วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 343 เสียใจภายหลัง

บทที่ 343 เสียใจภายหลัง

สีหน้าของกวนเยว่หวั่นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอมีความร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

ในเวลานี้ แม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างจี้หยุนซู ก็สังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เขาหันไปมองจิ่งหนิง สลับกับกวนเยว่หวั่น พร้อมกับนิ่วหน้า

“หวั่นหวั่น เธอไปรู้อะไรมาใช่ไหม? ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ที่นี่ อยากพูดอะไรก็พูดมาได้เลย”

ในขณะที่พูด ก็เอื้อมมือไปจับมือเล็กไว้ เพื่อให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

ความสับสนพันกันยุ่งในแววตาของกวนเยว่หวั่น เธอไม่ปริปากพูด

จิ่งหนิงไม่รีบร้อน เธอรอกวนเยว่หวั่นอย่างใจเย็น

สร้อยคอเส้นนั้นค่อนข้างยาว หลังจากใส่แล้ว จี้มักจะซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า

อีกทั้งเธอไม่ค่อยสวมเสื้อผ้าคอต่ำ ดังนั้น หากเธอไม่ได้รู้จักสร้อยคอเส้นนั้นตั้งแต่แรก คงไม่มีทางรู้เลยว่า จี้ที่อยู่บนนั้นคือทับทิม

กวนเยว่หวั่นดูสับสนขนาดนี้ ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอน

ตอนนี้กวนเยว่หวันก็ได้เผลอพูดออกมาแล้ว จิ่งหนิงรู้ดีว่า ถ้าหากกวนเยว่หวั่นต้องการพูด เธอคงจะพูดออกมาเอง และถ้าหากเธอไม่อยากพูด แม้เธอจะรบเร้าหรือคาดคั้นจากกวนเยว่หวั่นไปก็ไม่มีประโยชน์

ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกวนเยว่หวั่นถือว่าค่อนข้างดีทีเดียว เพราะจี้หยุนซูและลู่จิ่งเซินถือเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เธอกับกวนเยว่หวั่นจึงมีฐานะเป็นพี่สะใภ้และน้องสะใภ้ไปโดยปริยาย

ถ้าหากกวนเยว่หวั่นต้องการอยู่กับจี้หยุนซูอย่างมีความสุขในอนาคต เธอจะต้องไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อจิ่งหนิงอย่างแน่นอน

ในที่สุด ก็เป็นไปอย่างที่จิ่งหนิงคาดเดา

หลังจากกวนเยว่หวั่นตีกับตัวเองได้สักพัก และแล้วเธอก็ตัดสินใจบอกความจริง

เธอมองไปที่จิ่งหนิงด้วยสีหน้าลังเล พร้อมกับพูดอย่างสับสน:“หนิงหนิง อันที่จริงฉัน…เคยเห็นสร้อยคอเส้นนั้นมาก่อน”

จิ่งหนิงเลิกคิ้ว

“คุณเห็นที่ไหน?”

“ฉันก็จำไม่ค่อยได้ ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก น่าจะเป็นตอนที่ฉันกลับไปเล่นกับน้าที่บ้านเก่า ฉันเห็นสร้อยเส้นนั้นที่ห้องของน้า แต่รายละเอียดฉันจำไม่ค่อยได้ เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว”

สีหน้าของจิ่งหนิงเปลี่ยนไป

“น้าคือใคร?”

จี้หยุนซูอธิบายว่า:“ลูกสาวเพียงคนเดียวที่มีสายเลือดโดยตรงของตระกูลกวน มีฐานะเป็นน้าของหวั่นหวั่น ก็คือกวนจี้หวั่น”

จิ่งหนิงตกใจสุดขีด

กวนจี้หวั่น?

เป็นไปได้อย่างไร?

เมื่อมองไปที่ท่าทางตกใจของเธอ กวนเยว่หวั่นจึงรีบกล่าวเสริม:“แต่ฉันก็จำไม่ค่อยได้ ฉันแค่รู้สึกว่าสร้อยเส้นนั้นที่คุณใส่ก่อนหน้านี้ คล้ายกับที่เส้นที่ฉันเคยเห็นตอนเด็กๆ มาก แต่จะเป็นสร้อยเส้นเดียวกันหรือไม่นั้น ฉันไม่แน่ใจจริงๆ ค่ะ ดังนั้นฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้”

จิ่งหนิงมีสีหน้าเคร่งเครียด เธอไม่ได้พูดอะไร

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ ๆ เธอก็นึกถึงคำพูดที่หวังเสว่เหมยพูดกับเธอ เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่เธอได้สร้อยคอเส้นนั้นกลับคืน

เธอบอกว่า จิ่งหนิง สักวันเธอจะต้องเสียใจ!

ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น?

เธอจะต้องเสียใจอะไร?

ทันใดนั้น จิ่งหนิงก็ไม่กล้าที่จะคิดต่อ มีของอะไรบางอย่าง ก็เหมือนกับเมล็ดพืชที่ฝังอยู่ลึกลงไปในดิน ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พืชจะทะลุผืนดินขึ้นมา

กวนเยว่หวั่นสังเกตเห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของจิ่งหนิง ทำให้เธอรู้สึกเสียใจ และโทษตัวเองที่พูดเรื่องไม่สมควรพูดออกไป

ในขณะนั้น ดวงตากลมโตคู่หนึ่งได้จ้องมองมายังพวกเขาจากทางด้านข้าง ดวงตาไร้เดียงสามองพวกผู้ใหญ่พูดคุยกันในสิ่งที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ ทันใดนั้น อานอานที่กำลังทานขนมอยู่ ก็เกิดดวงตาเป็นประกายขึ้น

เธอร้องออกมาว่า“แดดดี้” อย่างดีใจว่า และรีบวิ่งไปทางประตู

จิ่งหนิงได้สติ เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นลู่จิ่งเซินกำลังเดินมา

บรรยากาศอันแสนตึงเครียดก็ทุเลาลงทันทีที่เขามาถึง กวนเยว่หวั่นและจี้หยุนซูยืนขึ้น และทักทายลู่จิ่งเซินด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายสอง พี่มาแล้ว”

ลู่จิ่งเซินอุ้มอานอานขึ้น และพยักหน้าให้พวกเขา

เขามองกลับไปทางจิ่งหนิง ก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนัก

เขาขมวดคิ้ว และถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้พวกเธอคุยอะไรกัน?”

สีหน้าของกวนเยว่หวั่นและจี้หยุนซูเปลี่ยนไป

ชื่อเสียงเรื่องการปกป้องภรรยาของลู่จิ่งเซินเป็นที่รู้กันดีในหมู่พี่น้อง ถ้าเขารู้ว่า ตัวเองทำให้จิ่งหนิงไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าจะต้องโดนอะไรบ้าง

ดังนั้น จี้หยุนซูจึงเอ่ยขึ้นด้วยสายตามุ่งมั่น:“คือว่าพี่ชายสอง พวกเรายังมีเรื่องอย่างอื่นต้องทำ ดังนั้นผมไม่รบกวนพวกพี่แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

พูดเสร็จเขาก็รีบดึงกวนเยว่หวั่นออกไปด้วยกัน

ลู่จิ่งเซินเหลือบมองพวกเขาอย่างพิจารณา เขานั่งลงข้างๆ จิ่งหนิงโดยมีอานอานอยู่ในอ้อมกอด และพูดขึ้นเบาๆ ว่า “น้องจี้พูดอะไรกับคุณ?”

จิ่งหนิงส่ายศีรษะ

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง:“ไม่ใช่หมอจี้ แต่เป็นกวนเยว่หวั่น”

ลู่จิ่งเซินย่นคิ้ว

จิ่งหนิงถอนหายใจ

“อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เป็นเรื่องสร้อยคอที่แม่ของฉันทิ้งไว้ให้ กวนเยว่หวั่นบอกว่า ตอนที่เธอยังเด็กเธอเคยเห็นสร้อยเส้นนี้ที่บ้านของตระกูลกวน ฉันรู้สึกสงสัยนิดหน่อย เพราะตามหลักแล้ว แม่ของฉันและตระกูลกวนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เมื่อสิบหรือยี่สิบปีก่อน สร้อยเส้นนั้นไม่มีทางที่จะไปอยู่ในบ้านของตระกูลกวนได้ แต่กวนเยว่หวั่นบอกว่าเธอเคยเห็น ฉันนึกไม่ออกว่า…”

สีหน้าของลู่จิ่งเซินดูเคร่งเครียดเล็กน้อย

“เธอได้บอกไหมว่าเธอเห็นสร้อยเส้นนั้นเมื่อไหร่?”

จิ่งหนิงผงะ เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ จิ่งหนิงรีบสั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ฉันลืมถาม”

“ไว้ถามคราวหลังก็แล้วกัน”

“ค่ะ”

ในไม่ช้า จิ่งหนิงก็สบโอกาส เธอได้เข้าไปถามกวนเยว่หวั่นเป็นการส่วนตัว

แต่กวนเยว่หวั่นก็จำได้เพียงเลือนราง เธอจำได้เพียงแค่ตอนที่เธออายุได้ไม่กี่ขวบ เนื่องจากพ่อของเธออยู่ใกล้บ้านของตระกูลกวน เธอจึงมีโอกาสได้ไปเล่นที่บ้านนั้นบ่อยๆ

แต่ต่อมาพ่อของเธอก็ถูกทางฝั่งบ้านเก่าเขี่ยทิ้ง โอกาสไปมาหาสู่กับบ้านหลังเก่านั้นก็น้อยลงไปด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร พวกเขาก็ไม่ได้ไปที่บ้านหลังเก่านั้นอีก

ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ในขณะที่เธอค่อยๆเติบโต เธอก็เริ่มโดดเด่นขึ้นในหมู่ของรุ่นที่เด็กกว่า และความสามารถนี้ได้นำมาซึ่งโอกาสมากมาย

ดังนั้น หากเธอจำไม่ผิด เธอคงอายุได้เพียงไม่กี่ขวบ เมื่อเห็นสร้อยคอเส้นนั้น

หลังจากที่จิ่งหนิงฟังเสร็จ แม้ว่าเธอจะไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังไปเสียทีเดียว

เพราะไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาของพวกเธอเองก็เท่านั้น

กวนจี้หวั่นจากไปแล้ว ไม่ว่าสร้อยเส้นนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอหรือไม่ ตอนนี้มันก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป

สำหรับเธอแล้ว สร้อยเส้นนั้นก็เป็นเพียงแค่ความทรงจำที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้เธอก็เท่านั้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว จิ่งหนิงก็ไม่ได้ติดใจกับเรื่องนี้อีกต่อไป หลังจากทานอาหารมื้อค่ำเสร็จ เธอก็ตามทุกคนไปยังสวนดอกไม้กลางแจ้งด้านหลัง

สวนถูกสร้างขึ้นบนผืนน้ำ มีน้ำพุแฟนซีขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ใกล้สนามหญ้ามีโต๊ะและบาร์เล็กๆ มากมาย มีเครื่องดื่มและของว่างหลากหลาย อีกด้านหนึ่งของสนามหญ้ามีนักดนตรีมืออาชีพคอยบรรเลงเพลง ให้กลิ่นอายของตะวันตกเจืออยู่ในบรรยากาศ

อานอานถูกคุณนายใหญ่พาตัวไป ดังนั้นจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินจึงได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง

เฟิงยี่ จี้หลินยวน และคนอื่นๆ ก็มาด้วย แม้ว่าจิ่งหนิงจะมีข้อกังขามากมายเกี่ยวกับจี้หลินยวน แต่เนื่องจากวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของนายท่านใหญ่กวน เธอไม่ควรทำอะไรที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร

พวกเขาจับกลุ่มคุยกัน พูดคุยกันได้สักพัก พวกเขาก็เห็นร่างบางของหญิงสาวเดินมาทางนี้

“คุณชายลู่ คุณชายเฟิง คุณชายจี้ คุณหัว พี่สาว พวกคุณมากันแล้ว”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset