วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 876 พาเธอไปเดินเล่น

ดวงตาของชายคนนั้นเป็นประกาย

เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ “นวดตรงไหน? ที่ตัวเหรอ? คุณจะช่วยนวดให้ฉันเหรอ?”

เฉียวฉีอึ้ง “…”

หน้าตาที่ยิ้มแย้มในตอนแรก เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นบูดบึ้ง เธอสบถออกมา“เหอะ”และบอกเขาว่า “ฝันไปเถอะ นวดเองเลย!”

พูดจบ ก็ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างโกรธเคือง

ตอนที่พูดไปกู้ซือเฉียนไม่คิดว่าเธอจะโกรธ แม่แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีเจตนาที่จะคิดไม่ซื่อด้วยซ้ำ

หลังจากตั้งสติได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เดินไปถึงประตูแล้ว เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาพูดบางอย่างผิด จึงรีบแก้ตัว “นี่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น คุณอย่าคิดมาก ฉัน…”

“ไม่ว่าคุณจะหมายความว่ายังไงฉันก็ไม่อยากคุยด้วยแล้ว”

เฉียวฉีหันกลับมา และพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ฉันขอบอกคุณไว้เลยนะ ทิ้งความคิดที่ไม่ซื่อของคุณเกี่ยวกับฉันซะ มิฉะนั้น…หึ!”

เธอยกมือขึ้นและยกกำปั้นเล็กๆ ทำท่าทางขู่ จากนั้น ก็เดินจ้ำอ้าวออกไป

กู้ซือเฉียนรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความยุติธรรมเอาเสียเลย

โคตรไม่ยุติธรรม

เขานั่งอยู่ที่เดิม รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเธอเป็นคนเสนอเองทั้งหมด ทำไมท้ายที่สุดคนชั่วถึงกลายเป็นตัวเขาเองได้กันล่ะเนี่ย?

เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยใจ หัวใจของผู้หญิงนี่เหมือนกับเข็มในมหาสมุทรอย่างที่บางคนว่าไว้จริงๆ เพราะงอย่างนั้นก็อย่าไปคาดเดาความคิดของพวกเธอเลย เดาไปก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

คนโบราณไม่ได้โกหกเขาจริงๆ

เขาหันหน้ามา มองไปที่ขวดน้ำมันหอมระเหยที่เฉียวฉีทิ้งไว้ให้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาหยิบมันขึ้นมาและมองดู

ในหัวพลางคิดถึงภาพขณะหญิงสาวร่างบางคนนั้นกำลังนวดน้ำมันให้เขา มุมปากของเขาก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

อืม… อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ถ้าเธอเต็มใจทำให้จริงๆ ก็ดีน่ะสิ

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่เฉียวฉีออกจากห้องมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด และเมื่อเธอไปถึงขั้นบนสุดของบันได ความเร็วของฝีเท้าก็ช้าลง

อันที่จริงเธอไม่ได้โกรธจริงๆ หรอก ไอ้โกรธมันก็โกรธแหละ ไม่ได้โกรธมาก แต่แค่มันยังติดอยู่ในใจเธอเท่านั้นเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการกระทำที่ส่อไปทางลามกของกู้ซือเฉียน เธอก็ไม่รู้วิธีรับมือกับมันจริงๆ

แม้ว่าเธอจะเข้าใจมันมาก่อนแล้ว ว่าควรเห็นใจคนตรงหน้า และอย่าไปสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มากเกินไป

แต่การเข้าใจความจริงก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เธอไม่สามารถลืม หรือเพิกเฉยต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เลย โดยปกติแล้ว มันจะไม่มีทางแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และอยู่กับเขาเหมือนเมื่อก่อนได้อีก

เมื่อเทียบกับความสัมพันธ์แบบนั้น เฉียวฉีรู้สึกว่า เธอชอบความสัมพันธ์แบบในปัจจุบันมากกว่า

ไม่เหมือนความแนบแน่นระหว่างคู่รัก เหมือนสหายร่วมรบกันมากกว่า เป็นเพื่อนกันน่ะ สามารถช่วยหนุนหลังกันและกัน และเป็นพันธมิตรที่ไว้ใจได้มากที่สุด

เธอรู้สึกเสมอว่า ในโลกนี้ มีคนแบบนี้อยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็นับเป็นเรื่องที่โชคดีของตัวเธอเอง

ส่วนเรื่องอื่นๆ เธอยังไม่อยากคิดตอนนี้

ให้ทุกอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เมื่อถึงเวลาก็ค่อยว่ากันดีกว่า

เมื่อคิดได้อย่างนี้ เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา พลางเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

ที่ชั้นล่าง เสี่ยวเยว่กำลังคุยกับสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดแจกันอยู่

เมื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นเธอเดินลงมา ก็รีบร้อนทักทายอีกฝ่ายในทันที แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาเธอ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เฉียวเฉียว คุณมาแล้วเหรอ”

เฉียวฉี “อืม” เป็นการตอบรับ และพยักหน้า

เนื่องจากขวดน้ำมันหอมระเหยถูกตรวจสอบแล้ว และได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร เฉียวฉีจึงตระหนักว่าก่อนหน้านี้เธอคงคิดมากไปเอง

อันที่จริงเพราะทั้งสองครั้งนั้นเธอผล็อยหลับไปตลอดเลย เธอจึงสงสัยว่าเสี่ยวเยว่ได้ทำอะไรกับขวดน้ำมันหอมระเหยหรือเปล่า

แม้ว่าจะพูดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ก็ถือเป็นช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เธอจึงไม่ผิดที่จะระมัดระวังตัวเองสักหน่อย

แต่เมื่อนึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มที่ไร้เดียงสาของเสี่ยวเยว่ในวันนั้น ในใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดขึ้นมา

เธอพูดกับเสี่ยวเยว่ว่า “วันนี้เธอมีอะไรต้องทำไหม?”

เสี่ยวเยว่ผงะ และส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่มีงานอะไรนะคะ”

เฉียวฉียิ้มและพูดว่า “ในเมื่อไม่งาน งั้นไปเดินเล่นข้างนอกเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

เมื่อเสี่ยวเยว่ได้ยินว่าเธอกำลังจะออกไป ดวงตาของหล่อนก็ส่องประกายขึ้นทันใด

แล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ คุณอยากไปที่ไหน? ต้องเอาอะไรไปบ้างคะ?”

เฉียวฉียิ้มและตอบว่า “ไม่ต้องหรอก แค่ไปเดินเล่นเฉยๆ ไปกันเถอะ”

พอพูดจบ เธอก็เดินนำหล่อนออกไป

พอลุงโอรู้ว่าพวกเธอกำลังออกไปข้างนอก ก็รีบจัดคนขับรถให้เธอ และขอให้ฉินเยว่จัดทีมบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันเธอตลอดทาง

และไม่รู้ว่ามันเป็นความบังเอิญ หรือความตั้งใจของฉินเยว่กันแน่ เพราะทีมบอดี้การ์ดที่ดูแลพวกเธอ หนึ่งในนั้นมีซูเฉิงด้วย

เฉียวฉีมองเข้าไปในดวงตาของเขา ยิ้มในใจ ตอนออกจากประตูมา ก็มองด้วยสายตาเชิงแซวเสี่ยวเยว่อยู่เลย

เสี่ยวเยว่หน้าแดง และก้มหน้าลง เขินอายจนทำอะไรไม่ถูก

เฉียวฉีรู้สึกตลกในใจ และในขณะเดียวกัน เมื่อมองดูความรักของวัยหนุ่มสาวที่บริสุทธิ์เช่นนี้ เธอก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

ความบริสุทธิ์และเรียบง่ายมันดีจริงๆ

ไม่ต้องมีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง และไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องบุญคุณความคับข้องใจและความเกลียดชังใดๆ ถ้ารักกันชอบกันก็อยู่ด้วยกัน นับเป็นเรื่องที่ดีมากเลย

เธอให้เสี่ยวเยว่นั่งรถคันเดียวกันกับเธอ แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างราบรื่น

เหตุผลที่จู่ๆ เฉียวฉีก็อยากจะออกมาในวันนี้ ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เป็นเพราะ ตัวเธอเองรู้สึกอุดอู้ที่ต้องอยู่แต่บ้าน จึงอยากออกมาเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อย

แม้ว่า ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน และการออกมาข้างนอกนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก แต่อย่างไรซะเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเพียงครู่เดียวก็สามารถแก้ไขได้ในทันที จะให้อุดอู้อยู่แต่บ้านเพราะเหตุนี้ก็คงไม่ไหวหรอก

ประการที่สอง เนื่องจากความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเสี่ยวเยว่ เธอจึงตระหนักว่าแม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ แต่เธอก็ทำร้ายน้ำใจของอีกฝ่ายจริงๆ

หลังจากอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน เธอถือว่าเสี่ยวเยว่เป็นเพื่อนเธอจริงๆ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก

ดังนั้น ก็เลยอยากจะดูด้วยว่ามีอะไรที่เหมาะสมหรือไม่ จะได้ซื้อให้หล่อน ถือซะว่าเป็นการชดเชยความผิดของตัวเอง

แน่นอน ความคิดเหล่านี้ทั้งหมด เสี่ยวเยว่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ทั้งสองมาถึงห้างสรรพสินค้าสุดหรูที่อยู่ใกล้ๆ เฉียวฉีกล่าวว่า “เธอเลือกดูได้ตามสบายเลยนะ ถ้าเจออะไรที่ชอบก็บอกมาเลย ฉันจะซื้อให้เธอ”

เสี่ยวเยว่ตกตะลึง แต่ก็ค่อนข้างปลื้มใจ

“ให้ฉัน? จริงเหรอคะ?”

เฉียวฉียิ้ม “แน่นอน ฉันเคยโกหกเธอด้วยเหรอ?”

เสี่ยวเยว่ถึงกับอึ้ง

เธอยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย “แต่ว่าฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะคะ อย่างนี้ แล้วอย่างนี้มันจะดูไม่ดีไหมคะ?”

แม้ว่าปากจะพูดไปแบบนั้น แต่ดวงตาของเธอ เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังตื่นเต้นอยู่

ต้องบอกไว้ก่อนว่า ห้างสรรพสินค้าที่เฉียวฉีพาเธอไปนั้น หรูหราที่สุดในบริเวณนี้แล้ว และของทุกอย่างที่ขายในนั้นก็เป็นของชั้นยอดทั้งหมด

เธอเป็นเพียงสาวใช้ เงินเดือนหนึ่งเดือนจะสูงขนาดไหนกันเชียว เธอจึงมีเงินเพียงเล็กน้อย ปกติแล้วเธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ จะมีหน้าเข้าไปเดินข้างในได้อย่างไร

และยิ่งไม่ต้องพูดถึง การจะมาซื้อของข้างในนี้

แต่ตอนนี้ มีโอกาสอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว และยังให้เธอเลือกได้ตามใจชอบอีก แน่นอนว่าเธอต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว

เฉียวฉีเห็นเธอดูเกร็งๆ ก็ยิ้ม “ไม่เห็นมีอะไรไม่ดีเลย ก็เธอเรียกฉันว่าพี่สาวไปหนึ่งครั้ง แล้วฉันจะให้บางอย่างกับเธอเหมือนกัน มันก็ปกติไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อเสี่ยวเยว่ได้ยินแบบนี้ ก็ดูเหมือนจะโล่งใจขึ้นมา

เธอยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นการเรียกพี่สาวของฉันก็คุ้มเกินคุ้ม ถ้าฉันรู้มาก่อนฉันก็คงจะเรียกอีกสักสองสามครั้ง ถ้าแบบนั้นจะได้ขอเพิ่มอีกสักสองสามอย่าง”

เฉียวฉีรู้ว่าเธอล้อเล่น เพราะเสี่ยวเยว่ที่เธอรู้จัก ไม่ใช่คนที่มีนิสัยได้คืบจะเอาศอกแน่นอน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset