วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 642 เขาไม่เหมือนกัน

“ฉันไม่อยากให้ชีวิตของเธอเดินทางผิดจริงๆ และยิ่งไม่อยากให้เธอประสบพบเจอความทุกข์อย่างที่ฉันประสบผ่านมาอีกครั้ง แต่เมื่อพูดกลับมา คราวนี้ที่ฉันป่วยหนักเช่นนี้ และหลังจากผ่านการผ่าตัด ทำให้ฉันคิดได้ว่า ลูกหลานมีบุญของลูกหลาน บางครั้ง ความคิดของเราที่เป็นผู้ปกครอง เป็นเพียงตัวแทนของตัวเอง ไม่สามารถจะเป็นตัวแทนของเธอ ยิ่งไม่สามารถรับประกันว่าเธอจะมีความสุขได้ ดังนั้น แทนที่จะเป็นแบบนั้น ก็ควรจะปล่อยมือ ให้เธอทำเรื่องที่ตัวเองชอบ รักคนที่ตัวเองอยากรักดีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปไม่ว่าจะมีความสุขหรือไม่ ก็จะไม่เสียใจ ”

เธอหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วมองดูถังลั่วเหยาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“อีกอย่าง ตอนนี้เหยาเหยาก็โตแล้ว ไม่ใช่เด็กผู้หญิงในตอนนั้นที่มีเรื่องอะไรก็ต้องถามความเห็นของฉันอีกแล้ว ดังนั้น เรื่องที่พวกเธอแต่งงาน ขอเพียงเธอเห็นด้วย เธอชอบก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่สำคัญอีกแล้ว”

เมื่อถังลั่วเหยาฟังจบ ทันใดนั้นดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที

ตื้นตันจนโผเข้าไปในอ้อมกอดแม่ถัง กอดเธอไว้แล้วกล่าว“คุณแม่”

แม่ถังหัวเราะออกมา

ส่วนเฟิงยี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตื้นตันไปด้วย

เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณป้า ผมขอสัญญากับท่านว่า ต่อไปผมจะดีกับเหยาเหยา ท่านสามารถคอยดูผมอยู่ข้างๆ หากผมมีการกระทำที่ทำร้ายเธอใดๆ ท่านสามารถโจมตีผมได้ทันที ”

แม่ถังยิ้มกล่าว “โถ ยังเรียกป้าอีกหรือ”

ถังลั่วเหยาเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของแม่ ใบหน้าเล็กแดงก่ำด้วยความอาย เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง

“ซื่อบื้อ ยังไม่เปลี่ยนอีก ”

เฟิงยี่ถึงรู้สึกตัวขึ้นมา ใบหน้าแดงเล็กน้อย แต่ก็ยังเรียกอย่างดีใจ “แม่”

“ จ๋า จ้าจ้า”

จากนั้น แม่ถังก็กลับไปที่ห้อง หยิบซองแดงในกระเป๋าเดินทางออกมาใส่ซองใหญ่สองซองให้พวกเขาสองคน

เธอยิ้มกล่าว “ตอนนี้ฉันก็ไม่มีอะไรจะให้พวกเธอ พูดไปแล้วเรื่องนี้ต้องโทษพวกเธอเอง บอกฉันกะทันหันแบบนี้ ทำให้ฉันไม่ได้เตรียมแม้กระทั่งของขวัญแต่งงาน ก็ให้ซองแดงสองซองแล้วกัน ขออวยพรให้พวกเธอความรักสมหวัง มีความสุขกับการแต่งงาน ”ทั้งสองก็ยิ้มรับไว้

เฟิงยี่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ณ ตอนนั้นจัดวางให้คนรับใช้ไปทำงานของตัวเอง แล้วก็จัดให้หมอประจำครอบครัวมาทำการตรวจเช็คแม่ถัง

เขาอธิบายว่า “ต่อไปถ้าต้องการจะตรวจเช็ค ก็ไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลอีกแล้ว โทรศัพท์ไปโดยตรง แล้วหมอจะมาที่บ้านเอง”

แม่ถังรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย “มันจะเป็นการยุ่งยากเกินไปหรือเปล่า”

เฟิงยี่กล่าวว่า “ไม่ยุ่งยาก พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นหมอประจำครอบครัว นี่เป็นอีกหนึ่งบริการในรายการของพวกเขาอยู่แล้ว”

ถึงทำให้แม่ถังยิ้มรับไว้

ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันจนผ่านไปครึ่งบ่าย ตอนเย็น แม่ครัวมาใหม่ได้จัดเตรียมอาหารเลิศรสสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืน ถือเป็นการฉลองอวยพร

เนื่องจากคำนึงถึงสุขภาพร่างกายแม่ถังที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ว่าไม่อาจกินอาหารที่มันเลี่ยนหรือเผ็ดเกินไป ดังนั้น อาหารในงานเลี้ยงมื้อเย็นจึงค่อนข้างจืดและสดชื่น

ถังลั่วเหยายังไปเปิดเหล้าขวดหนึ่ง แม่ถังดื่มไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ห้ามพวกเขาดื่ม

เพียงแค่ย้ำถังลั่วเหยาว่า “หนูดื่มไม่เก่ง ดื่มน้อยหน่อย”

ถังลั่วเหยายิ้มแล้วแลบลิ้นใส่ เฟิงยี่จึงยิ้มกล่าว “ไม่เป็นไรครับ วันนี้อยู่ในบ้าน ถึงแม้จะเมา ก็ไม่เป็นไร ”

แม่ถังถึงยิ้มกล่าว“ระวังจะให้ท้ายจนเสียคน ”

ถังลั่วเหยาย่นจมูกทันทีอย่างไม่พอใจ “แม่ ใครจะให้ท้ายหนูจนเสียคนล่ะ พูดเหมือนหนูไร้เดียงสาขนาดนั้น”

แม่ถังเม้นริมฝีปาก และยิ้มอย่างมีความสุข

“ได้ หนูรู้เรื่อง หนูรู้เรื่องที่สุด”

ไม่ว่าอย่างไร มื้ออาหารเย็นนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง

และในเวลานี้ อีกด้านหนึ่ง

ที่วิลล่าเก่าตระกูลเฟิง

ตู๋กูยิงเพิ่งจะทำสวยเสร็จ กำลังเดินลงมาจากชั้นบน ก็เห็นเฟิงสิงลังที่กลับมาจากข้างนอก

ปีนี้เฟิงสิงลังอายุครบห้าสิบปีแล้ว แต่ดูไปแล้ว ยังแข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะได้รับการดูแลอย่างดี หากจะบอกว่าอายุสามสี่สิบปีก็ยังมีคนเชื่อ

ส่วนตู๋กูยิง แม้จะคลอดลูกชายสองคนแล้ว แต่หลายปีมานี้ดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัวที่สูงส่งและมั่งคั่ง ทำให้เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ถึงแม้รูปร่างจะไม่เพรียวเหมือนตอนเป็นสาวๆแล้ว แต่ชนะตรงที่ผิวพรรณขาวผ่องเนียนนุ่ม ดูไปแล้วคนทั้งคนยังรู้สึกมีเสน่ห์อยู่

เธอเดินเข้าไปหา รับเสื้อที่เฟิงสิงลังยื่นมาให้ แล้วถาม“วันนี้ทำไมคุณกลับมาคนเดียวล่ะ ”

เฟิงสิงลังขยับไหล่ที่รู้สึกเมื่อยเล็กน้อย แล้วกล่าว“วันนี้เหยี่ยนเอ๋อร์ไปดูงานที่ต่างประเทศแล้ว ประมาณสามสี่วันถึงจะกลับมา”

ตอนนี้ กิจการของเฟิงซื่อกรุ๊ป ส่วนใหญ่แล้วจะมีเฟิงสิงลังกับเฟิงเหยี่ยนสองคนพ่อลูกช่วยกันดูแล

เทียบกับเฟิงยี่ คนที่ชอบเที่ยวชอบเล่น มีงานอดิเรกของตัวเอง ไม่ชอบการผูกมัดแล้ว ลูกชายคนโตเฟิงเหยี่ยนจะเป็นผู้ใหญ่และหนักแน่นมั่งคงกว่า

เฟิงสิงลังกวาดสายตามองรอบบ้าน แล้วขมวดคิ้ว“วันนี้ยี่เอ๋อร์ไม่กลับมาอีกแล้วหรือ”

กู้ตู๋ยิงถอนหายใจ “ คุณชินแล้วไม่ใช่หรือ บ้านนี้ก็ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร ถ้าเขากลับมาถึงจะรู้สึกแปลก”

เมื่อเฟิงสิงลังได้ยินเช่นนั้น ยิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าไปใหญ่

ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “ไปกันใหญ่แล้ว เขาทำแบบนี้ยังมีบ้านอยู่ในใจสักนิดหรือเปล่า เตลิดจนชินแล้ว”

เมื่อตู๋กูยิงเห็นเขาโกรธ ก็ยิ้มกล่าว “ได้ คุณก็ไม่ต้องโกรธหรอก ตั้งแต่เล็กจนโตคุณก็ใช่ว่าจะรู้จักเขาครั้งแรก พูดไปพูดมา ล้วนเป็นลูกชายของคุณทั้งนั้น ก็ไม่รู้ว่ารับยีนกรรมพันธุ์การชอบเที่ยวชอบเล่นของใครในตัวเราไป ”

คำพูดของเธอนี้ เหมือนประชดประชัน

เฟิงสิงลังชะงักงันไป ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าฉายแววสำนึกผิด

จากนั้นยิ้มอ้อนตู๋กูยิง “ก็ได้ เขาไม่กลับมาก็ช่างเหอะ ทำกับข้าวเสร็จหรือยัง ผมดูซิว่าวันนี้มีอะไรกินบ้าง”

พูดจบ ก็เดินไปทางห้องอาหารทันที

ตู๋กูยิงมองดูเขาที่จากไปคล้ายหลบหลีก นัยน์ตาถมึงทึง

แต่ก็ไม่ได้เจาะลึกในหัวข้อนี้ต่อไป แล้วก็เดินตามไป

ค่ำคืนนี้ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ถังลั่วเหยาก็พาแม่เดินรอบสวนหนึ่งรอบ

ส่วนเฟิงยี่นั้นขึ้นชั้นบนไปห้องหนังสือ ตอนนี้ทั้งสองเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ก็ไม่ต้องหลบซ่อนอะไรอีกแล้ว ดังนั้น คืนนี้เขาจะอยู่ที่นี่ พักที่นี่

เมื่อเดินเล่นกับแม่เสร็จแล้ว ถังลั่วเหยาก็กลับไปที่ห้องนอน

เมื่อเห็นว่าในห้องนอนไม่มีคน ก็รู้ว่าเฟิงยี่ต้องอยู่ในห้องหนังสืออย่างแน่นอน

จึงหันหลังเดินไปทางห้องหนังสือ

ขณะนี้ ในห้องหนังสือ เฟิงยี่กำลังจดจ่อวาดอะไรอยู่บนคอมพิวเตอร์

เขากับพี่ชายคนโตเฟิงเหยี่ยนไม่เหมือนกัน เฟิงเหยี่ยนเป็นลักษณะที่ตั้งแต่เล็กก็เหมือนประเภทที่เป็นลูกของคนอื่น

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีที่สุด ทำอะไรก็ล้วนสามารถทำได้พิเศษสุด ไม่ว่าจะเป็นอีคิวหรือไอคิว ล้วนเป็นที่หนึ่ง หาคู่แข่งได้ยาก

ดังนั้น ตั้งแต่เล็กเขาก็รู้แล้วว่า ในด้านนี้ตัวเองจะเทียบกับพี่ชายไม่ได้

ยังดีที่เขาก็ไม่เคยคิดจะไปเปรียบเทียบด้วย

และอีกอย่าง ความสนใจและความชอบของทั้งสอง ไม่เหมือนกันเลยสักนิด

ก็อย่างเช่น หลังจากจบปริญญาตรีแล้ว ตามการร้องขอของพ่อ พี่ชายก็ไปทำงานในบริษัทของครอบครัว

แต่ก่อนเขาก็เคยถามพี่ชายว่า เกี่ยวกับการจัดวางของพ่อแบบนี้ รู้สึกไม่พอใจบ้างไหม

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset