วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 547 ไม่ยุ่งไม่ได้

บทที่ 547 ไม่ยุ่งไม่ได้

ถ้าหากว่าเขาจับไม่ผิดละก็ ทหารถังพาคนในตระกูลออกจากเมืองหลวง น่าจะเป็นสิบสองปีก่อน

ในเวลานั้น ถังลั่วเหยาน่าจะอายุเก้าปีกว่าเกือบสิบปีเท่านั้น

ถ้าพูดเช่นนี้ ที่จริงแล้วก็แค่หลังจากทหารถังคนของตระกูลถังออกจากเมืองหลวงไม่นานก็เสียชีวิตไปแล้วหรือ?

งั้นหลายปีขนาดนี้ เธอก็คือเติบโตอยู่ภายใต้ที่ไม่มีบิดา ทุกเวลาจะต้องทนรับการรังแกของพ่อเลี้ยงที่เหมือนดั่งขยะคนนั้นหรือ?

ในเวลานี้ เฟิงยี่พูดได้ไม่ชัดเจนว่าเป็นความเจ็บปวดใจมากกว่าหรือว่าความเสียใจแค้นมากกว่า

เขาเจ็บปวดใจในการประสบพบเจอของเธอ ยิ่งมากกว่านี้คือความเสียใจแค้นที่ตนเองหลายปีขนาดนี้ถึงขนาดไม่เคยเอาใจใส่ตระกูลถังมาก่อน ไม่เคยคิดอยากจะไปหาเธอมาก่อน

มิตรภาพตอนวัยเด็ก อยู่นัยน์ตาของเด็ก มักจะบริสุทธิ์ที่สุด แต่ก็ลืมได้อย่างง่ายดายที่สุดอีก

แม้เพียงเขา ถึงแม้จำได้ตลอดว่าตอนที่เด็กๆเด็กผู้หญิงคนนั้นที่มักจะวิ่งตามอยู่ข้างหลังเขาเรียกพี่ชายยี่อยู่ ก่อนที่จะพบกันอีกครั้งช่วงเวลาที่เส้นหัวใจโดนสะเทือนนั้น ก็ไม่เคยคิดที่จะไปหาเธอโดยอัตโนมัติมาก่อนเช่นกัน

คนนะ มีเวลามากมายก็อยู่ในสภาพการณ์แบบนี้ พลาดเรื่องที่สำคัญที่สุด คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตนเองโดยไม่รู้ตัว

เฟิงยี่เงียบไปนานมาก จนถึงรถหยุดอยู่ที่ใต้อาคารของอพาร์ตเม้นท์ ถังลั่วเหยาเตรียมตัวที่จะลงจากรถ เขาจึงเอ่ยปาก

“รอสักครู่”

ถังลั่วเหยาหยุดชะงัก หมุนตัวกลับมา

กลับเห็นเขารีบลงจากรถไปแล้ว จากอีกฝั่งหนึ่งของรถอ้อมเดินเข้ามายังเธอ

ถังลั่วเหยาเม้มปากแล้วเม้มปากอีก ถามว่า “คุณยังมีเรื่องอะไรหรือ?”

เฟิงยี่จ้องมองเธอ ในระหว่างคิ้วตาที่ประณีตเป็นครั้งแรกที่ไม่มีความสง่างามตามอำเภอใจในยามปกติอีก แฝงไว้ด้วยสีหน้าที่เก็บความสลับซับซ้อนอดกลั้นไว้ในใจเล็กน้อย

น้ำเสียงของเขาเสียงต่ำพูดว่า “ผมจะส่งคุณขึ้นไป”

ถังลั่วเหยามีความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าถึงสุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างไม่มีเสียง

เธอหมุนตัวเดินไปยังข้างใน เฟิงยี่เห็นสภาพ รีบตามขึ้นไป

ระหว่างคนทั้งสองถึงแม้ว่าเกิดเรื่องมากมายไปแล้ว แต่พูดตามตรง นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เฟิงยี่มาถึงที่พักของเธอตามลำพัง

ก่อนหน้านั้นถังลั่วเหยาล้วนพักอยู่อพาร์ตเม้นท์ที่วัฒนธรรมซิงฮุยจัดวางให้แก่เธอโดยตลอด จากนั้นตนเองหาเงินได้เล็กน้อย ก็ไม่อยากย้ายไปที่อื่นอีก ก็เลยซื้ออพาร์ตเม้นท์แห่งนั้นไว้เสียเลย

ตลอดทางนั่งลิฟต์ถึงชั้นที่ 18 ถังลั่วเหยาคว้ากุญแจออกมาเปิดประตู ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง

บ้านไม่ใหญ่ 2 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก แต่ว่าโดนเธอจัดตกแต่งจนอบอุ่นหวานชื่นใจมาก ทั้งห้องล้วนเป็นสีที่อบอุ่น

ถังลั่วเหยาวางกระเป๋าลงอย่างสะดวกไม่ยุ่งยาก จากนั้นหยิบรองเท้าเตะคู่หนึ่งออกจากตู้รองเท้าให้เขา พูดว่า “ไม่มีรองเท้าเตะผู้ชาย มีเพียงแค่ของผู้หญิง คุณก็จำใจใส่สักหน่อยเถอะ”

พูดจบ ก็มัวแต่เปลี่ยนรองเท้าตัวเอง

เฟิงยี่จ้องมองรองเท้าเตะที่อยู่ข้างเท้าหนึ่งที สีอ่อนหวานข้างบนยังมีดอกไม้ขนาดเล็กชิ้นเล็กชิ้นน้อย สวยหวานน่ารักเป็นพิเศษ

เขาไม่ได้สนใจ ถอดรองเท้าออกโดยตรง ใส่แต่ถุงเท้าเหยียบอยู่บนพื้นเดินเข้าไปข้างใน

ถังลั่วเหยาเห็นเขาไม่ใส่ อึ้งชะงักเล็กน้อยหนึ่งที ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เดินตามเข้าไปยังข้างใน

“จะดื่มน้ำไหม?”

เฟิงยี่ “อืม” เสียงหนึ่ง ถังลั่วเหยาก็เทน้ำอุ่นแก้วหนึ่งให้กับเขา

เฟิงยี่เดินวนหนึ่งรอบอยู่ในห้อง นอกจากห้องนอน ที่เหลือชมดูเสร็จ จึงพูดว่า “ที่นี่ก็ดีนะ เหมาะสมกับคุณมาก”

ถังลั่วเหยายิ้มบางๆหนึ่งที “เพียงแค่เป็นสถานที่ต้านลมหลบฝนแห่งหนึ่งเท่านั้น พักได้ก็พอแล้ว มีอะไรที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมล่ะ?”

คำพูดนี้ไม่เหมือนนักแสดงหญิงแนวหน้าคนหนึ่งที่พูดออกมาจริงๆ ถึงยังไงดาราหญิงที่มีลำดับที่เท่ากับเธอเหล่านั้นใครจะไม่ใช่พักอยู่คฤหาสน์ขับรถหรูอยู่ล่ะ มีใครเหมือนเธอเรียบง่ายขนาดนี้หรือ

เฟิงยี่จ้องมองเธอ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปสักพัก จึงถามว่า “คุณก็ไม่มีคำพูดอะไรที่จะพูดกับผมหรือ?”

ถังลั่วเหยาเงยหน้าขึ้น สบตากันกับสายตาของเขา หลบหนีทันที

เธอรู้ว่าเขาอยากจะถามอะไร เพียงแค่คำพูดเหล่านั้น อยู่ในใจวนเวียนไปมาพันรอบหมื่นรอบนับไม่ถ้วน ถึงที่สุดกลับพูดไม่ออก

เห็นเธอเงียบ เฟิงยี่ได้เพียงแค่ถามโดยอัตโนมัติว่า “คุณป้าถังล่ะ? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนหรือ?”

ถังลั่วเหยาเม้มปากแล้วเม้มปากอีก ผ่านไปสักพัก แค่พูดว่า “เธอร่างกายไม่แข็งแรง อยู่ในสถานพักฟื้น”

เฟิงยี่ขมวดคิ้ว

“สถานพักฟื้นหรือ? เธอเป็นยังไงแล้วล่ะ?”

ถังลั่วเหยาฝืนใจยิ้มแล้วยิ้มอีก แกล้งทำสบาย “คนอายุมากแล้ว ก็มีโรคประจำตัวบ้างล่ะ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร”

พูดอยู่ ไม่อยากพูดประเด็นที่คุยกันนี้ต่อ จ้องมองเขาหนึ่งที “อันนั้น…….คุณนั่งไปสักพักเถอะ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อสักหน่อยค่อยพูดอีก”

เสื้อผ้าของตนเองเดิมทีอยู่บนกายเธอโดนฉีกขาดแล้ว ข้างนอกยังคลุมเสื้อคลุมของเฟิงยี่อยู่

เฟิงยี่เห็นสภาพ พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

รอถังลั่วเหยาเปลี่ยนเสื้อเสร็จอีก เป็นหลังจากสิบนาทีแล้ว

เธอออกมา ก็มองเห็นผู้ชายเดินไปยังระเบียงแล้ว กำลังพิงอยู่ที่นั่นจ้องมองข้างนอกอยู่ ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เธอคิดแล้วคิดอีก เดินเข้าไปถามว่า “คุณคิดอะไรอยู่หรือ?”

เฟิงยี่หมุนตัวกลับมา ภายใต้ทิวทัศน์ยามค่ำคืนตาคู่หนึ่งลึกมืดสลับซับซ้อน จ้องมองเธออย่างเงียบๆ น้ำเสียงต่ำแหบเหมือนดั่งเลื่อนลอยมาจากที่ไกล แฝงไว้ด้วยเสน่ห์อย่างหนึ่ง

เขาถามว่า “ผมคิดอยู่ตลอดว่าหลายปีนี้ผมห่วงใยคุณมากกว่านี้หน่อย แม้เพียงโทรถามไถ่แค่คำเดียว คุณก็จะไม่มีการประสบพบของหลายปีนี้แล้วใช่หรือไม่?”

ถังลั่วเหยาอึ้งชะงัก นึกไม่ถึงที่ในใจเขาคิดอยู่เป็นเรื่องนี้

เธอเงียบไปสักพัก เม้มปากแล้วเม้มปากอีก

สักพักจึงอมยิ้มพูดว่า “พูดแบบนี้ก็ไม่ได้ คุณดูสิเราทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย……”

จากนั้น คำพูดยังพูดไม่จบ ก็โดนเฟิงยี่ตัดคำแล้ว

“ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยหรือ?” เขาหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง เดินเข้าไปยังเธอหนึ่งก้าว “ อยู่ในสายตาคุณพวกเราก็มีความสัมพันธ์เช่นนี้หรือ?”

ถังลั่วเหยาอึ้งชะงัก เดิมทีคำพูดข้างหลังที่อยากจะพูด อยู่ดีๆก็พูดไม่ออกแล้ว

เธอจ้องมองเฟิงยี่ ทอดถอนใจหนึ่งที “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“ผมไม่สนว่าคุณจะมีความหมายว่าอะไร” เฟิงยี่พูดเสียงเย็นชา “ถึงยังไงในเมื่อตอนนี้ผมรู้ความจริงหมดแล้ว อย่างงั้นเริ่มจากวันนี้เป็นต้นไปผมต้องยุ่งอย่างแน่นอน”

ถังลั่วเหยาได้ยินคำพูดขมวดคิ้ว

เธอนึกไม่ถึงว่าเฟิงยี่จะพูดเช่นนี้

แต่เธอรู้อย่างมากว่าบุคลิกลักษณะประจำตัวพ่อเลี้ยงคนนั้นของตนเองเป็นแบบไหน ด้วยเหตุนี้ไม่ยอมพูดสภาพความจริงของตนเองกับเฟิงยี่มาโดยตลอด ก็คือเพื่อที่จะไม่ทำให้เขาหมุนเข้าไปในน้ำวนนี้

ถึงแม้ว่าเธอก็รู้ เฟิงยี่มีเล่ห์กลมากมาย แต่ว่าเหมือนดั่งอันธพาลอย่างพ่อเลี้ยงของเธอแบบนั้น ไม่ใช่คุณใช้เพียงแค่เล่ห์กลเดียวก็สามารถจัดการได้

ยิ่งกว่านั้น……

เธอฝืนใจยิ้มแล้วยิ้มอีก พูดว่า “คำพูดของคุณนี้พูดอย่างแปลกประหลาดมาก พวกเราเป็นความสัมพันธ์อะไร ทำไมเรื่องของฉันคุณก็จะยุ่งจนได้ล่ะ?”

คำพูดนี้ทำให้เฟิงยี่อึ้งชะงัก อยู่ดีๆเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ นัยน์ตาเย็นชาลงทันที

ถังลั่วเหยาทั้งยิ้มทั้งใช้นิ้วมือหวีผมของตนเอง ไม่สนใจไยดีพูดว่า “ฉันเป็นคนที่มีคู่หมั้นแล้ว ถึงแม้ว่ามีที่ไหนต้องการความช่วยเหลืออะไร ฉันย่อมไปหาเขาอยู่ดี คุณชายเฟิงก็จะใช้สถานะกับจุดยืนอะไรมาช่วยฉันล่ะ?”

คำพูดนี้พูดออกมา เฟิงยี่เดิมทีที่สีหน้าก็เย็นชาอยู่แล้วทันทีนั้นสีหน้าดูแย่มากเหลือเกิน

อยู่ดีๆเขาเดินเข้ามา ดันถังลั่วเหยาอยู่บนกำแพงทันที น้ำเสียงต่ำแหบจนร้ายกาจหนาวขึงลับอย่างมาก

“เหอะ ไม่ต้องการให้ผมช่วยหรือ? งั้นเมื่อกี้อยู่ในบาร์เป็นใครอีกล่ะที่ดึงผมไว้ไม่ให้ผมไป ขอร้องผมให้ช่วยเธอล่ะ?”

คำพูดนี้ทันทีที่ออกไป กลับทำให้ถังลั่วเหยาสะอื้นหนึ่งที พูดไม่ออกในทันที

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset