วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 391 มีคนคิดร้าย

บทที่ 391 มีคนคิดร้าย

จิ่งหนิงรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก

ราวกับว่ามีคนกำลังเอาขวานนั้นมาผ่าศีรษะเธอออกให้แยกจากกัน มันเจ็บปวดจนแทบจะระเบิดออกมา

ทั้งร่างกายก็รู้สึกอ่อนล้าไปหมด ศีรษะที่ด้านหลังก็มีอาการปวดอย่างรุนแรง

เธอเจ็บปวดจนร้องออกมาด้วยเสียงอู้อี้ในลำคอ เธอถูกพันด้วยผ้าห่ม จิตใต้สำนึกทำให้เธอนั้นเอามือคลำหาคนที่อยู่ด้านข้าง หลับตาลงและตะโกนออกมา “ลู่จิ่งเซิน…….”

เวลาผ่านไป แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับ

ในที่สุดจิ่งหนิงก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ

แต่ก็มองเห็นเพียงแสงสลัวๆในห้องมืดๆ รอบข้างนั้นถูกตกแต่งไปด้วยผ้าสีขาวดำที่เรียบง่าย มันไม่ใช่รูปแบบที่เธอคุ้นเคย

นี่มันคือที่ไหนกันนะ?

ความทรงจำก่อนที่จะสลบไปก็ค่อยๆกลับมา เธอคิดอย่างมึนๆงงๆ สายตาของเธอไปสะดุดอยู่ที่LOGOของเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เธอก็ตกใจจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

ที่นี่มันโรงแรม Musiหนิ!

จิ่งหนิงตกใจเป็นอย่างมาก เธอรีบร้อนลุกนั่งทันที และค่อยๆขยับ จากนั้นก็เพิ่งจะพบว่าที่บนเตียงนั้น นอกจากจะมีเธอแล้ว ก็ยังมีคนอีกคนหนึ่ง

นี่มันกู้ซือเฉียนหนิ!

สีหน้าเธอเปลี่ยนทันที!

ในตอนนี้กู้ซือเฉียนก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา เขาขมวดคิ้ว เมื่อเขาได้มองเห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ก็ถึงกับตกตะลึง จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาช้าๆ

“Sevenน้อย ถึงแม้ว่าเธออยากจะนอนกับพี่ชาย ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีที่ดุร้ายแบบนี้เลยหนิ ถึงขนาดที่ต้องวางยาในเหล้าและเอาฉันมาไว้ที่นี่นะหรอ? เหอะๆ วิธีมันก็ตรงดีนะ แต่ฉันไม่ชอบ”

“หุบปากไปเลยนะ!”

จิ่งหนิงกำลังจะเป็นบ้าแล้ว

เธอเอามือลูบจับไปที่ศีรษะของตัวเอง และค่อยๆคิดทบทวนอย่างละเอียด จากนั้นเธอก็มองไปที่ด้านขวาอย่างกะทันหัน ก็เห็นว่ากระเป๋าและโทรศัพท์ของเธอนั้นยังอยู่ครบ

เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความที่หัวเหยาส่งมาให้ตัวเองก่อนหน้านั้น

ข้อความก็ยังอยู่ หมายเลขโทรศัพท์ก็เป็นของเธอแน่ไม่ผิดเพี้ยน

สีหน้าของเธอเริ่มซีดเผือด นิ้วมือเริ่มสั่น เธอหยุดชะงักสักพักหนึ่ง จากนั้นก็โทรกลับไป

รอสายอยู่พักหนึ่ง ถึงจะมีคนรับสาย

“หนิงหนิง”

เสียงเรียกจากหัวเหยาดังเข้ามา เป็นน้ำเสียงที่อ่อนหวานและไพเราะ

จิ่งหนิงรู้สึกคอแห้งไปหมด เธอเงียบไปแปบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยถามออกมา “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ฉันหรอ? จะให้ฉันเป็นอะไรล่ะ?”

น้ำเสียงของหัวเหยายังคงขำๆ ไม่เหมือนกับคนที่กำลังจะต้องการขอความช่วยเหลือเลยสักนิด

เมื่ออีกฝั่งไม่ได้ยินเสียงจิ่งหนิงพูดอะไร จึงเกิดความรู้สึกสงสัย “หนิงหนิง เธอเป็นอะไร? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

จิ่งหนิงฝืนยิ้มออกมา

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไร แล้วเธอจะมาถามฉันทำไม?”

“ฉัน…….” เธอเม้มปากลง ค่อยๆกลืนน้ำลาย และพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ฉันแค่ฝันร้ายเฉยๆ เธอไม่ได้เป็นอะไร ก็โอเคแล้ว ฉันมีเรื่องที่ต้องไปทำต่อ ยังไงฉันวางสายก่อนนะ”

หัวเหยาได้ฟังก็ยิ้มออกมา ปลอบเธอคำสองคำจากนั้นก็วางสายไป

บรรยากาศในห้องเริ่มกลับมาเงียบแปลกๆ

ถึงขั้นที่จิ่งหนิงได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น ด้วยความรู้สึกที่ตื่นตระหนก

เธอบีบโทรศัพท์แน่น เห็นสายที่ไม่ได้รับอยู่สองสามสาย ล้วนแล้วแต่เป็นสายของลู่จิ่งเซิน

จริงๆจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่สุดท้ายเธอก็พอจะคาดเดาได้

มีคนจัดฉากพาเธอมาที่นี่ เพราะต้องการใช้สถานการณ์นี้ทำร้ายเธอ

โทรศัพท์จากหัวเหยานั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง

นี่ก็ไม่นับว่าเป็นวิธีที่ยากอะไรขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์หรือเสียงของหัวเหยา ทั้งหมดก็สามารถใช้วิธีการตัดต่อได้

จิ่งหนิงเคยอยู่ในวงการใต้ดินของต่างประเทศมาเป็นเวลาหลายปี จากอิงจากที่พูดแล้วนั้น วิธีการแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และไม่น่าจะโดนหลอกได้

เพียงแค่เธอห่างจากวงการนั้นมาเป็นเวลาหลายปี คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนใช้วิธีแบบนี้กับตัวเอง

และตอนที่เธอถูกหลอกนั้นก็อยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย จนเกิดความประมาทและทำให้โดนคนอื่นหลอก

เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอก็เงยหน้าขึ้นมาทันที มองไปทางกู้ซือเฉียนอย่างดุดัน

เมื่อกู้ซือเฉียนก็เช่นกัน ก็รู้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงโบกมือปฏิเสธ

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

จิ่งหนิงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

เธอเชื่อแน่นอนว่าเขานั้นไม่ได้เป็นคนทำ และยิ่งกู้ซือเฉียนนั้นเป็นคนฉลาดมีหัวการค้า ถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะร้ายเธอจริงๆ คงมีวิธีที่ฉลาดและดีกว่านี้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีบ้านๆแบบนี้

เพียงแค่……

สีหน้าของเธอเริ่มมืดมน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าบอกฉันนะว่าคุณโง่ถึงขนาดที่โดนคนคิดทำร้าย!”

กู้ซือเฉียนขมวดคิ้ว รอยยิ้มจางๆปรากฏนัยน์ตาของเขา

“Sevenน้อยแม้กระทั่งกับพี่ชาย เธอก็ไม่ไว้ใจเหรอ”

เขาพูดจบพลางลงจากเตียงแบบเงียบสงบ เมื่อเทียบกับสภาพอันยุ่งเหยิงของจิ่งหนิงนั้น เขาแต่งตัวเป็นระเบียบเรียบร้อย แทบจะไม่มีรอยยับอะไรเลย

เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าฝั่งตรงข้ามและเปิดออก

ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนกลิ้งออกมาจากตู้เสื้อผ้า

จิ่งหนิงตกใจเป็นอย่างมาก!

ชายกลางคนที่กลิ้งออกมาจากตู้เสื้อผ้า เมื่อได้มองเห็นใบหน้าของเธอ ก็แทบจะร้องไห้ออกมา

ในปากของเขาถูกผ้ายัดเอาไว้ มือทั้งสองข้างก็ถูกมัดอยู่ เพราะไม่สามารถพูดออกมาได้ ถึงทำได้แค่เพียงเปล่งเสียงอู้ๆอี้ๆออกมาเท่านั้น

จิ่งหนิงมองไปทางเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง “มู่ยั่นเจ๋อเหรอ?ทำไมถึงเป็นนายล่ะ!”

มู่ยั่นเจ๋อพยายามที่จะพูดออกมา แต่เนื่องจากตอนนี้การแสดงออกของเขานั้นมีขีดจำกัด ทำให้คนฟังนั้นไม่รู้เรื่องจริงๆ

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว กำลังคิดที่จะเดินไปเพื่อดึงผ้าออกจากปากของเขา แต่ในตอนนั้นเอง อยู่ๆก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านนอก

“พวกเธอแน่ใจนะว่าคนที่อยู่ข้างในคือจิ่งหนิงจริงๆ?”

“แน่ใจ!ก่อนหน้านี้ฉันเห็นเองกับตาว่าเธอนั้นควงแขนผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไป”

จิ่งหนิ่งและมู่ยั่นเจ๋อสีหน้าเริ่มเปลี่ยน

แต่กู้ซือเฉียนที่อยู่ด้านข้างนั้นกลับยืนกอดอกและแสดงสีหน้ายิ้มๆออกมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะรับชมการแสดง

ถึงตอนนี้จิ่งหนิงก็ยังคงไม่เข้าใจ คนพวกนี้ก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังของการจับตัวเธอมา

เมื่อคิดๆดู ภรรยาสาวของลู่ซื่อกรุ๊ปพบกับอดีตแฟน ถ้าข่าวแพร่ออกไปมันจะเป็นอย่างไรนะ?

คนพวกนั้นสามารถใช้โอกาสนี้ในการที่จะสร้างหัวข้อเขียนข่าวออกมาได้ไม่ใช่น้อยเลย เธอไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ!

เสียงเคาะประตูดังออกมาจากข้างนอก จิ่งหนิงไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เธอเอาตัวมู่ยั่นเจ๋อที่ถูกปล่อยโดยกู้ซือเฉียนนั้นยัดกลับเข้าไปในตู้ และก็ลากกู้ซือเฉียนไปที่ด้านข้างหน้าต่างและกระโดดขึ้น

“Sevenน้อยแต่นี่มันชั้น 15 เลยนะ ถึงแม้ว่าพี่ชายคนนี้จะชอบเธอ แต่ก็ไม่อยากกระดูกแตกเป็นชิ้นๆไปกับเธอหรอกนะ”

กู้ซือเฉียนยังคงเกิดความลังเล แต่ก็ถูกจิ่งหนิงลากขึ้นไป

“เลิกพูดจาไร้สาระสักทีได้ไหม! มากับฉัน!”

พูดจบเธอก็ดึงคอเสื้อเขา และลากเขาไปที่ระเบียงด้านข้าง

เมื่อกู้ซือเฉียนเห็นอย่างนั้น ก็หรี่ตาลงและยิ้มออกมาเบาๆ พร้อมกับส่ายหัว

“เหอะ หยาบคายจริงๆ”

ประตูถูกคนเปิดเข้ามา

ผู้คนที่พุ่งเข้ามานั้นนอกจากจะมีนักข่าว ก็ยังมีพนักงานของโรงแรมอีกด้วย

แต่เมื่อพวกเขาเข้ามานั้นก็พบแค่ห้องที่ว่างเปล่า ทุกคนก็มึนงงไปหมด

เมื่อคนที่จับตัวเธอมาเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นก็ตกใจ สีหน้าเปลี่ยนสี และพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้!ฉันเห็นกับตาว่าเธอนั้นเดินเข้ามา แล้วคนหายไปไหน?”

เมื่อถึงตอนนี้ ก็มีเสียงขยับดังออกมาจากตู้เสื้อผ้า

ทุกคนตกตะลึง มีคนหนึ่งรีบเดินเข้าไปและเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก

จากนั้นก็พบชายคนหนึ่งที่ถูกมัดตัวนั้นกลิ้งออกจากตู้

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset