วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 776 ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

กู้ซือเฉียนพาหลินเยว่เอ๋อร์ขึ้นไปบนรถโรลส์รอยซ์ที่อยู่ข้างหน้า

เฉียวฉียืนนิ่งอยู่ที่เดินสองสามวินาที จากนั้นหลินซงก็เดินออกมาจากข้างหลัง

เขาเป็นคนอยู่เป็น เห็นกู้ซือเฉียนกับหลินเยว่เอ๋อร์ขึ้นไปบนรถที่อยู่หน้าเขาจากไกลๆ เขาทนเห็นเฉียวฉีอับอายไม่ได้ เขาจึงยิ้มและรีบเดินเข้าไปพูดว่า:“คุณเฉียว ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ให้ผมนั่งรถคันเดียวกับคุณได้ไหมครับ?”

เฉียวฉีไม่แสดงสีหน้าอะไร เธอเปิดประตูรถเล็กซัสและเข้าไปนั่ง

และในขณะเดียวกันก็พูดออกมาว่า:“แล้วแต่”

หลินซงหยุดชะงักอีกครั้ง

มีความรู้สึกเหมือนคนสองคนทะเลาะกัน ส่วนเขาถูกจับไว้เป็นที่ระบายตรงกลาง

แต่เมื่อนึกถึงความแค้นของคนสองคนที่เรียกได้ว่าแค้นเข้ากระดูก เขาก็ส่ายหน้า ไม่คิดอะไรแล้วเดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง

สนามกอล์ฟอยู่ไม่ไกลจากปราสาท และยังเป็นกิจการของกู้ซือเฉียน

ขับรถออกมาประมาณยี่สิบนาทีก็ถึง

พวกเขาลงมาจากรถก็จะมีคนขับรถขับรถออกไปจอด เฉียวฉียืนอยู่บนลานโล่ง เหล่ตาลงเล็กน้อย ยกมือขึ้นบังแดดที่ตาสังเกตพื้นที่โดยรอบ

หลินซงยืนอยู่ข้างหลังเธอ เขาเห็นแบบนี้จึงยิ้มแล้วพูดว่า:“คุณเฉียวยังคงมีนิสัยเดิม”

เฉียวฉียืนแข็งทื่อ

เมื่อก่อน เพราะว่าสถานะที่พิเศษ เนื่องจากมีความจำเป็นในการปกป้องความปลอดภัยของเธอ ทุกครั้งที่เธอไปที่ใหม่ๆ สิ่งแรกที่เธอทำก็คือการสังเกตพื้นที่โดยรอบและพื้นที่ที่กระจัดการกระจายอย่างละเอียด

มีทางเข้าทางออกกี่ทาง ร้านอาหารและห้องน้ำอยู่ตรงไหน ระยะห่างระหว่างพื้นที่แต่ละพื้นที่รวมถึงการไหลเวียนของผู้คนเป็นต้น

และยังจำได้ว่าเดิมทีนิสัยนี้กู้ซือเฉียนเป็นคนสอนเธอ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเก็บนิสัยแบบนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไร

ถึงแม้ว่าความรู้สึกที่สูญเสียไปจะไม่สามารถกลับคืนมาได้อีก แต่นิสัยที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูกพวกนี้ มันกลับเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกต่อไป

สีหน้าของเธอซับซ้อนขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีคนมาดึงบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเธอออกมา ทำให้คนขาดสมาธิ

และในขณะนี้เอง เสียงอ้อนของหลินเยว่เอ๋อร์ที่พูดกับกู้ซือเฉียนก็เข้ามาในหูของเธอ

“กู้ซือเฉียน แดดที่นี่แรงมาก ฉันไม่ได้เอาครีมกันแดดมาด้วย พระเจ้า! ฉันจะดำไหม?”

กู้ซือเฉียนกอดเธอ ปลายนิ้วเรียวยาวเลื่อนผ่านผิวหนังบนแขนของเธอ เขายิ้มอ่อนๆ :“ผมให้ลุงโอบอกคนเอามาให้คุณ”

หลินเยว่เอ๋อร์ทำตัวอ่อนแรงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอน่าหมั่นไส้พอที่จะทำให้คนถึงขั้นตายได้ เธอโอบคอและหอมแก้มเขาทีหนึ่ง

“กู้ซือเฉียนดีกับฉันที่สุดเลย”

กู้ซือเฉียนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

สีหน้าที่ซับซ้อนของเฉียวฉีเย็นชาลงทันที เพราะเสียงหัวเราะนั้นมันยิ่งทำให้เธอเย็นชา

หลินซงมองเห็นภาพทั้งหมดนี้ เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ในใจ แต่สีหน้ากลับเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก้าวเข้าไปพูดกับเฉียวฉี:“คุณเฉียว พวกเราไปกันเถอะ”

เฉียวฉีพยักหน้า ทั้งสองคนก็เดินไปข้างหน้า

กู้ซือเฉียนกอดหลินเยว่เอ๋อร์เหลือบมองมาที่พวกเขา ใบหน้าที่เคร่งขรึมไม่มีความวอกแวกเลยสักนิด มีแค่ดวงตาสีดำคู่นั้นที่ส่องประกาย

สนามกอล์ฟที่กู้ซือเฉียนเป็นคนเปิด พื้นที่ธรรมชาติขนาดใหญ่ บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับเฟิร์สคลาส

เฉียวฉีก็ไม่เกรงใจ ถึงสนามก็ไปเล่นเองสองสามรอบ ตีลงหลุมทุกรอบ แม่นจนหลินซงต้องปรบมือ

เธอยิ้มมุมปาก ใบหน้าที่สวยงามมีประกายของความภาคภูมิใจในตัวเอง ช่างดูสดใส

กู้ซือเฉียนมองดูด้วยสายตาที่มืดมน เขาปล่อยมือหลินเยว่เอ๋อร์แล้วก็ไปหยิบไม้กอล์ฟเดินไปที่สนาม

หลินเยว่เอ๋อร์ตีกอล์ฟไม่เป็น ถึงแม้ว่าในใจอยากจะเรียน แต่เธอก็ไม่กล้าบอกกู้ซือเฉียน ตอนนี้เธอจึงทำได้แค่นั่งอยู่เฉยๆ เพราะแบบนี้ เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นท่าทางของเฉียวฉี

แต่นอกจากไม่พอใจแล้ว เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร

ในสายตาของเธอ ตัวเองสวยกว่าผู้หญิงที่ชื่อเฉียวฉีคนนั้นเป็นพันเท่าหมื่นเท่า แค่เป็นผู้ชายก็ต้องรู้ว่าจะเลือกยังไง

ผู้ชายอย่างกู้ซือเฉียนคงไม่มีทางชอบเธออีก

ดังนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเล่นกอล์ฟเป็นแล้วยังไง?

รูปร่างที่เหี่ยวเฉาแบบนั้น ใส่เสื้อผ้ายังมองไม่เห็นน้ำเห็นเนื้อ เห็นได้ว่าเมื่อถอดเสื้อผ้าแล้วคงจะดูเหมือนจำฉ่ายถั่วงอก ไม่เห็นมีอะไรน่ามอง

คนแบบนี้ แน่นนอนว่าเธอไม่เป็นกังวลอยู่แล้ว

หลังจากสร้างจิตวิทยาให้กับตัวเองแล้ว หลินเยว่เอ๋อร์ก็นั่งลงบนเก้าอี้ แต่หลินซงกลับคันไม้คันมือ เขาหยิบไม้กอล์ฟแล้วเข้าไปร่วมเล่นด้วย

และในตอนนี้ บนพื้นหญ้า กู้ซือเฉียนมองดูผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาและพูดออกมาว่า:“ยังไง?แข่งกันหน่อย?”

เฉียวฉีไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย ตีลูกกอล์ฟออกไปแล้วพูดว่า:“แข่งยังไง?”

“กติกาเดิม ทั้งหมดสามตาชนะสองตาถือว่าเป็นผู้ชนะ ใครแพ้ต้องทำเรื่องเรื่องหนึ่งให้อีกฝ่าย”

เฉียวฉีหยุดชะงักไปพักหนึ่ง แค่เห็นลูกกอล์ฟกลิ้งตกลงไปในหลุม เธอเหล่ตาขึ้นมอง ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า:“โอเค”

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น

หลังจากที่หลินซงรู้ เขาก็เสนอตัวเป็นพยานและผู้ตัดสิน

สองคนนี้ก็ไม่มีอะไรให้โกง กติกาก็เห็นๆกันอยู่ ดังนั้นผู้ตัดสินอย่างเขาที่จริงแล้วมีก็ได้ไม่มีก็ได้

แต่หลินซงไม่ยอมไปไหน ยืนดูพวกเขาแข่งขันกันอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนก็ไม่ว่าอะไร ดังนั้นผู้ตัดสินอย่างเขาก็เลยได้อยู่ต่อ

ประตูแรก กู้ซือเฉียนนำไปก่อนหนึ่งลูก

เฉียวฉีก็ตีลงตามไปติดๆ

ประตูที่สอง กู้ซือเฉียนตีลงไปอีกครั้ง

เฉียวฉีก็ไม่ยอมแพ้ ตีลงไปแล้วเหมือนกัน

เมื่อมาถึงประตูที่สาม ทั้งสองคนหันหน้ามามองหน้ากัน

และในขณะที่หลินซงคิดว่าคนสองนี้จะเสมอกันอีกครั้ง เขาเห็นกู้ซือเฉียนยิ้ม

เขายืดตัวขึ้นแล้วพูดว่า:“แข่งแบบนี้มันน่าเบื่อ แข่งไปก็ไม่เห็นผล กล้าเล่นอะไรใหม่ๆไหม”

คำว่ากล้าไหมของเขา ก็รู้อยู่แล้วว่าเฉียวฉีจะต้องรับปากแน่นอน

เป็นอย่างที่คิดไว้ เขาเห็นเธอเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “เล่นยังไง?”

กู้ซือเฉียนชี้ไปที่ลูกกอล์ฟที่อยู่ใต้เท้าและพูดว่า: “เราสองคน ตีลูกนี้ลูกเดียว ใครที่สามารถตีลงหลุมเป็นผู้ชนะ ไม่มีการจำกัดเทคนิค ไม่มีกติกา แค่ตีลงก็ถือว่าชนะ เป็นไง?”

เฉียวฉีหรี่ตาลง

กู้ซือเฉียนพูดต่ออีก:“ถ้าไม่กล้าก็บอกตรงๆ ผมไม่บังคับคุณหรอก”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเธอ

เธอไม่พูดไม่จา หยิบไม้กอล์ฟขึ้นมาแล้วพูดอย่างเย็นชา:“ใครบอกว่าฉันไม่กล้า มาสิ!”

พูดเสร็จก็ตั้งท่า วางลูกกอล์ฟบนฐาน

กู้ซือเฉียนเห็นแบบนี้ เขาก็ยกมุมปากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่ผ่านไปแปปเดียวมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ทั้งสองคนได้ทำการเตรียมตัว หลินซงได้ยินว่าพวกเขาจะเปลี่ยนกติกา หลังจากที่เขาเข้ามาทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้สึกว่าบางทีอาจจะต้องให้วิธีนี้เท่านั้น ถึงจะตัดสินผู้ชนะได้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เขาแค่อยากจะเห็นว่า สองคนนี้สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ

ดังนั้นเขาเลยออกคำสั่ง ทั้งสองคนก็เริ่มตีลูกกอล์ฟ

การเคลื่นไหวของเฉียวฉีเร็วที่สุด แต่ไม้กอล์ฟยังตีไม่โดนลูกกอล์ฟ มันก็ถูกขวางด้วยไม้อีกอันที่ตีออกมาในแนวนอน

สายตาของเธอเป็นประกาย และก่อนที่อีกฝ่ายจะตีลูกกอล์ฟออกไป เธอรีบวิ่งเข้าไปกระแทกที่หน้าอกของเขาทันที

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset