วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 72 ชายในความมืด

บทที่ 72 ชายในความมืด

ชายที่ยืนอยู่ในความมืดมองเขาอย่างเย็นชา

ชายคนนั้นหุบปากทันที พร้อมเบิกตากว้างจ้องเขาอย่างไม่เชื่อ

นิ้วที่ชี้ไปที่เขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็ลดมันลงอย่างรวดเร็ว

“รุ่นพี่จี้สวัสดีครับ”

ในมุมที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เขาก็พยักหน้าให้คนนั้นอย่างพอเป็นพิธี

จี้หลินยวนยกริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมกับส่งสายตาเย็นยะเยือกออกมา

ริมฝีปากบางเฉียบเปิดพูดเบาๆ อย่างมืดมนและเย็นชา”ไปซะ!”

คนนั้นกำลังจะไป แต่จู่ๆก็ถูกเขาเรียกไว้

“เดี๋ยวก่อน!”

ชายคนนั้นหันหน้าไปทางเขาอย่างหวาดกลัว และลำบากใจ

“รุ่นพี่จี้ ผมไม่ได้ตั้งใจชนพี่จริงๆ ถ้ารู้ว่าพี่อยู่นี่ ผมยอมเดินอ้อม….”

จี้หลินยวนขัดจังหวะเขาอย่างทนไม่ไหว เขามองไปทางเวทีด้วยสายตามืดมน

“พอ ฉันไม่ได้จะพูดกับนายเรื่องนี้ คืนนี้ที่เจอกันที่นี่ ห้ามบอกคนอื่น เข้าใจมั้ย”

ชายคนนั้นอึ้งอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้ แต่เขาก็ตกลงอย่างเชื่อฟัง

จี้หลินยวนโบกมือให้เขาไป

แม้ว่าจี้หลินยวนจะจบจากโรงเรียนเว่ยหลันเป็นเวลาห้าปีแล้ว แต่ตำนานของเขาก็ยังคงแพร่อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้

ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากว่าสมัยจี้หลินยวนเรียน เขาเป็นคนที่ต่ำ และโหดร้ายที่สุด

เรียกได้ว่าเป็นนักเรียนที่เลวที่สุดในรอบสิบปี

มีเรื่องชกต่อยมากกว่าการสอบ แถมชกต่อยอย่างรุนแรง และโหดร้าย ตอนนั้นเขาเป็นฝันร้ายของครูกับนักเรียนทุกคน

เมื่อทุกคนเห็นเขาก็ต่างเดินเลี่ยง นอกจากหัวเหยาแล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาอีก

น่าเสียดาย

ทั้งคู่กลับใจไม่ตรงกัน

ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี สังคมดีอย่างเธอได้รับความกระทบกระเทือนอะไรในสมอง ถึงได้ชอบคนที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเธออย่างเขา

เธอทำดีแต่กลับได้รับความเย็นชากลับมา เด็กคนนั้นไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ควรได้รับอะไรแบบนั้นเลย

เรื่องนี้ทำให้ผู้ชายหลายคนที่แอบชอบหัวเหยาไม่พอใจ

แต่น่าเสียดายที่หัวเหยาไม่แม้แต่จะปรายตาไปมองพวกเขา พวกเขาจึงไม่มีสิทธิจะพูดอะไร

การแสดงของหัวเหยาบนเวทีจบลง

เธอลุกขึ้น และโค้งคำนับให้กับทุกคน แล้วเดินไปหลังเวที

เสียงปรบมือดังกึกก้อง จี้หลินยวนยืนอยู่ในความมืด มองไปยังทิศทางที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินไป ดวงตาสีเข้มของเขาดำดิ่งลง จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไป

การแสดงต่อไปเป็นของจิ่งเสี่ยวหย่า

ในฐานะเทพธิดาแห่งชายผู้แพ้นับพัน แม้ว่าจิ่งเสี่ยวหย่าจะไม่สวยเท่าหัวเหยา แต่ความนิยมของเธอก็ยังคงสูงมาก เนื่องจากบุคลิกที่ไร้เดียงสาของเธอ

เสียงเปียโนดังขึ้น เรียกเสียงปรบมือและความยินดีของทุกคน

และก็มีแฟนคลับชายที่คลั่งไคลมาให้ดอกไม้ที่เวที เขาดูตื่นเต้นมากจนแทบบ้า

จิ่งเสี่ยวหย่ายังคงทำท่าเขินอายเมื่อยืนอยู่บนเวที เธอพูดถ้อยคำสละสลวยชมย่องโรงเรียน ครู และเพื่อนร่วมชั้น

ไม่มีใครไม่ชอบฟังสิ่งดีๆแม้แต่ครูใหญ่ และเหล่าครูก็เหมือนกัน

ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันซาบซึ้ง

จิ่งหนิงไม่มีอารมณ์ที่จะดูการแสดงของเธออีกต่อไป เธอส่งข้อความหาหัวเหยา เมื่อรู้ว่าเธออยู่หลังเวที เธอก็ลุกไปทันที

หลังเวที หัวเหยากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า

เธอใส่ชุดจีนโบราณแสดงบนเวที และตอนนี้เธอก็ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นชุดราตรีสำหรับงานปาร์ตี้แล้ว

จิ่งหนิงรอเธออยู่หน้าประตู หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ทั้งคู่ก็ไปจับมือกันไปที่โรงแรมข้างๆ

งานเลี้ยงของโรงเรียนแบ่งออกเป็นสอง ที่นี่เป็นส่วนของการแสดง และพรมแดงซึ่งกินเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

หลังจบจากที่นี่แล้วทุกคนจะไปที่โรงแรมระดับห้าดาวข้างโรงเรียน คืนนี้ที่นั่นถูกจองไว้หมดแล้วเพื่อใช้จัดงาน คนที่ไม่สนใจการแสดงก็เข้ามาในพื้นที่บ้างแล้ว ดังนั้นแม้จะยังเช้าอยู่ก็ไม่ได้ร้างคน

จิ่งหนิงและหัวเหยาหยิบการ์ดห้องของตัวเองที่แผนกต้อนรับ ตั้งใจจะกลับห้องก่อน ค่อยไปห้องจัดเลี้ยง

ภายในห้องจัดเลี้ยงที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เริ่มคึกคักขึ้นมาแล้ว

คนดัง และบุคคลสำคัญส่วนใหญ่ที่จบจากโรงเรียนเว่ยหลันต่างมาถึงที่นี่สักพักแล้ว ภายใต้โคมไฟคริสตัลห้อยระย้าลงมา ทุกคนต่างชนแก้วพูดคุยกัน ทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้น

การมาถึงของทั้งคู่ ดึงดูดความสนใจของทุกคน

ไม่ใช่เพราะรัศมีของหัวเหยาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความสวยของผู้หญิงที่อยู่ข้างเธอด้วย

ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร สวยมาก!

แม้จะยืนอยู่ข้างหัวเหยาที่ได้ชื่อว่าเป็น “อันดับ 1 ของวงการบันเทิง” ก็ไม่ได้ดรอปไปเลย

เธอมีความสวยที่แตกต่างไปจากความสวยคลาสสิกของหัวเหยา จิ่งหนิงสวมชุดสีฟ้าทำให้มีความดูดีมีระดับ และยังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกล้วยไม้งามกลางหุบเขา

มีเพียงไม่กี่คนในงานที่รู้จักเธอ พวกเขาอดแสดงสายตาทึ่งๆออกมาไม่ได้

จิ่งหนิง จะเป็นเธอได้ยังไง

เมื่อก่อนจิ่งหนิงมักแต่งตัวด้วยชุดทำงานที่ทะมัดทะแมง และคล่องตัว

แม้ว่าเธอจะสวย แต่เธอก็มีความห้าวมากเกินไป ทำให้บดบังความสวยของเธอ

เมื่อคิดถึงเธอ ทุกคนต่างชื่นชมในความสามารถของเธอ และค่อยๆมองข้ามความสวยของเธอไป

เมื่อได้เจอเธอวันนี้ ก็เหมือนได้รู้จักกันใหม่อีกครั้ง

จิ่งหนิงมองไปรอบๆห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะมองเห็นชายผมหงอกที่อยู่ไม่ไกล

หัวเหยาก้มหน้ากระซิบ “เขาคือผู้กำกับเหยียนซื่อหวา คนนี้นิสัยแปลกมาก บางทีก็ไม่ไว้หน้าใครเลย เธอต้องระวังเวลาติดต่อกับเขา”

จิ่งหนิงพยักหน้า

“โอเค”

หัวเหยาเหลือบมองไปรอบๆ และกระซิบ “คนรู้จักฉันอยู่ตรงนั้น จะไปทักสักหน่อย ไม่ไปเป็นเพื่อนเธอละนะ”

“โอเค”

หลังจากหัวเหยาแยกไป จิ่งหนิงก็แอบสูดหายใจเข้าลึกๆ และเดินถือแก้วไวน์ไปทางที่เหยียนซื่อหวาอยู่

“ผู้กำกับเหยียน”

เหยียนซื่อหวาผู้กำกับภาพยนตร์ตลกที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ ถึงงานเขาจะตลก แต่เขาจริงจังมากในเรื่องส่วนตัว เขามีอารมณ์แปลกๆ ชอบความเรียบง่าย และไม่ค่อยเข้างานสังคม

เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักเรียนในเว่ยหลัน และครูใหญ่คนปัจจุบันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ดังนั้นวันนี้เขาจึงมาร่วมงาน

เมื่อได้ยินเสียงเรียก เขาก็หันไป

เมื่อเห็นจิ่งหนิง เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“สวัสดีค่ะผู้กำกับเหยียนฉันชื่อจิ่งหนิง และเป็นผู้ดูแลซิงฮุยคนปัจจุบัน”

จิ่งหนิงส่งนามบัตรของเธอให้ด้วยความเคารพ ในขณะที่เหยียนซื่อหวาก็ดูมันอย่างไม่สนใจ

“ซิงฮุยหรอ ผมได้ยินมาว่ามีคนซื้อมาก่อน คุณนี่เอง มีอะไรรึเปล่า”

งานแบบนี้มักใช้ในการติดต่อหาคอนเนคชั่น และคุยธุรกิจ

คำถามของเหยียนซื่อหวาแสดงให้เห็นว่าเขาขี้เกียจเข้าสังคมแล้ว

ถ้าครูใหญ่ไม่ขอร้องให้เขามา เขาก็คงไม่มาเข้าร่วมงานในวันนี้

จิ่งหนิงยิ้มพูดอย่างนุ่มนวล ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด “ฉันรู้ว่าผู้กำกับเหยียนไม่ชอบเข้าสังคม ดังนั้นที่ฉันมาหาคุณแน่นอนว่ามีธุระค่ะ”

เหยียนซื่อหวารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความตรงของเธอ

เขามองไปที่เธอแล้วถามว่า”มีอะไรเหรอ”

“ฉันได้ยินมาว่าผู้ ผู้กำกับเหยียนกำลังเลือกนางเอกสำหรับหนังใหม่เร็วๆนี้ ไม่ทราบว่ามีเข้าตารึยังคะ”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset