วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 337 นอนเป็นเพื่อนเขาสักแปบ

บทที่ 337 นอนเป็นเพื่อนเขาสักแปบ

จี้หลินยวนเห็นทุกปฏิกิริยาตอบสนองของเธอ เขาอดใจไม่ไหวหรี่ตาเล็กน้อย

“คุณนายจี้ พอใจกับสิ่งที่คุณเห็นไหมครับ?”

เขายกมือเช็ดผมบนหัวด้วยผ้าขนหนูพลาง และซักถามพลาง

หัวเหยายิ่งมีสีหน้าแดงก่ำ และกระแอมอย่างเก้อเขินขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เม้มริมฝีปาก และพูดขึ้นว่า : “ใครอยากดูคุณ! หน้าไม่อาย!”

ขณะที่พูดก็หันหน้ากลับมา และแสร้งทำเป็นไม่สนใจเขา

เมื่อเห็นท่าทางปากแข็งของเธอ เขาก็ยิ่งรู้สึกเบิกบานใจ

จี้หลินยวนอารมณ์ดีขึ้นมาก ในตอนนี้ท่าทางเย็นชาที่มีมาตลอดได้สลายหายไปแล้ว

หลังจากเช็ดหัวจนแห้งก็เดินขึ้นบนเตียง

หัวเหยาจิตใจกำลังปั่นป่วน จู่ๆก็รู้สึกว่าข้างหลังมีแรงกดทับขึ้น

เธอสะดุ้งตกใจ พร้อมลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องมองผู้ชายที่กำลังห่มผ้าบนเตียง

จากนั้นเธอก็ตะโกนร้องขึ้นว่า “คุณจะทำอะไร?”

จี้หลินยวนยักคิ้วอย่างไร้เดียงสา “นอน”

หัวเหยาเบิกตากว้างจ้องมองเขา “ไม่ใช่ว่าคุณมีห้องของตัวเองหรอกหรอ? งั้นก็กลับไปนอนที่ห้องของตัวเองสิ!”

จี้หลินยวนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา และพูดอธิบายว่า : “ก่อนหน้านี้พวกเรายังไม่แต่งงานกัน แน่นอนว่าต้องแยกห้องนอน แต่ตอนนี้พวกเราแต่งงานถูกต้องตามกฎหมายแล้ว คุณเคยเห็นสามีภรรยาคู่ไหนนอนแยกห้องบ้าง?”

หัวเหยา:“……”

เธอก็รู้!

เธอดึงผ้าห่มมาห่มตัวเองด้วยท่าทางโมโห และพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า : “ตอนนี้คุณก็ไม่ยังไม่ควรนอน กลางวันแสกๆแบบนี้นอนอะไรกัน?”

จี้หลินยวนพูดขึ้นว่า “แล้วทำไมคุณถึงนอนได้ล่ะ?”

“เพราะฉัน….เพราะฉันอารมณ์ไม่ดี ไม่ค่อยสบายตัว เข้าใจหรือยัง?”

จี้หลินยวนหรี่ตาเล็กน้อย

ไม่นานก็ยื่นมือเข้ามา

“ไม่สบายตัวตรงไหนหรอ? ไหนให้ผมดูหน่อยสิ”

หัวเหยาร่างกายแข็งทื่อทันที ที่เธอพูดไปก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น แต่ไม่ได้ไม่สบายจริงๆเลย

เมื่อเห็นผู้ชายยื่นมือเข้ามาก็รู้ว่าปิดบังไม่ได้ เลยลุกขึ้นมานั่ง

“โอเค ฉันไม่ได้ไม่สบาย และไม่อยากนอนด้วย ในเมื่อคุณอยากนอน คุณก็นอนเถอะ ฉันจะออกไปล่ะ”

ขณะที่พูดก็ดึงผ้าห่มออก แล้วลุกขึ้น

คิดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมา เธอจะถูกโอบกอด แล้วถูกดึงเข้าไปในผ้าห่ม แล้วผู้ชายก็เข้าไปด้วย พร้อมกับดึงเธอมากอดในอ้อมกอด

หัวเหยาโมโหมาก เลยตะคอกขึ้นว่า “จี้หลินยวน!”

จี้หลินยวนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า : “หยุดได้แล้ว อยู่เป็นเพื่อนผมแปบหนึ่งก่อน ผมสัญญาจะไม่ทำอะไรคุณ”

หัวเหยายังคงคิดอยากขัดขืน แต่แขนของผู้ชายทั้งสองข้างแข็งแรงเหมือนกับเหล็ก แทบขยับตัวไม่ได้เลย

เธอโมโหมาก เลยหันหน้าจ้องมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง

แต่เมื่อหันหน้ามา กลับสบตากับเขา เขาหลับตาอยู่ โดยที่รอบดวงตาเป็นสีเขียวคล้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอแทบไม่พบเลย

คงเป็นเพราะเหนื่อยมากจริงๆ ทั้งท่าทางและสีหน้าของเขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และเมื่อได้กลิ่นหอมอันคุ้นเคยจางๆในอ้อมกอดก็ยิ่งทำให้ผู้ชายผ่อนคลายมากขึ้น และความรู้สึกเหนื่อยล้าที่ปกปิดตอนแรกนั้น สุดท้ายก็ปล่อยออกมาทั้งหมด โดยไม่ปิดบังอะไร

หัวเหยาหยุดนิ่งชั่วขณะ ตอนแรกคิดอยากตะคอกด้วยความขุ่นเคือง แต่จู่ๆเธอก็หายโมโหเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเจาะแตก

เธอไม่รู้ว่าสองวันมานี้เขาอยู่ที่ไหน ทำอะไรบ้าง ทำไมถึงเหนื่อยขนาดนี้

แต่เมื่อกลับมาคิดก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถใจอ่อนได้ง่ายๆ

จู่ๆเธอก็อดใจพูดออกมาไม่ไหวว่า : “คุณปล่อยตัวฉันก่อน!”

ขณะที่พูดก็พยายามขัดขืนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จี้หลินยวนไม่ต่อต้าน แต่คลายมือออกเล็กน้อย ทำให้เธอสบายตัวมากขึ้นเล็กน้อย แต่มือของเขาก็ยังคงมั่นคง ไม่สามารถหลุดรอดไปได้

หัวเหยาพยายามลองหลายวิธีแล้ว และพบว่าไม่สามารถหนีไปได้ สุดท้ายก็ต้องล้มเลิก

ช่างเถอะ!

ถึงยังไงก็ไม่ใช่การนอนครั้งแรก ถ้าหากเขาอยากโอบกอดก็ปล่อยเขาเถอะ ไม่มีอะไรมากหรอก

เมื่อคิดได้แบบนี้ หัวเหยาก็ไม่พยายามขัดขืนแล้ว เธอนิ่งเงียบสักพัก และพูดขึ้นว่า : “คุณนอนแบบนี้ไม่สบายตัวนะ ถ้าหากเหนื่อยจริงๆก็นอนสักหน่อยเถอะ เดียวฉันอยู่ด้านข้างเป็นเพื่อน ไม่ไปไหนแล้ว”

เธอไม่คิดหนีไปไหนจริงๆ และไม่คิดหลอกเขาด้วย

แต่ผู้ขายยังคงปฏิเสธ

“ไม่ต้อง ให้ผมกอดคุณแบบนี้แหละ ผมถึงจะสบายใจ”

พูดจบก็โน้มใบหน้าเข้ามาวางบนหัวของเธอ แล้วสูบดมอย่างชื่นใจ

หัวเหยาร่างกายแข็งทื่อทันที

อ้อมกอดของเขาอบอุ่นมาก อบอุ่นจนเธอหายใจแทบไม่ออก

ในบรรยากาศมีกลิ่นหอมจางๆบนตัวของผู้ชาย เป็นกลิ่นของAgarwood

ความรู้สึกรำคาญใจตอนแรกของเธอ จู่ๆก็สงบนิ่งลงอย่างน่าแปลกประหลาด

ทั้งที่แปลกประหลาด แต่กลับเป็นกลิ่นที่อบอุ่น

แสงอาทิตย์ลอดผ่านทางหน้าต่าง บรรยากาศสงบนิ่ง ได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งสองคน

เธอนอนในอ้อมอกของเขาแบบนั้น เหมือนกับเวลากลับไปย้อนเมื่อห้าปีก่อน ในช่วงเวลานั้นเขาโอบกอดเธออย่างแน่นบนเตียง

หัวเหยาหลับตา และพยายามอดกลั้นความรู้สึกไว้

เหมือนกับสามารถสัมผัสความรู้สึกของผู้หญิงในอ้อมกอดได้ จี้หลินยวนหลับตา และก้มหน้าจูบบนหัวของเธอหนึ่งที และพูดด้วยน้ำเสียงแหบว่า : “ไม่ต้องคิดมากแล้ว นอนกันเถอะ!”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่แฝงความอ่อนโยนและนุ่มนวล

ถึงแม้ออกแรงโอบกอดเธอ แต่ก็ไม่แน่นมากจนเกินไป เพราะเขาไม่อยากให้เธอหนีไปไหน

จู่ๆหัวเหยาก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ และนิ่งเงียบสักพัก

ผ่านไปไม่กี่นาที ข้างหลังก็มีเสียงหายใจเป็นระดับดังขึ้น

เธอขยับตัวเล็กน้อย คิดอยากพลิกตัว แต่เพียงขยับเพียงนิดเดียว แขนก็บีบรัดแน่นขึ้นทันที

เธอจึงต้องจำยอมนอนในอ้อมกอดของเขา ไม่นานก็พูดขึ้นว่า “จี้หลินยวน…..”

“อืม?”

น้ำเสียงของผู้ชายจืดจาง เหมือนกับเหนื่อยล้าไม่ไหวแล้ว

เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา และพูดขึ้นว่า : “เปล่า นอนเถอะ!”

ผู้ชายยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วโอบกอดเธอยิ่งแน่นขึ้น จากนั้นก็นอนหลับอย่างสบายใจ

ตอนแรกคิดว่าค่ำคืนนี้คงนอนลำบาก

แต่คิดไม่ถึงผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง หัวเหยาก็นอนหลับแล้ว

ในความฝันนั้น เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่บนใบหน้า แถมยังรู้สึกร้อนอุ่นด้วย

จากนั้นก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดเบาๆขึ้นว่า

“เหยาเหยา ชั่วชีวิตนี้อย่าจากผมไปไหน”

เธอรู้สึกแสบตาขึ้น และบนใบหน้าอันเรียวเล็กที่ทับบนหมอนก็ไม่รู้ว่าเผยสีหน้าดีใจหรือโศกเศร้า เพียงแต่มีน้ำตาไหลออกมา

……

วันต่อมา จิ่งหนิงเพิ่งรู้ว่าหัวเหยาอยู่ด้วยกันกับจี้หลินยวน อีกอย่างยังทราบข่าวแต่งงานกันด้วย

ตอนเช้า หัวเหยากับจี้หลินยวนก็มารับเล่อเล่อด้วยกัน เมื่อจิ่งหนิงเห็นพวกเขามาด้วยกันก็รู้สึกตกใจ ต่อมาเพิ่งมารู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา

เพราะเป็นเพื่อนรักกัน ก่อนที่จิ่งหนิงรู้นั้น เธอแอบชอบจี้หลินยวนมาตลอด แถมยังตามจีบเขาหลายปีด้วย

ดังนั้นเมื่อรู้ว่าทั้งสองแต่งงานกัน แน่นอนว่าเธอดีใจแทนกับพวกเขา

คิดไม่ถึงยังรู้สึกดีใจแทบไม่ทันก็ได้ยินมาว่า เล่อเล่อเป็นลูกของจี้หลินยวน คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่ทำหัวเหยาท้องเมื่อปีที่แล้ว และทำให้ครอบครัวของหัวเหยาทะเลาะกันคือจี้หลินยวน

จิ่งหนิงตื่นตระหนกทันที

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset