วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 537 ช่างไม่อายเหลือเกิน

บทที่ 537 ช่างไม่อายเหลือเกิน

เธอพูดเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่มีเวลาพูดไร้สาระกับคุณ ถอยออก!”

พูดจบ ก็อยากจะออกไป แต่ว่าย่างก้าวยังไม่ทันที่จะก้าวออกไป ก็โดนอานซินแย่งขวางทางไว้ก่อนแล้ว

อานซินแฝงไว้ด้วยเจตนาร้ายอมยิ้มอยู่ “ร้อนใจที่อยากจะไปขนาดนี้ คงไม่ใช่กลัวว่าฉันจะเปิดโปงเรื่องฉาวเหล่านั้นของแกออกมาล่ะ?”

อานเฉียวโมโหมาก ร้องเสียงเบาพูดว่า “อานซิน ตกลงว่าคุณอยากจะทำอะไรกันแน่?”

“ไม่อยากจะทำอะไร ก็แค่ทนดูลักษณะที่จอมปลอมเสแสร้งของแกไม่ได้ เตือนสติให้กับทุกคนเท่านั้น”

พูดจบ อยู่ดีๆเธอหันไปยังคนทั้งหลาย เสียงดังพูดว่า “พวกคุณยังไม่รู้ใช่ไหม? ผู้หญิงคนนี้ ภรรยาคุณชายเฟิงในปัจจุบันนี้ สองปีก่อนเป็นคนโด่งดังของเมืองหลวงเราล่ะ!

ในปีนั้นเถ้าแก่หลิวของหั้วกางกรุ๊ป ก็คือตายอยู่บนเตียงของนังจิ้งจอกคนนี้ เธอยังวางแผนอย่างบ้าระห่ำที่อยากจะมายั่วยวนสามีของฉัน เพียงแค่ไม่ได้ทำสำเร็จเท่านั้น ถ้าหากว่าพวกคุณไม่เชื่อล่ะก็ สามารถไปค้นหาข่าวของสองปีก่อน สามารถค้นหาออกมาได้อย่างแน่นอน!”

คนที่อยู่บริเวณนั้นฟังเธอพูดเช่นนี้ มีคนที่ความจำดี พอดีเคยอ่านข่าวนั้นมาก่อน ในทันทีนั้นก็จำอานเฉียวได้แล้ว รู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน

“อ่า ใช่! ฉันจำได้ ตอนนั้นบอกว่านักศึกษาเรียนจบม.ปลายคนหนึ่งถูกเสี่ยเลี้ยงไว้ ผลสุดท้ายทำให้เสี่ยเลี้ยงคลั่งมากเกินไปจนตายอยู่บนเตียง จะไม่ใช่เธอหรือ!”

“จริงๆหรือ?”

“จริงแน่นอน! ตอนนั้นข่าวนั้นครึกโครมฮือฮานะ”

“โอ้พระเจ้า คิดไม่ถึงจริงๆนะ ดูแล้วเป็นผู้หญิงที่สวยสะอาดบริสุทธิ์มากคนหนึ่งล่ะ”

“ไอ้ ในยุคปัจจุบันนี้ คุณยังจะเชื่อความสวยสะอาดบริสุทธิ์อะไร ล้วนแกล้งทำออกมา”

“ไม่น่าล่ะที่จะยั่วยวนคุณชายเฟิงได้! นี่ก็ช่างไม่อายเหลือเกินแล้วล่ะ!”

อานเฉียวจ้องมองคนเหล่านั้นชี้นิ้วซุบซิบต่อตนเอง บนใบหน้าหัวเราะเยาะบ้าง รังเกียจบ้าง เกลียดบ้าง เห็นใจบ้าง ความรู้สึกก็เหมือนดั่งกลับไปที่สองปีก่อนอีก กลายเป็นเป้าที่ถูกประชาชนทั่วไปโจมตี โดนน้ำลายเหล่านั้นโจมตีจนไม่มีชิ้นดี

เธอโมโหจนสั่นระริกทั้งตัว อยากจะไป กลับโดนอานซินขวางทางไปไว้ อยากจะอธิบายอ้าปากขึ้นมากลับพบเห็นว่าไร้คำพูดที่จะพูด ดวงตาค่อยๆแดงขึ้นมาน้ำตาใหญ่เท่าเม็ดถั่วแขวนอยู่ในขอบตากัดริมฝีปากไว้อย่างรุนแรง กลับทำยังไงก็ไม่ยอมที่จะตกลงมา

อานเฉียว เข้มแข็งหน่อย! สิ่งเหล่านี้ ตั้งแต่สองปีก่อนคุณก็เคยประสบพบเจอแล้วไม่ใช่หรือ?

ถ้าหากว่าในตอนนี้คุณยังอ่อนแอเหมือนดั่งแต่ก่อนแบบนั้น งั้นความทุกข์ทรมานที่ได้รับมาในสองปีนี้จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ?

เธอสูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที เงยหน้าขึ้น สายตาดุร้ายจ้องมอง

อานซิน

“อานซิน ตกลงว่าฉันทำอะไรไม่ดีกับคุณหรือ คุณจะต้องพุ่งเป้าหมายไปยังฉันแบบนี้ล่ะ?”

อานซินฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง แขนสองข้างกอดอกไว้ ดูแล้วหยิ่งยโสเหลือเกิน

“ฉันพุ่งเป้าหมายไปยังคุณหรือ? ฉันเพียงแค่พูดความจริงออกมาเท่านั้น”

“แต่ความจริงทั้งๆที่ว่าไม่ใช่เป็นเช่นนี้!”

อานเฉียวกัดฟันไว้ จ้องมองเฉียวจื่อยู่หนึ่งที พูดว่า “ในตอนนั้นถ้าหากว่าไม่ใช่คุณบอกกับฉันว่าเฉียวจื่อยู่อยู่ในโรงแรม เป็นไปได้ยังไงที่ฉันจะเข้าไปล่ะ? ทั้งๆก็เป็นคุณหลอกฉัน!”

“อานเฉียว คุณอยากจะพูดโกหกก็รบกวนแต่งคำพูดโกหกสมจริงหน่อยได้ไหม? ตอนเวลานั้นจื่อยู่คืออยู่โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง แต่ว่าคืออยู่ด้วยกันกับฉัน คุณกลับพูดว่าฉันเรียกคุณไปหาเขาที่โรงแรมฉันโง่หรือ? ทั้งๆที่รู้ว่าคุณอยากจะแย่งแฟนฉัน ฉันยังจะให้คุณไปหาเขาที่โรงแรมหรือ?”

ในใจอานเฉียวตื่นตะลึง ทันทีนั้นพูดไม่ออก

ใช่สิ ความจริงก็เป็นเช่นนี้ เธอได้รับสายอานซินบอกว่าเฉียวจื่อยู่ไปเปิดห้องที่โรงแรมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จริงแล้วเธอไม่เชื่อสักนิด เพียงแค่หลบการยุแยงของอานซินให้พ้นก็เข้าไปเลย กลับนึกไม่ถึงทันทีที่ออกจากลิฟต์ ก็ล้มสลบไปเลย

จากนั้นวันที่สอง ก็ปรากฏภาพที่ทำให้เธอกระดากอายทั้งชีวิตแบบนั้นแล้ว

จากนั้นเธอจึงรู้ว่า ก็อยู่ในคืนนั้น เฉียวจื่อยู่เปิดห้องมีความสัมพันธ์กับอานซินแล้ว

แต่เธอเป็นคนหนุ่มสาวที่เติบโตเล่นด้วยกันมาแต่เด็กๆกับเฉียวจื่อยู่มาห้าปี ความรักที่ไม่ได้เปิดเผย ก็กลายเป็นความลับตลอดกาล

อานเฉียวหลับตาแล้วหลับตาอีก กำกำปั้นอย่างแน่น สู้สุดชีวิตบอกกับตนเองต้องใจเย็น

อย่าหลงกลอานซิน!

เธอจะให้เธอสูญเสียการควบคุม หน้าแตก แต่เธอจะไม่!

ผ่านไปสักพัก เธอลืมตาขึ้น นัยน์ตาไม่มีความอ่อนแอกับความโมโหในเมื่อกี้อีก กำลังจะพูด อยู่ดีๆ ในแขกผู้มีเกียรติไม่รู้ว่าเป็นใครเปล่งเสียงเรียกที่ตกตะลึงเสียงหนึ่ง “คุณชายเฟิงหรือ?”

อานเฉียวตื่นตะลึงเล็กน้อยทันที เงยหน้าไปมอง เพียงแค่เห็นเฟิงเหยี่ยนยืนอยู่หน้าประตู กายยาวสูงเรียว บุคลิกดีโดดเด่น

แสงไฟสีส้มตกอยู่บนไหล่เขา สาดส่องเส้นเงาที่เดิมทีเย็นชาเข้มงวดจนมีความอ่อนโยนเล็กน้อย หน้าข้างๆข้างหนึ่งหลบอยู่ที่มืด ปรากฏให้เห็นหน้าตายิ่งคมชัดขึ้นมา ตาดำลึกเงียบ ริมฝีปากบางๆตึงเครียด แรงพลังที่ห่อเหี่ยวล้วนกระจายอยู่บริเวณกาย

ปฏิกิริยาแรกของอานเฉียวคือ เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?

ปฏิกิริยาที่สองคือ คำพูดเหล่านั้นที่อานซินพูดเมื่อกี้ เขาล้วนได้ยินแล้วใช่หรือไม่?

สีหน้าอานเฉียวซีดขาวเล็กน้อย

สีหน้าเฟิงเหยี่ยนตึงเครียด ก้าวเท้าออกไป เดินก้าวใหญ่มายังอานเฉียว

อานซินและคนอื่นๆล้วนเคยเห็นเฟิงเหยี่ยนมาก่อน แต่ในเวลานี้ มองเห็นสีหน้าขึงลับของผู้ชาย ในใจอดไม่ได้ที่จะสะใจขึ้นมา

เหอะ! อานเฉียว แกคิดว่าแกเหนี่ยวเกาะกิ่งไม้สูงก็สามารถกลายเป็นหงส์ได้หรือ? แต่ไม่รู้ว่าฉันใช้เพียงแค่กี่ประโยคก็สามารถตีแกกลับคืนสู่ร่างเดิมได้ ฉันก็จะไม่เชื่อว่าถ้าคุณชายเฟิงรู้เรื่องฉาวเหล่านั้นของแกแต่ก่อนแล้ว ยังจะไม่ถือสาสักนิดอยู่ด้วยกันกับแกได้!

เธอได้จินตนาการอยู่ในใจแล้วมากมายอีกสักครู่ปฏิกิริยาที่ควรมีของเฟิงเหยี่ยน รอดูอานเฉียวตกลงจะหน้าแตกยังไง

แต่ว่า กลับเห็นเฟิงเหยี่ยนเดินไปยังข้างกายอานเฉียว กดไหล่ของเธอไว้พินิจพิเคราะห์ขึ้นลงหนึ่งที ห่วงใยพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ?”

อานเฉียวกัดริมฝีปากไว้อย่างแน่น ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก

“โอ้ว! นี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”

เสียงผู้ชายที่แท้เข้มข้นงดงามดังขึ้น คนทั้งหลายนี่จึงสังเกตเห็น เฟิงยี่ก็ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ นัยน์ตาดอกท้อคู่หนึ่งยิ้มตาหยีพินิจพิเคราะห์อานเฉียวอยู่ ยิ้มพูดว่า “พี่สะใภ้ตัวเล็ก ใครรังแกคุณแล้วล่ะ? บอกกับผม ผมจะช่วยแก้แค้นให้คุณ”

อานเฉียวจ้องมองเขาหนึ่งที ไม่ได้พูด

แต่กลับเป็นแขกผู้เกียรติที่อยู่ข้างๆมีความไม่ใจเย็นเล็กน้อยแล้ว เฟิงยี่เป็นใครกัน ที่จะสามารถให้เขาเรียกว่าพี่สะใภ้ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของอานเฉียวกับเฟิงเหยี่ยนไม่เหมือนที่ทุกคนคาดเดาแบบนั้นเลย

ในทันทีนั้นคนที่รู้จักวางตัวล้วนเงียบไปแล้ว อานซินจ้องมองลักษณะที่เฟิงเหยี่ยนกอดอานเฉียวไว้รักเอ็นดูเต็มใบหน้า ไม่สมัครใจเหลือเกินพูดว่า “คุณเฟิง คำพูดของเมื่อกี้ที่ฉันพูดเป็นความจริงทุกคำ ถ้าไม่เชื่อคุณสามารถไปสืบได้ อีกทั้ง เธอคือพี่สาวฉัน ถ้าหากว่าไม่ใช่ทนดูเธอใส่หน้ากากที่แกล้งทำเป็นสวยสะอาดบริสุทธิ์แบบนั้นมาหลอกคุณไม่ได้ ฉันก็จะไม่เปิดโปงเธอเช่นกัน”

เฟิงเหยี่ยนจ้องมองเธอหนึ่งที “พูดอย่างนี้ผมก็ยังต้องขอบคุณคุณแล้วล่ะ?”

อานซินได้ยินคำพูดในใจดีใจทันที รีบส่ายหัว “นายเฟิงเกรงใจเกินไปแล้ว สามารถช่วยคุณได้เป็นเกียรติของฉัน”

“เหอะ!” เฟิงเหยี่ยนหัวเราะเย็นชา “ดูแล้วคุณน่าจะลืมไปแล้วว่าคำพูดเมื่อวานที่ผมเคยพูดอยู่ในงานแต่งของคุณแล้ว”

สีหน้าอานซินเปลี่ยนเล็กน้อย เธอย่อมจำได้แน่นอน แต่ว่าในเวลานั้นเฟิงเหยี่ยนยังไม่รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของอานเฉียว แต่ตอนนี้เธอยังไม่ทันที่จะมีปฏิกิริยา เฟิงเหยี่ยนอุ้มอานเฉียวขึ้นมาแล้ว ทั้งเดินไปยังข้างนอกทั้งพูดกับเฟิงยี่ว่าบอกกับคุณลุงของแก “วันหลังงานเลี้ยงที่คนที่ไหนล้วนเข้าร่วมได้แบบนี้อย่ามาเรียนเชิญผม ผมเฟิงเข้าร่วมไม่ไหว”

พูดจบ คนจากไปอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว

เฟิงยี่มีความอึ้งชะงักเล็กน้อย ครั้งแรกที่สงสัยการได้ยินของตนเอง

เฟิงเหยี่ยนนี่กำลังทำเพื่ออานเฉียวกดดันบ้านของตนเองอยู่หรือ?

ก็เนื่องเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆขนาดนี้หรือ?

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset