วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 444 เขาเป็นผู้ชายสารเลว

บทที่444 เขาเป็นผู้ชายสารเลว

ด้านหัวยู่ลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น: “ตอนนี้ฉันมีเงินไม่เยอะขนาดนั้น”

“มีเท่าไหร่?”

“ประมาณแปดล้าน”

“โอนให้ฉันก่อน ที่เหลือเดี๋ยวฉันหาทางเอง”

“ได้! แต่ว่า…”

เขานิ่งไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “เธอมีปัญหาอะไรรึเปล่า? เธอแน่ใจว่าสามารถจัดการเองได้นะ?”

หัวเหยาอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วอดหัวเราะไม่ได้ “วางใจเถอะ! ฉันไม่เป็นไรค่ะ เงินนี้ฉันจะคืนพี่ให้ไวเลย”

“หึ ไม่ต้องหรอก เธอดูแลตัวเองดี ๆ เถอะ นี่มันนานแค่ไหนแล้ว? เธอกับพ่อยังโกรธกันอยู่อีก ไอ้เจ้าจี้หลินยวนมันดีกับเธอรึเปล่า?”

หัวเหยาไม่อยากจะคุยอะไรแล้ว กลัวว่าตัวเองจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่จึงรีบตัดบท

“ดี ดีมากเลย พี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ”

“อือ งั้นก็ดี!”

“งั้นก็เท่านี้แหละ ฉันติดธุระ เอาไว้ค่อยคุยกัน บายบาย!”

“บายบาย!”

หลังจากวางสาย หัวเหยามองไปที่คำว่าวางสายในโทรศัพท์มือถือ และใจเต้น

ครู่หนึ่ง ก็ยกมุมปาก

ความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้นในใจของเธออย่างเงียบ ๆ

หลังจากออกจากสำนักงานใหญ่ของจิ้นซื่อกรุ๊ปเธอก็ขับรถกลับไปที่โรงแรม

ไม่คิดว่าพอถึงหน้าโรงแรมก็เห็นฉินเสี้ยน ลงมาจากรถพอดี

“คุณนายครับ คุณชายให้ผมมากับคุณนาย ถ้าหากต้องการอะไร บอกผมได้ตลอดเวลา”

หัวเหยามองเขาอย่างเย็นชาและสีหน้าไม่ดี

“คุณไปบอกเขาด้วย วันนี้ไม่ต้องมาหาฉัน ฉันไม่รับแขก!”

พูดจบแล้วก็เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปด้านใน

ฉินเสี้ยนนิ่งไปครู่หนึ่ง

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็แตะจมูกของเขา

แน่นอนว่าหากเจ้านายและเถ้าแก่เนี้ยของเขาอารมณ์ไม่ดี คนแรกที่จะโดนฟาดงวงฟาดงาก็คือผู้ช่วยอย่างเขานี่เอง

แต่เขาก็ยังคงไม่ไปไหน เขาเพียงแค่โทรศัพท์ไปบอกจี้หลินยวนในสิ่งที่หัวเหยาบอกเขา จากนั้นก็เดินตามเข้าไป

ฝั่งตรงข้ามจี้หลินยวนส่งเสียงออกจากหลังจากได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด

สายตาของเขาหันไปมองดูเอกสารที่เพิ่งให้คนนำเข้ามาให้เกี่ยวกับอาคารบ้านเก่าหลังนั้น

หึ!

คิดว่าเขาไม่รู้งั้นเหรอ?

บ้านหลังนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของเจนนิเฟอร์จิตรกรชื่อดังในยุคก่อน ไอดอลในใจของหัวเหยา

จิตรกรคนนั้นเสียชีวิตลงและไม่มีทายาท บ้านจึงถูกลูกหลานคนอื่นนำออกประมูล

หัวเหยาอยากได้บ้านหลังนี้ขนาดนี้ คงจะมีแค่ผีเท่านั้นที่รู้ว่าหัวเหยาคิดอะไร

เขาหัวเราะเยาะออกมา และทิ้งมันลงที่ด้านข้าง

แต่เมื่อคิดอีกนิด จึงหยิบมันกลับมา แล้วโทรหาฉินเสี้ยน

ตรวจสอบให้ที ว่าบ้านหลังนี้ขายเมื่อไหร่

ทางด้านฉินเสี้ยน นิ่งไป และไม่เข้าใจหัวสมองของเจ้านายของตัวเองเลย

แต่เขาเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยและไม่กล้าพูดอะไร ไม่กล้าถามอะไร ทำได้เพียงทำตามที่สั่ง

ไม่นานก็ตรวจเจอว่าเป็นวันมะรืน

จี้หลินยวนขมวดคิ้ว

“ช่วยจองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไฟล์ทพรุ่งนี้ให้ฉันที”

ฉินเสี้ยนตกใจ

“พรุ่งนี้?”

“มีปัญหา?”

“เอ่อ…ไม่มีครับ”

จี้หลินยวนวางสายโทรศัพท์อีกครั้ง

วันต่อมา

หัวเหยาเก็บกระเป๋าและกลับประเทศไปด้วยความโมโห

การมาประเทศ F ครั้งนี้ เดิมทีคิดจะมาขอความช่วยเหลือจากใครบางคนจึงมาหาเขาด้วยตนเอง ถ้าหากเขารับปากก็ถือว่าสมความตั้งใจ จากนั้นค่อยหาเวลาว่างไปหาจิ่งหนิงเพื่อเจอกันและไปเดินเล่น

ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะปฏิเสธเธอโดยที่ไม่แม้แต่จะคิดสักนิด

จนทำให้เธอไม่มีแก่ใจจะไปพบเจอจิ่งหนิงด้วยซ้ำ!

ด้วยความกังวลเกี่ยวกับเด็ก ๆ ที่บ้านเธอก็เก็บข้าวของและจากไปและสาบานอย่างลับ ๆ ว่าจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีก!

จนเธอกลับประเทศไปแล้ว จิ่งหนิงถึงรู้ว่าเธอมาที่ประเทศ F

หลังจากฟังคำบรรยายของเธอแล้วเธอก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

หัวเหยาก็คือหัวเหยา ถึงแม้จะผ่านเรื่องราวมากมาย ถึงวันนี้เธอจะไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลหัวแล้ว แต่เธอก็ยังทำอะไรตามใจและใจร้อนไม่เปลี่ยน

เธอหัวเราะแล้วพูด: “เธอยังขาดเงินอีกเท่าไหร่?”

“สองล้านกว่าแหนะ”

“ได้ เดี๋ยวฉันโอนให้นะ”

ดวงตาของหัวเหยาสว่างขึ้นในทันใด

“จริงเหรอ? หนิงหนิงขอบคุณนะ ฉันรักเธอมากเลย”

จิ่งหนิง “จึ๊” หนึ่งที “เธอเพิ่งจะมารักฉันตอนนี้เท่านั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว เธอเป็นสุดที่รักของฉัน ผู้ชายสารเลวนั่นไปตายเลยไป”

ทั้งสองคนหัวเราะร่วน และคุยกันอยู่นาน นัดว่าจะเจอกันหลังจากจิ่งหนิงกลับมา แล้วจึงวางสายไป

วันต่อมา

การประมูลจัดขึ้นที่โรงแรมตงฟางใจกลางเมืองหลวง

หลังจากทานอาหารกลางวันแล้วหัวเหยาก็กลับไปที่ห้องและหยิบชุดสีดำจากตู้เสื้อผ้า แต่งหน้าอ่อน ๆ แปลกตา และสวมสร้อยคอมุกอ่อนช้อยก่อนที่เธอจะหยิบกระเป๋าถือและเดินออกไป

เมื่อฉันพบกับคนรับใช้ที่ชั้นล่างอีกฝ่ายก็ประหลาดใจกับเธออย่างเห็นได้ชัด

เธอหัวเราะแล้วถามขึ้น: “คุณนาย แต่งตัวสวยแบบนี้ จะไปไหนเหรอคะ?”

หัวเหยายิ้ม “ไปงานประมูล”

“เหรคะ งั้นเดินทางปลอดภัยนะคะ กลับไว ๆ นะคะ”

“อือ รู้แล้วจ้ะ!”

หลังจากพูดเสร็จก็เข้าไปในรถ

วันนี้เธอไม่ได้ขับรถของตัวเอง แต่ขอให้คนขับรถของครอบครัวช่วยขับให้เธอ

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถก็มาถึงโรงแรมตงฟาง

โรงแรมตงฟาง เป็นหนึ่งในกิจการของกู้ซื่อกรุ๊ป มีทั้งห้องซาวน่า ห้องพัก KTV การจัดเลี้ยงสนามกอล์ฟและความบันเทิงอื่น ๆ เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียง

หัวเหยาเดินเข้าไปเพียงลำพัง เธอเดินเข้าไปในห้องโถงสุดอลังการ เห็นว่าผู้คนมากมายที่มาร่วมงานในวันนี้เป็นคนชั้นสูงในเมืองเจียง มีบางคนที่เคยคบค้ากับเธอก่อนหน้านี้ แต่พออะไร ๆ เปลี่ยนไป พอเจอกันอีกทีในวันนี้ พวกเขากลับทำเหมือนไม่รู้จักเธอแล้ว

งานประมูลเริ่มต้นขึ้นเวลาบ่ายสามโมง

เธอหาที่นั่งในมุมที่ลับตา สายตาจับจ้องในกลุ่มผู้คนและไม่พบเงาที่คุ้นตา

เธอก้มหน้ามองดูนาฬิกาข้อมือ เวลาผ่านไปเยอะแล้ว

เธอครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งนั่งอยู่ที่มุมห้องรออย่างเงียบ ๆ

เดิมทีแสงไฟในห้องประมูลสว่างมากในขณะที่พิธีกรประกาศการเริ่มการประมูลอย่างเป็นทางการไฟก็หรี่ลงโดยเหลือเพียงไฟสีขาวสองดวงบนเวทีไฟหนึ่งดวงส่องไปที่พิธีกรและอีกดวงตามรายการประมูลที่ค่อย ๆ ถูกนำมาโดยพนักงานการประมูล

“ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักกับสินค้าชุดแรกคือเครื่องลายครามราชวงศ์ถังซึ่งขุดพบในหยางโจวในปี 2006 เครื่องลายครามนี้ไม่เพียง แต่ในแง่ของสีหรืองานฝีมือเท่านั้น…”

พิธีกรแนะนำการประมูลบนเวทีอย่างคล่องแคล่ว แต่หัวเหยาไม่สนใจ

งานประมูลนั้นเป็นงานขนาดใหญ่คนที่มาร่วมงานส่วนมากนั่งอยู่แถวหน้า ๆ มีเพียงแค่เธอที่นั่งอยู่ตรงมุมแถวสุดท้าย หากไม่มองให้คงไม่เห็นเธอ

เวลาค่อย ๆ ผ่านไป สินค้าล้ำค่ามากมายถูกประมูลไปทีละชิ้น

จนถึงชิ้นสุดท้าย!

“เพื่อน ๆ ทุกท่าน ผมอยากจะแนะนำสินค้าชิ้นสุดท้ายที่นำออกประมูล โปรดดูที่หน้าจอ”

ทันใดนั้นจอที่ด้านหลังก็สว่างขึ้น ปรากฏเป็นภาพของบ้านเก่าหลังหนึ่ง ที่มีสีแบบโบราณอาคารเก่าแก่และเคร่งขรึมและบรรยากาศในประวัติศาสตร์ที่หนักหน่วง

“อาคารบ้านเก่าหลังนี้คาดว่าหลายท่านคงรู้จักกันดี เป็นที่อยู่ของเจนนิเฟอร์จิตรกรระดับนานาชาติรุ่นก่อน ตั้งอยู่ที่เชิงเขาภูเขาอานซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตปกครองทหารเมืองหลวง โชคร้ายที่อาจารย์เจนนิเฟอร์ได้จากโลกนี้ไปแล้ว และหลานโดยชอบธรรมของเขา คุณชายโม่ที่อายุน้อยและแตกต่างงที่สุดในเมืองหลวงยินดีที่จะนำมันออกเพื่อการประมูลโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและรายได้ทั้งหมดจะนำไปบริจาคให้กับศูนย์รักษาโรคเด็กออทิสติกของเมืองหลวง”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset