วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 60อยากจูบเธอ

บทที่60อยากจูบเธอ

หัวใจของคนใช้ต่างก็กำลังปลื้มปริ่ม

คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงต่างหน้าตาดีทั้งคู่ คุณหนูที่เกิดมาจะน่ารักมากแน่ๆ!

จิ่งหนิงไม่รู้หรอกว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรอยู่

เธอแค่กำลังวางแผนอยู่ว่า เดี๋ยวถ้าลู่จิ่งเซินกลับมาแล้วเธอจะบอกเรื่องนี้กับเขายังไงดี

หกโมงครึ่ง โรลส์-รอยซ์ โฮลดิงส์คันดำก็ได้ขับเขาลานของวิลล่ามา ลู่จิ่งเซินกลับมาแล้ว

คนครับใช้ได้เอาอาหารมาตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว

จิ่งหนิงได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเหมือนเดิมแล้ว และกำลังนั่งรออยู่ตรงโต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย

นี่คือครั้งแรกเลยที่ลู่จิ่งเซินเห็นเธอทำตัวเรียบร้อยแบบนี้ เขารู้สึกแปลกใจนิดๆ จากนั้นก็กวาดตามองไปยังอาหารที่ตั้งอยู่ และได้สังเกตเห็นว่ามีอาหารสองอย่างที่ดูแปลกไปจากที่เคยเป็น

แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังทำเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นด้วย

จิ่งหนิงทักทายเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ! มานั่งกินข้าวกันค่ะ!”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า รับผ้าขนหนูอุ่นจากคนรับใช้มาเช็ดมือ จากนั้นก็นั่งลง

อาหารชิ้นแรกที่เขายื่นมือไปคีบก็คือเห็ดหมอต้มหน่อไม้ที่จิ่งหลิงเป็นคนทำ

หลายปีมานี้จิ่งหนิงเองก็ดูแลตัวเองมาโดยตลอด เรื่องรสมือนั้นต้องไม่ด้อยอยู่แล้ว แต่ว่า ต่อให้รสมือจะดีแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่กินอยากอย่างลู่จิ่งเซินแล้วเธอเองก็ไม่ค่อยไม่ใจเหมือนกัน

เธอกลัวว่าถ้าอาหารที่ตัวเองทำเกิดไม่ใจปากเขา เรื่องที่จะหารือกับเขาก็คงหมดหวังแน่

ลู่จิ่งเซินคีบหน่อไม้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็เอาเข้าปากไป

จิ่งหนิงได้แต่จ้องเขาตาละห้อย เห็นเขาที่กำลังขมวดคิ้ว หัวใจของเธอก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว

“เป็นไงบ้างค่ะ? รสชาติ……ใช้ได้ไหมคะ?”

ลู่จิ่งเซินจ้องเขม็งมาที่เธอ “คุณเป็นคนทำเหรอครับ?”

อืม………

จิ่งหนิงไม่รู้ว่าจะยอมรับดีไหม ถ้าเขาชอบมันก็ดีไป แต่ถ้าเขาเกิดไม่ชอบขึ้นมาล่ะ ผลลัพธ์ที่ได้มันก็จะตรงกันข้ามเลยไม่ใช่เหรอ?

ในตอนที่เธอกำลังจะปฏิเสธไปนั้นเอง ป้าหลิวที่ยืนอยู่ข้างๆก็ทนไม่ไหวจนต้องยิ้มออกมา “คุณผู้ชายคะ  ผัดปลาส้มกับเห็ดหอมต้มหน่อไม้ชามนี้คุณผู้หญิงเป็นคนทำเองกับมือ เธอบอกว่าตั้งใจทำให้คุณเลยนะคะ!”

จิ่งหนิง”……”

ป้าหลิวคนนี้ทำไมพูดมากจัง?

เธอจึงต้องยิ้มไปอย่างเขินๆ “ฉันก็ทำไปงั้นแหละ ถ้าคุณไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนกินก็ได้นะคะ”

พูดจบ เธอก็ยื่นมือไปเพื่อจะยกอาหารทั้งสองอย่างออก

แต่พอยื่นมือออกไป เธอก็ถูกห้ามเอาไว้ก่อน

ลู่จิ่งเซินมองมาที่เธอด้วยแววตาที่ยิ้มแย้ม

“ผมบอกเมื่อไหร่ครับว่าไม่ชอบ?”

จิ่งหนิงชะงักไป

จากนั้นเขาก็คีบปลาอีกชิ้นเข้าไปในถ้วยของตัวเอง เขาค่อยๆดื่มด่ำกับมันอย่างช้าๆ ดูเขาก็มีความสุขดีนะ

จิ่งหนิง”……”

แล้วที่คุณขมวดคิ้วเมื่อกี้นี้มันคืออะไร?

เมนูที่ป้าหลิวเลือกมานั้นได้คัดเอาเมนูที่ทั้งคู่ไม่ชอบออกไปหมดแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจิ่งหนิงจะเลือกเมนูไหนมาทำมันก็คงไม่ออกมาแย่มากหรอก

คิดแล้วมันก็บังเอิญดี เธอกับลู่จิ่งเซินมักจะชอบกินอะไรที่คล้ายๆกัน

ทั้งสองคนไม่ชอบกินเผ็ด จิ่งหนิงชอบกินอาหารที่มีรสเปรี้ยวหวาน ส่วนลู่จิ่งเซินก็เฉยๆกับอาหารแบบนี้ 

พอเห็นว่าเขาไม่ได้รังเกียจ  จิ่งหนิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

ลู่จิ่งเซินถามเธอไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก “เอาอกเอาใจผมขนาดนี้ มีอะไรจะขอล่ะ?”

จิ่งหนิงยิ้มออกมาอย่างเขินๆ “พอดีฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษากับคุณนิดหน่อยค่ะ”

“กินเสร็จก่อนค่อยว่ากันครับ”

หลังอาหารเย็น ลู่จิ่งเซินก็ได้เข้าไปรับโทรศัพท์ในห้องหนังสือ

ส่วนจิ่งหนิงก็เข้าไปหันผลไม้ในห้องครัว จากนั้นก็ยกมันตามเขาขึ้นไปข้างบน

พอเข้ามาในห้อง ก็เห็นเขานั่งอยู่ที่หน้าคอม เหมือนกำลังเปิดกล้องประชุมอยู่

จิ่งหนิงลังเล ไม่รู้ว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้า

แต่แล้ว ลู่จิ่งเซินก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วกวักมือเรียกให้เธอเข้าไป

ในจอคอม เป็นห้องทำงานที่อยู่ไกลออกไป เป็นบรรดาผู้บริหารจากสาขาต่างประเทศของลู่ซื่อที่กำลังรายงานผลการทำงานกับเขาอยู่

เวลาค่อยๆล่วงเลยไป

จิ่งหนิงเริ่มรู้สึกเบื่อแล้ว นั่งเท้าคางอยู่ตรงโซฟา แล้วใช้ส้อมจิ้มผลไม้ในจานเล่น

ตรงโต๊ะทำงาน ลู่จิ่งเซินมองมาที่เธอ ริมฝีปากสีแดงบนใบหน้าที่สง่าของเขา กำลังขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเยลลี่ที่น่าหลงใหล เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปกัดสักคำ

ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงไปทีหนึ่ง

การประชุมที่ตั้งใจจะใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง ก็ถูกกระชับจนเหลือแค่สี่สิบห้านาทีเท่านั้น 

“เมื่อกี้คุณบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาผมใช่ไหมครับ?”

พอจิ่งหนิงเห็นว่าเขาประชุมเสร็จแล้ว เธอจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้ ยังไงตอนนี้วัฒนธรรมซิงฮุยก็เป็นของฉันแล้วจริงไหมคะ? แต่ตอนนี้สถานการณ์ในบริษัทก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ฉันจึงอยากถามคุณว่า พอเป็นไปได้ไหมที่จะให้เราร่วมเข้าไปอยู่ภายให้ชื่อของอานหนิงกั๋วจี้ แล้ว……เผื่อจะมีทรัพยากรที่เราพอจะใช้ร่วมกันได้อะไรแบบนี้”

พูดไปพูดมาเธอก็รู้สึกเกรงใจมากขึ้นทุกที

เพราะสิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ การที่อานหนิงกั๋วจี้สามารถเติบโตได้มาจนถึงทุกวันนี้ มันไม่จำเป็นที่จะต้องมาร่วมมือกับบริษัทเล็กๆอย่างเธอเลย

ส่วนลู่จิ่งเซินเองก็ไม่ได้ร้อนเงินจนต้องมาพึ่งเธอแบบนี้

แต่ตอนนี้จิ่งหนิงก็ไม่สามารถคิดหาวิธีที่มันดีไปกว่านี้ได้แล้ว ตอนนี้สภาพของบริษัทกำลังเป็นอัมพาต ถ้าไม่มีทรัพยากรที่ดีพอมาซัพพอร์ตละก็ ต่อไปจะต้องลำบากแน่ๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าต่อไปบริษัทจะพัฒนาไปทางด้านไหนก็ตาม เธอก็ไม่อยากจะเป็นคู่แข่งของอานหนิงกั๋วจี้แน่นอน

เพราะฉะนั้น ร่วมมือวันนี้ไปเลยน่าจะดีกว่า

ลู่จิ่งเวินมองเธอแล้วยิ้มออกมา

“อืม……มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยซะทีเดียวนะครับ”

ชายหนุ่มเอนตัวลงบนเก้าอี้หนัง ดวงตาสีดำของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่มีอะไรแอบซ่อนอยู่

แล้วเธอก็เข้าใจความนัยของเขา ใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงก่ำขึ้นมาทันที

เธอก้มหน้าลง แล้วพูดเสียงสั่นๆว่า “แล้วฉันต้องใช้อะไรติดสินบนคุณเหรอคะ……”

ลู่จิ่งเซินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ โน้มตัวมาใกล้ๆเธอ แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “คุณนายลู่ครับ มันมีวิธีอยู่มากมายที่สามารถติดสินบนผมได้ คุณเองก็น่าจะรู้ดีนะครับ”

จิ่งหนิง “……”

ชายหนุ่มเข้ามาใกล้มาก กลิ่นหอมที่สดชื่นลอยอยู่ที่ปลายจมูก บวกกับกลิ่นเย้ายวนที่ออกมาจากชายหนุ่ม

หลังจากนั้นเธอก็คิดว่า ตอนนั้นเธอคงจะถูกอำนาจของเงินทองครอบงำแล้วจริงๆ เธอถึงได้จูบเขาไปทีหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเลย

การสัมผัสที่เปียกชื้นมากับความหวามชื่นที่เย้ายวนใจ ความรู้สึกเหมือนแมลงปอที่บินไปแตะบนผิวน้ำ

ดวงตาของลู่จิ่งเซินสั่นสะท้าน

เขาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เธอถอนปากไป เขาก็ใช้มือฉุดเธอกลับมาทันที

จิ่งหนิงที่เสียการทรงตัวจนต้องพุบลงไปในอกเขา ช่วงเวลาต่อมา ท้ายทอยของเธอก็ถูกกดเอาไว้ จูบอันเร่าร้อนก็ได้กระหน่ำเข้ามา

ลู่จิ่งเซินจูบอย่างบ้าคลั่ง

ปกติเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเฉยชา ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้มาก่อน มันจึงทำให้จิ่งหนิงตกใจไปแวบหนึ่ง เธอตั้งสติไม่ทันไปแปบหนึ่ง

พอตั้งสติได้ ภายในช่องปากของเธอก็ถูกเขาเติมเต็มแล้ว

ชายหนุ่มโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาแสดงออกมาในยามปกติแล้ว ตอนนี้เขาดูบ้าคลั่งและบ้าอำนาจมาก เขาได้รุกรานไปทุกที่ที่เป็นของเธอ

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว 

ในที่สุดลู่จิ่งเซินก็ยอมปล่อยมือจากเธอสักที

จิ่งหนิงหายใจหอบ ใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือของเธอกำลังแดงก่ำ ดวงตาที่ใสสะอาดของเธอกำลังเปียกชุ่ม เหมือนกับเหยื่อตัวน้อยที่น่าสงสาร แถมริมฝีปากที่บวมเป่งของเธอยังเปียกปอนไปด้วยหยดน้ำที่เงางาม

ลู่จิ่งเซินจ้องมองมาที่เธอ ลำคอตีบตัน รู้สึกว่ายังอยากจะจูบเธออีก

“คุณนายลู่ครับ นี่คุณกำลังยั่วผมอยู่ใช่ไหมครับ?”

เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่แหบซ่าน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset