วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 397 ยั่วยวนต่อหน้า

บทที่397 ยั่วยวนต่อหน้า

จิ่งหนิงทำตัวไม่ถูก

เธอก็สามารถพูดได้ว่า เธอแค่ต้องการซื้อมาเก็บสะสมก็ได้ไม่ใช่เหรอ?

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเรียบว่า “ไม่รบกวนคุณผู้หญิงดีกว่าครับ”

น่าหลันยางสำลักขึ้นมาอีกครั้ง

คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะหัวแข็งเช่นนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้

กลับเป็นจิ่งหนิงที่รู้สึกเคอะเขินซะแล้ว

กำลังจะพูดอะไรพอดี แต่ได้ยินแค่เพียงเสียงน่าหลันยางถอนหายใจ พูดขึ้นมาอีกว่า “คุณผู้ชายคะ บอกตามตรงนะคะ จริงๆแล้วปิ่นปักผมอันนั้น ฉันเตรียมจะซื้อให้พี่สาวของฉันให้เป็นของขวัญวันเกิด พี่สาวของฉันป่วยหนักมาก อย่างแรกคือได้ยินว่าเมื่อใส่แล้วช่วยเรื่องสุขภาพได้ อย่างที่สองพี่สาวฉันเคยเห็นรูปภาพของปิ่นมงคลอันนี้มาก่อนและหล่อนชอบมันมาก เพราะงั้นฉันถึงได้มาขอให้คุณช่วยวางมือและยอมให้ฉัน”

จิ่งหนิงเห็นสีหน้าของหล่อนเปลี่ยนไป ในใจก็รู้สึกอดไม่ได้

สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่ปิ่นปักผมอันหนึ่งก็เท่านั้น ตัวเธอเองก็แค่ซื้อมาเก็บไว้เล่นไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร

พี่สาวเขาป่วยหนักอยู่บนเตียง ในเมื่อชอบถึงขนาดนั้น ก็ยอมให้หล่อนเถอะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงดึงแขนเสื้อของฝ่ายชาย

“ลู่จิ่งเซิน”

ลู่จิ่งเซินรู้ได้ทันทีว่าเธอต้องการอะไร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

มองไปทางน่าหลันยางอย่างประชดประชัน

“ในเมื่อคุณผู้หญิงพูดมาขนาดนี้แล้ว งั้นก็เชิญครับ!”

ในที่สุดเมื่อเห็นเขายอมวางมือ น่าหลันยางก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

“ขอบคุณค่ะ จริงสิ ไม่ทราบว่าท่านชื่อ? วันนี้ที่ท่านยอมให้ฉัน ไว้มีโอกาสฉันจะมาขอบคุณอย่างแน่นอนค่ะ”

ลู่จิ่งเซินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

จิ่งหนิงรู้สึกเขินอาย

กลับดึงไปที่แขนเสื้อของเขาอีกครั้ง

เดี๋ยวก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในเมื่ออยู่ในที่สาธารณะก็ควรจะไว้หน้าผู้หญิงคนอื่นบ้าง

ไม่งั้นคนมองมาเยอะขนาดนี้ น่าอายแย่

ใบหน้าของลู่จิ่งเซินดูหม่นหมองเล็กน้อย เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ลู่จิ่งเซิน”

ดวงตาทั้งคู่ของน่าหลันยางก็สว่างไสวขึ้นมาทันทีทีสามคำนั้นออกจากปากเขา

“ท่านคือ…ลู่จิ่งเซิน? ผู้กุมอำนาจตระกูลลู่คนปัจจุบันคนนั้นของตระกูลใหญ่ทั้งสี่?”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม พยักหน้าตอบ

“สวัสดีค่ะ เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รู้จักท่าน คุณพ่อและฉันชื่นชมท่านมาตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้บังเอิญพบกันที่นี่”

สายตาของหล่อนมองไปที่จิ่งหนิงที่อยู่ข้างๆเขา “ภรรยาของท่านสวยมากเลยนะคะ เธอมีบุญจริงๆเลยนะ”

ลู่จิ่งเซินเห็นด้วยกับประโยคนั้นอย่างมาก “ขอบคุณสำหรับคำชม แต่คุณพูดผิดไปแล้วล่ะ การที่ได้มีเธอเป็นบุญของผมต่างหากล่ะ”

น่าหลันยางอึ้งไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอดูแข็งทื่อ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไม่รบกวนแล้ว ขอบคุณมากนะคะ”

หล่อนหันหลังกลับและไปยังที่นั่งของหล่อน

ท้ายที่สุดการประมูลปิ่นมงคลก็ตกเป็นของน่าหลันยางไป

จิ่งหนิงสังเกตเห็นใบหน้าของฝ่ายชายข้างๆเธอมีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก นึกว่าเขายังคงโกรธเพราะเรื่องเมื่อสักครู่ อดไม่ได้ที่จะกระซิบถาม “คุณโกรธเหรอ? ไม่เอาน่า! ก็แค่ปิ่นปักผมอันเดียวเอง”

ฝ่ายชายไม่ได้สนใจเธอ

จิ่งหนิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

นี่โกรธจริงๆ? หรือว่าโกรธเธอ

ต้องบอกก่อนว่า ทั้งสองคนนั้นคบหากันมาเป็นเวลานานขนาดนี้ ภายนอกชายหนุ่มคนนี้ดูเย็นชาและอำมหิตแต่เขามักจะพูดกับเธออย่างนุ่มนวล และเมื่อขออะไรก็ตามเธอก็จะได้สมดั่งปรารถนา แต่เรื่องเมื่อสักครู่นี้นั้น จะทำให้เขาโกรธเธอได้จริงๆงั้นเหรอ?

เป็นเพราะแค่เรื่องปิ่นอันนั้นอันเดียว? ไม่น่านะ!

เขาไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้นสักหน่อย!

ทำเอาจิ่งหนิงไม่เข้าใจ มองไปที่เฟิงยี่ที่อยู่ตรงหน้าเหมือนร้องขอความช่วยเหลือ

เฟิงยี่ป้องปาก หัวเราะจนตัวสั่นไปมา และก็ไม่รู้ว่ากำลังหัวเราะอะไรอยู่

เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อย

เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคนนี้มีอะไรปิดบังตัวเอง ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะรู้ในสิ่งที่เธอไม่รู้อย่างนั้นแหละ

หน้าเธอหม่นลง พูดอย่างหนักแน่นว่า “เฟิงยี่!”

หลังจากนั้นเฟิงยี่ก็ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้ เขาหัวเราะออกมา แต่เนื่องจากอยู่ในที่สาธารณะเขาจึงไม่กล้าที่จะหัวเราะอย่างเวอร์วังมากเกินไปหลังจากนั้นไม่นานก็หยุดหัวเราะและพูดขึ้นว่า “ พี่สะใภ้ พี่รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”

สีหน้าของจิ่งหนิงดูงงงวย “หล่อนบอกเองไม่ใช่เหรอว่า หล่อนชื่อน่าหลันยาง เป็นลูกสาวของแม่ทัพประเทศTอะไรนั่นน่ะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เฟิงยี่หัวเราะจนต้องเอามือกุมท้อง

จิ่งหนิง “…”

มันน่าขำมากนักเหรอ?

สักพักเฟิงยี่ก็หยุดหัวเราะลง ยิ้มแล้วพูดว่า “แม่ทัพแห่งประเทศ T เมื่อเขายังเด็กเขาได้รับการชำระล้างจากสงครามแล้ว และไม่สามารถแต่งงานได้ ลูกสาวนั่นจะมาจากไหนกันล่ะ?”

จิ่งหนิง นิ่งไปสักครู่

“ไม่หรอกมั้ง! ที่หล่อนพูดขนาดนั้น แปลว่าเมื่อกี้หล่อนหลอกพวกเรา?”

“ก็ไม่แน่ แต่จะว่าไปบนโลกนี้น่ะ ไม่ได้มีแค่ลูกสาวทางสายเลือดแต่ยังมีลูกสาวบุญธรรมอีกตั้งเยอะแยะ”

จิ่งหนิงนึกขึ้นมาได้ทันที

“อ่อ เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นนายขำอะไร? หล่อนเป็นลูกสาวบุญธรรมของจอมพลน่าหลันมันน่าขำมากเหรอ?”

เฟิงยี่พูดว่า “ที่ผมขำไม่ใช่เพราะสถานะของหล่อนหรอก เป็นเพราะพี่รีบเร่งผลักพี่รองออกไป ระวังเข้าสักวันจะได้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอพอจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป

“เหอะ นายคิดว่าทุกคนต้องเป็นเหมือนนายรึไง ได้เจอหญิงสวยๆสักคนก็ตามติดสาวไปแล้ว? ลู่จิ่งเซินของฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”

ดูเหมือนว่าประโยคนี้จะถูกใจชายหนุ่มคนหนึ่ง โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ลู่จิ่งเซินของฉัน”

เขายื่นมือออกมา ลูบไปที่หลังต้นคอของเธอ พูดเสียงเข้มว่า “เฟิงยี่ไม่จำเป็นต้องไปตามหล่อนหรอก ตัวหล่อนเองต่างหากล่ะที่จะเป็นฝ่ายตามติดเขา ผู้หญิงคนนั้นมีเล่ห์เหลี่ยมอีกเยอะ เธออย่าเอาตัวเข้าไปใกล้เลยจะดีกว่า”

จิ่งหนิงนิ่งไป “ทำไมล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าไม่รู้จะอธิบายกับเธออย่างไร

เฟิงยี่อดไม่ได้จริงๆจึงพูดขัดจังหวะขึ้น “พี่รู้ไหมว่าจอมพลน่าหลันมีลูกสาวบุญธรรมกี่คน?”

จิ่งหนิงส่ายหน้า

จอมพลน่าหลัน วันนี้เธอเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้ จะไปรู้ได้อย่างไรว่ามีลูกสาวบุญธรรมกี่คน?

เฟิงยี่ชูนิ้วขึ้นเป็นสัญลักษณ์ “28คน”

จิ่งหนิงตะลึงจนพูดไม่ออก

แม้จะบอกว่าลูกสาวบุญธรรมนั้นเทียบอะไรไม่ได้กับลูกแท้ๆ แต่28คน? นั่นมันมากเกินไป!

เฟิงยี่พูดต่อว่า “เธอถูกเรียกว่าลูกสาวบุญธรรมก็แค่ในนามเท่านั้น แต่อันที่จริงน่าหลันจิ่นเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นเครื่องมือไว้ดึงดูดใจผู้คน ผู้หญิงเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนจากเขาตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อเรียนรู้เทคนิคเอาใจผู้ชายต่างๆนาๆ และเมื่อถึงวัยพวกเธอจะถูกนำตัวไปใช้ดึงนักการเมืองทหารและการค้าจากทุกสาขาอาชีพมาเป็นพวก ในหลายปีที่ผ่านมามีกี่คนที่หลงกลอุบายของเขาและต้องยืนอยู่เคียงข้างเขา กลายเป็นก้อนหินที่เขามีสิทธิ์เหยียบย่ำ? ฮึ! ทักษะพวกนี้หล่อนต้องการที่จะใช้กับพี่รองแต่พวกเขาก็ยังมีฝีมืออ่อนอยู่!”

จิ่งหนิงไม่มีอะไรจะพูด

นี่ยังมีวิธีการอย่างนี้อยู่อีกเหรอ?

เป็นการกระทำที่ต่ำช้าเกินไปจริงๆ!

แต่ว่า…

เธอมองไปที่น่าหลันยางและมองไปที่เฟิงยี่อย่างสงสัย “ผู้หญิงแค่คนเดียวจะมีอิทธิพลมากมายขนาดนั้นเชียว? ทำไมฉันฟังดูแล้วมันเชื่อถือไม่ได้”

เฟิงยี่ ยิ้มก่อนจะพูดว่า : “พี่อย่าดูถูกผู้หญิงนะ ดูอย่างประธานลู่สิ ผู้มีสติปัญญาชาญฉลาดแต่เมื่อได้พบกับความรักที่แท้จริงและเขาก็เต็มใจที่จะตกไปอยู่ในมือของผู้หญิง? คนสมัยก่อนถึงได้บอกว่าขอให้ได้หญิงที่ถูกตาต้องใจ ถึงตายก็ถือว่าคุ้มค่า และนั่นไม่ใช่การหลอกลวง”

จิ่งหนิงสีหน้าคร่ำเครียด มองจ้องไปที่เขาแวบหนึ่ง

นี่มันการเปรียบเทียบอะไรกันเนี่ย?

เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีจุดมุ่งหมายอะไรอย่างนั้น!

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงแข็ง “พอได้แล้ว! หุบปาก”

เฟิงยี่ทำหน้าทะเล้นก่อนจะหยุดและไม่พูดต่อ

จิ่งหนิงคิดทบทวนคนเดียวในใจอย่างเงียบๆ น่าหลันยางเธอคนนี้เจ้าเล่ห์นัก ไม่รู้ว่าคำพูดที่หล่อนพูดเมื่อสักครู่เกี่ยวกับอาการป่วยหนักของพี่สาวนั้นเป็นความจริงรึเปล่า

ไม่รอให้เธอได้คิดไปไกลกว่านี้ ทันใดนั้นเธอก็ถูกต่างหูเพชรรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวดึงความสนใจซะไปแล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset