วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 594 ยืมไหล่ของเธอ

บทที่ 594 ยืมไหล่ของเธอ

แม้จะรู้ว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะไม่มีข้อผิดพลาด

แต่ไม่ได้ยินกับหูตัวเอง ยังไงก็ยังคงกังวล

ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว การผ่าตัดสำเร็จแล้วจริงๆ

เขาเองนับว่าไม่ทำให้ถังลั่วเหยาต้องผิดหวัง

เมื่อคิดแบบนี้ เฟิงยี่จึงให้หมอไปพักผ่อนได้

หลังจากทำการผ่าตัด แม่ของเธอถูกย้ายไปที่ห้องพักฟื้นเพื่อรอดูอาการ

เนื่องจากยังไม่พ้น 48 ชั่วโมงถือว่ายังอยู่ในระยะอันตราย ถังลั่วเหยายังไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมได้

ทำได้เพียงยืมมองผ่านกระจกหนากั้น

มองเห็นเพียงร่างกายซีดเซียวที่นอนอยู่บนเตียงสีขาว

บนจอด้านข้างแสดงการเต้นของหัวใจที่เป็นปกติ เธอยืนมองอยู่แบบนั้น น้ำตาเธอจึงไหลออกมา

ไม่รู้ว่าเฟิงยี่เดินเข้ามาทางด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่

เขายื่นมือออกมา คว้าเธอเข้าสู่อ้อมกอด จากนั้นยกมือขึ้นกดศีรษะของเธอพักพิงลงมาที่ไหล่ของตัวเอง

จากนั้นเอ่ยเสียงเบา “ร้องเถอะ ร้องออกมาแล้วจะดีขึ้น”

ถังลั่วเหยาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว กอดเขาเอาไว้ คว้าเสื้อของเขาเอาไว้ ร้องไห้ออกมา

หญิงสาวในอ้อมกอดร้องไห้น่าสงสาร ราวกับได้นำเอาความกังวล ความหวาดกลัว ความลำบากตลอดหลายปีมานี้ ปลอดปล่อยมันออกมากับหยาดน้ำตา

เฟิงยี่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ปล่อยให้เธอกอด เป็นที่พึ่งให้กับเธอ ให้น้ำตาของเธอเปียกปอนอยู่บนเสื้อของตนเอง

ในใจเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความสุขและสงบหลั่งไหลเข้ามา เติมเต็มในหัวใจของเขา ทำให้หัวใจของเขา ไม่สามารถมีอะไรเข้ามายึดพื้นที่ไปได้อีกแล้ว

ไม่รู้ว่าร้องไปนานแค่ไหน จนถังลั่วเหยาเหนื่อยจึงหยุดลง

เธอปล่อยเขาออก รู้สึกเขินอาย ยกมือขึ้นขยี้ขอบตา

เมื่อมองเห็นว่าไหล่ของเขาเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของเธอ ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นราวกับมะเขือเทศ

“เอ่อ…ขอโทษค่ะ ทำให้เสื้อของคุณเปื้อนแล้ว”

เฟิงยี่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

ยกมือขึ้นมา ช่วยเธอจัดทรงผมที่หลุดลุ่ย บอก “เสื้อของแฟน เตรียมมาไว้ให้คุณทำเปื้อนอยู่แล้ว”

น้ำเสียงเอ็นดู สายตาอ่อนโยน ทำให้หัวใจของถังลั่วเหยาสั่นไหว

ใบหน้าร้อนผ่าว ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อไปจนถึงใบหู

เธอบิดมือไปมาท่าทางทำอะไรไม่ถูก จากนั้นถาม “คุณหิวหรือยังคะ ไปทานอะไรก่อนไหม”

ถ้าไม่พูดก็คงไม่รู้สึก แต่เมื่อเธอพูดขึ้นมาเขาก็รู้สึกหิวทันที

ยังไงซะตั้งแต่ตอนเช้า จนถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่ได้ทานอะไรเลย

เพราะจิตใจจดจ่ออยู่กับการผ่าตัด ทำให้พวกเขาไม่ได้แตะต้องอาหารกลางวันที่เสี่ยวฉิงซื้อมาให้เลยสักนิด

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฟิงยี่จึงคว้ามือเธอ บอก “เดี๋ยวพาคุณไปทานเป็ดสไลด์ที่คุณชอบ”

ถังลั่วเหยาชะงัก หันกลับไปมองแม่ที่อยู่ในห้องพักฟื้น

“แต่ว่า…”

เฟิงยี่รู้ว่าเธอไม่กล้าไป แต่คนยังไงก็ต้องทานข้าว อีกอย่างคืนนี้เขาก็ไม่คิดจะให้เธอเฝ้าอยู่แบบนี้ทั้งคืนแน่ ร่างกายเธออาจรับไม่ไหว

ดังนั้นใบหน้าเข้มจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทานข้าวเสร็จแล้วค่อยกลับมา คืนนี้ถึงห้าทุ่มคุณก็ต้องไปนอนก่อน พรุ่งนี้เช้าตื่นตอนไหนก็ค่อยมาตอนนั้น ถ้าไม่ฟังพรุ่งนี้ก็ไม่ให้มา”

ท่าทางจริงจังของชายหนุ่ม ดูน่ากลัว

ถังลั่วเหยาไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ก็ไม่กล้าขัดเขา เกิดพรุ่งนี้เขาไม่ยอมให้เธอมาเฝ้าแม่จริงๆ ขึ้นมา นั่นจะไม่เป็นห่วงแย่เลยเหรอ

ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องพยักหน้า

“งั้นก็ได้ค่ะ”

เฟิงยี่ค่อยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

“ไปเถอะ เราลงไปกันเถอะ”

“ค่ะ”

ทั้งสองลงจากตึกมา ขึ้นรถ เฟิงยี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ถ้าให้เฟิงยี่มาขับรถอีกคงจะเหนื่อยกินไป ดังนั้นจึงปล่อยให้กลายเป็นหน้าที่ของเหลิ่งเม่ย

พาพวกเขามาส่งที่ร้านอาหาร จากนั้นยืนรออยู่ด้านนอก ทั้งสองลงจากรถ เดินขึ้นไปยังห้องวีไอพีชั้นสอง

เดิมถังลั่วเหยาไม่ได้หิว เธอเป็นนักแสดงหญิง เดิมทีก็ทานน้อยอยู่แล้ว วันนี้เธอเครียดทั้งวัน ตอนนี้ถึงแม้จะรู้แล้วว่าการผ่าตัดสำเร็จแล้ว แต่ก็ยังกังวลช่วงเวลาอีก 48 ชั่วโมงนี้

ดังนั้นจึงนั่งเฉยอยู่ตรงนั้น เข้าใจถึงคำโบราณที่ว่าไว้ ร่างกายอยู่ค่ายโจโฉใจอยู่ฮั่น

เฟิงยี่เห็นท่าทางเหม่อลอยของเธอ จึงถอนหายใจ

ส่งเป็นหนึ่งชิ้นวางลงบนถ้วยของเธอ บอก “ถ้าคุณยังไม่วางใจจริงๆ คืนนี้ผมจะให้คุณอยู่เป็นเพื่อนเธอก็ได้”

ถังลั่วเหยาได้ยินแบบนั้น ดวงตาก็วาววับขึ้นมาทันที

“จริงเหรอคะ”

เฟิงยี่มองท่าทางตื่นเต้นของเธอ ดวงตาเรียบนิ่ง

แต่ก็ยังพยักหน้า “อืม จริงครับ”

ไม่รอให้ถังลั่วเหยาตอบรับ เขาก็รีบพูดต่อ “แต่ตอนนี้ คุณต้องทานข้าวอย่างน้อยสองถ้วย”

“คะ? ”

ถังลั่วเหยาคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้ออกมา มองอาหารมากมายตรงหน้า ข้าวสวยร้อนๆ รู้สึกลำบากใจ

“แต่ฉันไม่หิวนี่คะ”

ใบหน้าเฟิงยี่นิ่งขึ้น

“งั้นคืนนี้ก็ไม่อนุญาตให้อยู่ที่โรงพยาบาล”

“นี่ อย่า ฉันจะทานค่ะ ฉันทานก็พอแล้ว”

ถังลั่วเหยากลับว่าเขาจะเปลี่ยนใจ พูดจบก็ยกข้าวขึ้นมาทันที

ปากเล็กสีดอกท้อของหญิงสาว กำลังถูกยัดไปด้วยอาหารมากมาย ท่าทางน่ารักแปลกๆ

เฟิงยี่อยากขำ แต่ก็กลัวว่าเธอจะสำลัก วางถ้วยข้าวลงตรงหน้าเธอ

“อย่ารีบ ค่อยๆ ทาน มา ทานซุปก่อน”

ถังลั่วเหยาไม่กลัวพูดอะไร รีบวางถ้วยลง ยกน้ำซุปขึ้นมาทาน

คงเพราะรีบเกินไปเธอจึงสำลัก วางถ้วยลงไอจนตัวงอ

เฟิงยี่ขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง

“เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม”

เขาช่วยลูบหลังให้เธอ พลางเอ่ยถาม

ถังลั่วเหยาโบกมือ ใบหน้าเล็กมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลา บอก “ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ”

เฟิงยี่ขมวดคิ้ว หยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น ช่วยเธอเช็ดมุมปาก เช็ดไปพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จะรีบทำไม ไม่มีใครแย่งหรอก ทานข้าวต้องเคี้ยวก่อนกลืนไม่รู้หรือไง”

ถังลั่วเหยาไม่รู้วิธีทานข้าวที่ไหนกัน เธอไม่ใช่เด็กสามขวบนะ

นี่ไม่ใช่เพราะเธออยากรีบทานให้หมด จะได้รีบกลับโรงพยาบาลหรือยังไง

เฟิงยี่เข้าใจความคิดของเธอ คิดว่าวันนี้ถ้าไม่ยอมให้เออยู่ที่โรงพยาบาล คงไม่ได้พักผ่อนด้วยความสบายใจแน่

ดังนั้นจึงไม่ได้บังคับ ถอนหายใจ “เอาล่ะ ทานเถอะ ทานเสร็จแล้วผมไปส่ง”

ถังลั่วเหยาพยักหน้าแรงๆ

ทานข้าวเสร็จ เฟิงยี่พาถังลั่วเหยามาส่งที่โรงพยาบาลจริงๆ

เขาสั่งให้คนเพิ่มเตียงที่ห้องพักฟื้นอีกหนึ่งเตียง เมื่อถังลั่วเหยาเปลี่ยนมาสวมชุดปลอดเชื้อแล้ว จึงนอนลง ทั้งยังสามารถมองเห็นแม่ถังได้อีกด้วย

ถังลั่วเหยาพึงพอใจกับการจัดการของเขา

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset