วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 558 เขามาแล้ว

บทที่ 558 เขามาแล้ว

เขาไม่มีทางเชื่อว่าถังลั่วเหยาจะคบหาเซ่เซียว ไม่มีทางเชื่อ!

แต่ว่า พอกลับไปคิดเรื่องคำพูดที่ถังลั่วเหยาพูดกับเขาในวันนั้น เขาก็ปวดใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ความเชื่อมั่นที่เคยมีอยู่เล็กน้อย ก็ได้ค่อยๆ โอนเอียนขึ้นมา

ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าถังลั่วเหยาชอบเซ่เซียวหรือไม่ แต่เขากลับรู้จักเซ่เซียว

ยังไงซะนั่นเป็นพ่อหนุ่มคาสโนว่า เพราะว่ามีข่าวหลุดไม่น้อย

คนข้างนอกไม่รู้เรื่องวงใน แฟนคลับเพราะว่ามีความลำเอียง เพราะงั้นไม่ว่าเขามีข่าวหลุดออกมาขนาดไหน ก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ที่หนักแน่นในความรู้สึกที่ดีที่สุดคนนั้น

แต่ว่าฉู่ยี่ยังอยู่ในวงการนี้ ขอแค่เป็นพวกลูกคนรวยลูกเศรษฐี ก็รู้บ้างไม่มากก็น้อย

วงการนี้บอกว่าใหญ่ไม่ใหญ่จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก ไม่ว่ามีข่าวอะไรก็สามารถที่จะส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว เพราะงั้นเขารู้ ในวงการชื่อเสียงของเซ่เซียวไม่ดีหนัก

โดยเฉพาะต่อหน้าความรู้สึกส่วนตัว สามารถที่จะบอกได้เลยว่าหลายใจเอามาก

ก่อนหน้ายังได้ยินว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งจะโดดตึกเพราะเขาไม่ใช่เหรอ?

ยังมีคนที่ท้องป่องแล้วบอกว่าจะให้เขารับผิดชอบ!

หึ! คนที่สามารถที่จะทำเรื่องที่เสียหายกับผู้หญิงพวกนั้นได้ สามารถนับว่าเป็นคนดีเหรอ?

ไม่ว่าเป็นเพื่อน แล้วก็ฐานะอดีตว่าที่สามี เขาก็ไม่มีทางที่จะมองถังลั่วเหยาโดนหลอกไปแบบนี้ได้

เขาต้องทำอะไรสักอย่าง!

คิดถึงตรงนี้ เขาได้เอาโทรศัพท์ออกมามองเบอร์ที่ได้เพิ่มเข้าไปตั้งนานแล้วพวกนั้น แต่ไม่เคยที่จะโทร สายตาก็ได้มีความน่ากลัวแสดงออกมา

ได้เลือกเบอร์หนึ่งในนั้น โทรออกไป

เวลานี้ อีกด้าน

คืนนี้ ถังลั่วเหยาพึ่งทานข้าวด้วยกันกับเสี่ยวฉิงเสร็จ ก็ได้นั่งพักผ่อนอยู่ที่โซฟา

เพราะว่าไม่กี่วันนี้ซูหงได้สั่งว่าไม่ให้ออกบ้าน เพราะงั้นเธอก็ได้อยู่ที่บ้านตลอด

ตอนที่เบื่อก็ได้เรียกเสี่ยวฉิงมาที่บ้านอยู่เป็นเพื่อนเธอ ทั้งสองคนอยู่หนังด้วยกัน ดูละคร ใช้ชีวิตอย่างสนุกสบาย

ถ้าเบื่อเอามากจริงๆ ก็เล่นเกม หรือว่าเล่นหมากอะไรพวกนั้น

ยังไงซะก็คั่นเวลา ก็ไม่สนว่าจะเล่นยังไง

เสี่ยวฉิงได้ทำอาหารที่อร่อย ถังลั่วเหยาถ้าไม่เพราะว่าพื้นที่ไม่พร้อม ต่อไปตอนที่ถ่ายละครนั้นเธอคิดจริงๆ ว่า ให้เสี่ยวฉิงทำอาหารให้เธอทานทุกวัน

แต่ว่าความคิดนี้คิดๆ ก็พอแล้ว เธอนั้นเป็นนักแสดงนะ ต้องรักษารูปร่าง

ถ้าทำเป็นนี้ทุกวัน ทำอาหารที่มันอร่อยแบบนี้ให้เธอ งั้นเธอยังจะลดน้ำหนักยังไง!

คิดถึงตรงนี้ ถังลั่วเหยาก็ได้ปวดหัวเล็กน้อย

เธอได้ยืนขึ้น เดินไปที่หน้ากระจก

มองรูปร่างที่โค้งเว้าของเธอ บีบเนื้อที่แทบไม่มีตรงหน้าท้อง ก็ได้ถามเสี่ยวฉิงที่ได้ล้างจานในห้องครัว

“เสี่ยวฉิง เธอว่าสองวันนี้ฉันอ้วนขึ้นไหม?”

เสี่ยวฉิงล้างจานไป แล้วก็หันหน้าไปมองเธอ ยิ้มแล้วพูด “พี่ลั่วเหยา พี่อ้วนตรงไหน? ก็ยังผอมแล้วก็สวยขนาดนี้ ไม่เห็นอ้วนตรงไหนเลย”

คำพูดนี้ทำให้ถังลั่วเหยาพอใจมากๆ หันหน้าไปก็ได้ทำหน้าจุ๊บให้ ถึงได้กลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิมอย่างพอใจ

แต่แล้วยังไม่ทันได้นั่งลง อ๊อดประตูก็ได้ดังขึ้น

เธอได้นิ่งไปสักพัก ก็ได้ประหลาดใจ

มองดูเวลา ก็ได้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว ยังเป็นใครที่มา?

ยังไงซะ ทั้งเมืองหลวงคนที่รู้ว่าเธอพักอยู่ที่นี่มีไม่กี่คน เวลานี้เป็นไปได้ว่าจะมีคนมาเที่ยวหา?

เธอก็ได้คิดว่าเป็นซูหง เพราะงั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ได้ลุกขึ้นเตรียมเปิดประตู

แต่แล้ว ตอนที่เธอเดินไปถึงประตู มองตาแมวตรงประตู มองเห็นคนที่ได้ยืนอยู่นอกนั้น ก็ได้ตกใจเอามากๆ สีหน้าก็ได้เปลี่ยน

คนที่กำลังล้างจากที่ห้องครัวอย่างเสี่ยวฉิง ก็ได้ยินเสียงอ๊อดแน่นอน

เดิมคิดว่าเธอไปเปิดประตูแล้วไม่นานก็รู้แล้วว่าใคร แต่คิดไม่ถึงว่าผ่านไปนานก็ไม่ได้ยินว่ามีคนเข้ามา ก็ได้ถามออกไปอย่างสงสัยว่า

“พี่ลั่วเหยา ใครมาอ่ะ?”

ถังลั่วเหยาไม่ตอบ

เสี่ยวฉิงก็ได้ใช้ผ้าที่สะอาดเช็ดมือไป แล้วก็เดินออกไปข้างนอกไป

เห็นว่าเธออยู่หน้าประตู ก็ได้ยืนไม่ขยับ แล้วก็ไม่เปิดประตู ก็ได้ถามอย่างสงสัยว่า “พี่ลั่วเหยา พี่เป็นอะไร? เมื่อกี้มีคนมากดอ๊อดประตูไม่ใช่เหรอ? พี่ทำไมไม่เปิดประตู?”

สีหน้าของถังลั่วเหยาก็ได้เปลี่ยน ใบหน้าไม่รู้เลยว่าอยากจะร้องไห้หรือว่าอยากหัวเราะ

ผ่านไปนาน ถึงได้สูดหายใจเข้าลึกๆ

ตัวเองได้เตรียมใจเสร็จ ก็ได้พูดปลอบตัวเองให้เปิดประตู

พอประตูถูกเปิดออก ตอนที่เสี่ยวฉิงเห็นร่างสูงขนาดนั้นยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก็ได้อึ้งไปเลยทันที

มือปิดปาก ผ่านไปนานก็ไม่พูดอะไรออกมา

วันนี้เฟิงยี่ได้ใส่เสื้อสูทสีดำ ร่างกายนั้นยังมีความเย็นปกคลุมอยู่ หน้าตาหล่อเหลาอยู่ที่ใต้แสงไฟสีเหลืองอ่อนหน้าประตู มีความสวยแล้วงดงามแบบหนึ่ง ทำให้คนแทบหยุดหายใจอย่างช่วยไม่ได้

เห็นว่าเขาได้มองเสี่ยวฉิงด้วยสีหน้าที่เย็นชาสักพัก แล้วก็มองถังลั่วเหยาอย่างไม่ชอบ “ทำไมเปิดประตูช้าขนาดนี้?”

ถังลั่วเหยานิ่งไป

ในใจคิด คิดว่าฉันยังจะพูดความจริงได้อยู่เหรอ ว่าเห็นนายแล้วไม่อยากเปิดประตูอ่ะ?

ความจริงพูดออกไปไม่ได้ ตายก็พูดออกมาไม่ได้ เพราะงั้นก็ได้ยิ้มออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก

“คือว่า……ประตูมีปัญหานิดหน่อย ประตูเปิดได้ไม่เร็ว เหอะๆ ……ฉันบิดไปสองรอบถึงเปิดออก”

เฟิงยี่จ้องมองเธอสักพัก ไม่รู้ว่าเชื่อไหม

เวลานั้น เขาก็ได้มองไปยังเสี่ยวฉิงที่ได้อยู่ในความตกใจ พูดอย่างเย็นชา “ที่นี่ไม่มีธุระของเธอแล้ว เธอออกไปก่อน”

ในใจของเสี่ยวฉิงก็ได้กลัวเล็กน้อย ถึงแม้ว่ารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับถังลั่วเหยา แต่ไม่รู้เรื่องข้อตกลงใหม่ของทั้งสอง

ก็แค่เห็นสีหน้าเฟิงยี่ไม่น่าดูมากๆ กลัวว่าเขานั้นจะทำร้ายถังลั่วเหยา เพราะงั้น ตอนที่เฟิงยี่พูดประโยคนั้นออกมา เธอก็ได้มองถังลั่วเหยาอย่างลำบากใจ

ถังลั่วเหยาสีหน้าได้เครียดลง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็แค่หันไปพูดกับเธอว่า “เสี่ยวฉิง เธอกลับไปก่อนเถอะ ทางฉันไม่เป็นไร”

เสี่ยวฉิงก็ได้ลำบากใจอยู่ดี ก็ได้ขมวดคิ้วอย่างเป็นห่วง

“พี่ลั่วเหยา พี่……”

ถังลั่วเหยาหันหน้าไปยิ้มอย่างวางใจให้เธอ

“วางใจเถอะ ไม่มีอะไร พรุ่งนี้กลางวันอย่าลืมมาทำกับข้าวให้ฉันกินต่อนะ”

เสี่ยวฉิงได้ยินเธอพูดแบบนั้น ถึงได้พยักหน้า เอากระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกไป

รอให้เสี่ยวฉิงออกไป เฟิงยี่ถึงได้ก้าวเข้ามา

เพราะว่าบทเรียนคราวก่อน สองวันก่อนตอนที่ถังลั่วเหยากลับมาบ้าน ก็ได้เตรียมรองเท้าชายคู่หนึ่ง

เธอนั้นไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้มาแท้ๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไม เหมือนว่าผีเข้า เธอยังเตรียมของพวกนี้อยู่

ที่จริงหลายๆ ครั้ง เธอก็เกลียดตัวเองที่ไม่ได้เรื่องในด้านนี้ แต่กลับเป็นพวกเกลียดไป แล้วก็อดไม่ได้ที่จะไม่ทำ

เฟิงยี่มองไปยังรองเท้าแตะชายคู่ใหม่ที่วางอยู่ตรงนั้น เดิมสีหน้าที่ไม่ค่อยดี ก็ได้ดีขึ้นมาบ้าง

เขาได้เปลี่ยนรองเท้า เดินเข้ามา

“พึ่งทานข้าวเสร็จ?”

ในห้องก็ยังมีกลิ่นอาหารเล็กน้อยหลงเหลืออยู่ ไม่จำเป็นต้องดูอย่างละเอียด แค่ดมก็รู้ได้

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset