่าง!”

“จี้หลินยวน เพราะฉันรักคุณ ฉันเลยสูญเสียทุกอย่าง งานของฉัน ชีวิตของฉัน ครอบครัวของฉันล้วนจากฉันไปหมดแล้ว!”

“แล้วคุณล่ะ? คุณยังคงเป็นคุณชายจิ้นที่สูงส่งเหมือนเดิม คุณยังคงเป็นประธานของจิ้นซื่อกรุ๊ป คุณยังคงมีหน้ามีตา”

“ถ้าหากพวกเราคบกันจริง แต้มต่อเดียวของฉันคือความรักของคุณ แต่ถ้าหากคุณหมดรักฉันสักวันหนึ่ง แล้วฉันเหลืออะไร?”

“จี้หลินยวน คุณเอาแต่พูดกับฉันว่าไม่ควรไปจากคุณ แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ทำไมฉันต้องไปจากคุณ?”

“ฉันเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ถือว่าฉันขอร้อง ปล่อยฉันเถอะ! ปล่อยฉันให้อิสระเถอะ และปล่อยให้ตัวเองอิสระด้วย!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset