วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 671 เก็บความลับของเธอ

เธอคิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเป็นแบบนี้

เวินเหวินจวินไม่ได้นั่งกับพวกเธอด้วย อาจจะเป็นเพราะตนเองรู้สึกว่าเป็นผู้ชาย มันดูไม่เหมาะสมหากจะนั่งกับผู้หญิงสองคนและไม่มีเรื่องจะคุย

ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่นั่ง เขาก็สั่งเครื่องดื่มเย็นและนั่งอยู่อีกด้าน

ในตอนแรกถังลั่วเหยายังรู้สึกแปลกๆ แต่เมื่อเห็นซูหว่านยังเป็นปกติจึงไม่พูดอะไรเพราะจะถามมากก็ไม่ดี

เธอมองซูหว่าน แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยและถาม: “คุณกลับมาคราวนี้ คุณป้าเฟิงรู้เรื่องรึยังคะ?”

ซูหว่านผงะไปราวกับว่าไม่ได้คาดว่าจะมีปัญหานี้มาก่อนเลย

และราวกับว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

เธอนิ่งไปครู๋หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น: “น่าจะยังไม่รู้นะ”

เธอเคยรับปากเธอว่าจะไปให้ไกลจากเมืองนี้ ให้ไกลจากคนคนนั้นและจะไม่กลับมาอีก

แต่เธอกลับคืนน้ำลายตัวเอง เธอทำไม่ได้ ผ่านไปยี่สิบกว่าปีเธอก็กลับมาอีก

พี่คะ หากรู้ว่าฉันมา พี่จะเกลียดฉันไหม?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ร่องรอยของภวังค์ก็ปรากฏขึ้นในการแสดงออกของเธอ

ถังลั่วเหยาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เธอแอบรู้สึกอยู่ตลอดว่าเรื่องระหว่างซูหว่านกับตู๋กูยิง คงจะมากกว่าเพียงแค่เรื่องการเป็นพี่น้องที่ไม่ได้ร่วมสายเลือดเดียวกันง่ายๆ แบบนั้น

ในเมื่อหากว่ามันเป็นเพียงเรื่องพี่น้องเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นทำไมเฟิงสิงลังจึงต้องแอบเก็บรูปถ่ายของเธอไว้ในหนังสือด้วย?

นี่มันแปลกมากไม่ใช่เหรอ?

ในฐานะสัมผัสที่หกของผู้หญิง เธอแอบเดาอยู่ในใจเพียงแต่ว่าเธอไม่กล้าจะเชื่อว่าเป็นความจริงเท่านั้น

หากจะพูดในแง่จิตสำนึก ถึงตู๋กูยิงจะคัดค้านเรื่องที่เธอคบกับเฟิงยี่และหาเรื่องยุ่งยากให้พวกเขามาไม่น้อย และทำลายความนับถือตัวเองของเธอนับครั้งไม่ถ้วน

แต่แท้จริงแล้วในใจเธอกลับไม่ได้เกลียดตู๋กูยิงขนาดนั้น

เพราะคนคนนั้นถึงบางครั้งจะดูโหดร้ายมาก แต่ความจริงแล้วก็ไม่นับว่าเป็นคนเลวร้ายอะไร

หากว่าเธอแย่ขนาดนั้น ลำพังเพียงแค่คิดจะขัดขวางไม่ให้เธอคบกับเฟิงยี่ก็คงมีอีกหลายร้อยวิธีเพื่อไม่ให้พวกเขาคบกัน

แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น ไม่เพียงแค่ความเมตตาลึกๆ ในจิตใจ และเพราะยังเป็นความสัมพันธ์แม่ลูกกับเฟิงยี่และไม่คิดจะทำให้เรื่องราวเลยเถิดไปถึงจุดที่ลำบากใจกันเกินไป

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถังลั่วเหยาเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งซูหว่าน โดยมีร่องรอยของการตรวจสอบข้อเท็จจริงในดวงตาของเธอ

“ฉันเชื่อว่าถ้าคุณป้ารู้ว่าคุณกลับมาแล้วคงจะดีใจมากแน่”

ซูหว่านนิ่งไปแล้วได้สติกลับมา สีหน้าเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและแทบจะพูดกับถังลั่วเหยาด้วยน้ำเสียงขอร้อง: “คุณถัง ฉันมีเรื่องที่อยากจะรบกวนคุณ คุณจะรับปากฉันได้ไหม?”

ถึงเธอจะใช้คำพูดที่สุภาพแต่ในใจกลับร้อนรนมาก

ถังลั่วเหยาพยักหน้าอย่างไม่รีบร้อนและถาม: “เรื่องอะไรคะ?”

“เรื่องที่คุณเจอฉันที่เมืองหลวงนี้และเรื่องที่ฉันกลับมา อย่าบอกพี่สาวของฉันโดยเด็ดขาด”

ถังลั่วเหยานิ่งไปและอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

และถามโดยอัตโนมัติ: “ทำไมคะ?”

ซูหว่านเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ

ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น: “นานมาแล้ว ฉันทำเรื่องที่ผิดต่อเธอมาก ฉันควรจะเป็นคนที่ตายไปแล้ว แต่เป็นเธอที่ไม่ถือสาเรื่องในอดีตและดึงฉันกลับมาจากประตูนรก”

“ฉันเคยรับปากกับเธอตอนที่จากเมืองหลวงไปว่าชีวิตนี้จะไม่กลับมาที่นี่อีก และจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก”

“ฉันไม่อยากให้เธอคิดมากและไม่อยากให้เธอคิดว่าฉันกลืนน้ำลายตัวเอง ดังนั้นคุณถังคุณจะต้องช่วยฉันเก็บความลับนี้ไว้ ได้ไหม?”

ถังลั่วเหยามองไปที่เธอ จนถึงตอนนี้เธอจึงแน่ใจว่าระหว่างซูหว่านกับตู่กูยิง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เธอคิดไว้ในตอนแรกจริงๆ

เธอไม่รีบร้อนที่จะรับปากและพูดขึ้น: “แต่ความจริงแล้วคุณก็กลืนน้ำลายตัวเองจริงๆ ไม่ใช่เหรอคะ?”

ซูหว่านหยุดนิ่ง

สักพักเธอก็ยิ้มอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ใช่ ฉันกลืนน้ำลายตัวเอง”

เธอพูดพลางก้มหน้าลงและลูบรอยย่นเล็กๆ บนกระโปรงของเธอเบาๆ

การแต่งกายแบบนี้ในฤดูนี้มันดูแปลกอยู่เล็กๆ

ในแอบเดาอยู่ในใจแต่ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้

สุดท้ายจึงทำได้เพียงพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ฉันรับปากได้อย่างมากก็แค่ไม่เป็นฝ่ายพูดเรื่องการมีอยู่ของคุณก่อน แต่ถ้าหากเธอถาม ก็ต้องขอโทษด้วย โปรดยกโทษให้ฉันด้วยฉันไม่สามารถโกหกได้”

อันที่จริงถังลั่วเหยาก็มีความเห็นแก่ตัวเช่นเดียวกัน

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างซูหว่านกับตู่กูยิง แต่จากที่ซูหว่านพูดเมื่อครู่ ตู๋กูยิงไม่ให้เธอกลับมาที่นี่อีก

และเห็นได้ว่าจะต้องมีความขัดแย้งที่ใหญ่มากระหว่างสองคนนั้น

ในฐานะภรรยาของเฟิงยี่ไม่ว่าตู๋กูยิงจะยอมรับการมีอยู่ของเธอหรือไม่ เธอก็ไม่อยากจะโกหกเธอด้วยเรื่องใหญ่ขนาดนี้

และยิ่งไม่อยากจะตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ ทำให้ความสัมพันธ์แม่ผัวลูกสะใภ้ที่ตึงเครียดอยู่แล้วต้องเพิ่มความตึงเครียดเข้าไปอีก

เธอทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เพื่อตัวเองเสียทั้งหมด

ที่สำคัญก็เพราะถึงแม้ว่าดูภายนอกเฟิงยี่จะดูไม่ใส่ใจแม่ของเขาเลย แต่เธอรู้ดีว่าแท้จริงแล้วว่าตู๋กูยิ่งมีความสำคัญมากในใจของเฟิงยี่

เธอไม่อยากให้เฟิงยี่ต้องติดอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเธอทั้งสองด้วยความลำบากใจและไม่อยากจะให้ตัวเองเป็นสาเหตุให้แม่ลูกคู่นี้ต้องเกิดความบาดหมางกันอย่างแท้จริงด้วย

เมื่อคิดถึงเรื่องเธอจึงได้แต่ถอนใจอีกครั้ง

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ พี่ซู ฉันรับปากคุณได้เพียงเท่านี้ ถ้าหากคุณ…”

“เพียงพอแล้วล่ะ”

ทันใดนั้นซูหว่านก็พูดขัดจังหวะเธอ

เธอเงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกับแววตาที่จริงใจและซาบซึ้งใจ

“คุณถัง ฉันเข้าใจคุณค่ะ ความจริงคำขอนี้ก็ไม่ค่อยจะมีมารยาทสักเท่าไหร่ คุณสามารถรับปากได้ถึงขนาดนี้ ฉันก็ซาบซึ้งแล้วค่ะ จริงๆ นะ”

ถังลั่วเหยาถอนหายใจเบาๆ

ด้านหนึ่งเธอไม่อยากจะหลอกตู๋กูยิง อีกด้านหนึ่งเธอก็ไม่อยากจะทำร้ายซูหว่าน?

ไม่ว่าในตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เธอรู้เพียงว่าผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้ ทั้งอบอุ่นและใจดี ไม่ว่าจะพบเจอใครก็อ่อนโยนดุจดอกเบญจมาศ ให้ความรู้สึกเหนือธรรมชาติ

เธอชอบมากซูหว่านและทนจะเห็นเธอลำบากใจไม่ได้

ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอาจเป็นได้ว่าไม่มีใครพูดอะไร สุดท้าย คนสองคนนี้จะไม่ได้เจอกันอีกเลยจริงๆ

เมื่อคิดแบบนี้ เธอก็ยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา

เธอพูด: “นี่ก็สายแล้ว พี่ซู คุณจะเดินเล่นต่อไหมคะ?”

ซูหว่านก้มหน้าและกระแอมเล็กน้อย เวินเหวินจวินเห็นเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินเข้ามา ใช้มือทั้งสองพยุงไหล่ของเธอและพูด: “นี่ก็สายมากแล้ว คุณควรกลับได้แล้ว”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset