วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 881 เพราะว่าเธอไม่คู่ควร

ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของเธอหรือไม่ เธอมักรู้สึกเสมอว่า เสี่ยวเยว่วันนี้ ไม่เหมือนกับเสี่ยวเยว่วันก่อนเลย

ราวกับเธอมีเรื่องมากมายภายในใจ

เกิดเรื่องอะไรกันแน่?

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อยู่ข้างนอก ถ้าเสี่ยวเยว่ยืนกรานที่จะไม่พูด เธอก็ไร้หนทาง

หลังจากซื้อของเสร็จ เวลาก็เลยผ่านไปจนเที่ยงวันแล้ว

เฉียวฉีวุ่นอยู่กับการหาร้านทานอาหารละแวกใกล้เคียง

ท้ายสุด ก็เลือกร้านอาหารระดับสูงที่มีอาหารเลิศรส หลังจากเข้ามาแล้ว เสี่ยวเยว่ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

เฉียวฉีไม่ได้สนใจ จัดการให้ซูเฉิงและคนอื่นๆ นั่งตรงที่นั่งชั้นพิเศษด้านข้าง ส่วนตัวเองและเสี่ยวเยว่นั่งตรงที่นั่งเดี่ยวอันเล็ก หลังจากนั้นจึงสั่งอาหาร

อาหารของที่นี่เป็นรสอ่อน เธอสั่งของโปรดไม่กี่อย่าง และสั่งอีกสองสามอย่างที่เธอคาดว่าเสี่ยวเยว่จะชอบ ก่อนจะสั่งกาช้าอีกหนึ่งหม้อ ก็เป็นอันจบ

ในเวลาเดียวกัน อีกฝั่งในห้องน้ำ

เสี่ยวเยว่จับโทรศัพท์แน่น กัดฟันพูดอย่างโกรธเคือง “แน่ใจนะ ว่าคุณจะไม่ช่วยฉัน?”

เสียงผู้ชายจากปลายสายต่ำและดูไม่พอใจ

“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ช่วยคุณนะ หลิงเอ๋อร์ความสัมพันธ์ของเราเป็นความลับ ถ้าหากผมลงมือ เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนก็จะรู้กันทั่วว่าคุณคือผู้หญิงของผม แล้วแผนการต่อจากนี้จะทำอย่างไร? คุณต้องให้ความสำคัญกับภาพรวมด้วย!”

“ฉันไม่รู้อะไรเรียกว่าให้ความสำคัญกับภาพรวม! ฉันรู้เพียงว่าคุณยายของฉันพบเจอกับอันตราย ถ้าฉันไม่ช่วยเธอละก็ เธออาจจะตายได้!”

“หลิงเอ๋อร์ คุณแค่ต้องยืดเวลาออกไป ไม่ลงมือกับมัน พวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรกับคุณยายคุณหรอกนะ พวกมันยังวางใจให้คุณช่วยเหลือพวกมัน ไม่ลงมือทำอะไรกับเธอแน่ ในช่วงวิกฤตินี้ คุณอย่าวิตกไปเองเลย”

“ฉันไม่สน ฉันจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะว่า จะช่วยฉันหรือไม่!”

ฝ่ายตรงข้ามเงียบไปประเดี๋ยว

จากนั้นจึงถอนหายใจ

“หลิงเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าผมไม่ช่วย แต่ผมไม่สะดวกจริงๆ… …”

“เหอะๆ… …” เสี่ยวเยว่หัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน

“ไม่สะดวก? โอเค ในเมื่อคุณไม่สะดวก ฉันก็เข้าใจค่ะ คุณหนาน หลังจากวันนี้เป็นต้นไป อย่าหวังว่าฉันจะทำอะไรเพื่อคุณอีก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม! เพราะว่าคุณไม่คู่ควร!”

พูดจบ เธอก็ตัดสายทันที

อีกด้านหนึ่ง

หนานมู่หรงที่ถูกวางสายใส่ ก็พลันขมวดคิ้วมุ่น

หลินเยว่เอ๋อร์สวมชุดสไตล์Chanelออกมาจากห้องลองชุด ก่อนจะถามว่า “ชุดนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ? สวยไหม?”

หนานมู่หรงไม่ตอบ

เธอมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ เมื่อเห็นใบหน้ามืดครึ้ม คิ้วที่ขมวด และทั่วทั้งร่างที่กำลังแผ่รังสีอึมครึมออกมา

ก็อดที่จะตกใจกลัวไม่ได้ เธอระงับความสั่นไหวในดวงตา ก่อนยิ้มถาม “มู่หรง เป็นอะไรไปคะ?”

หนานมู่หรงถึงจะค่อยมีสติกลับมา

เขาหันหน้าไปทางเธอ ก่อนจะพยักหน้า “สวยสิ”

ดูประจบประแจงอย่างเห็นได้ชัด

หลินเยว่เอ๋อร์ไม่พอใจ

แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไร ทำดีเพียงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันซื้อนะคะ”

“อืม ซื้อเถอะ”

หนานมู่หรงพูดพลางหยิบบัตรออกมาให้คนไปรูด

เมื่อซื้อของเสร็จแล้ว ก็พาเธอออกมาจากร้าน

ขณะเดียวกัน ของอีกฝั่งหนึ่ง เสี่ยวเยว่ก็ออกมาจากห้องน้ำ

นี่เป็นร้านอาหาร หม้อแกงเห็ด เมื่อตอนเธอออกมา เฉียวฉีก็นำอาหารที่เพิ่งมาเสิร์ฟนำไปใส่ลงในหม้อแล้ว

เมื่อเห็นเธอ ก็ยิ้มก่อนจะพูด “รีบมานั่งสิ มาชิมว่ารสชาติของร้านนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

เสี่ยวเยว่นั่งลงตรงข้ามเธอ

เฉียวฉีแทบไม่ต้องมอง ก็รู้สึกได้เลยว่า ใบหน้าของเธอแย่ลงกว่าเดิม ความเศร้าในดวงตาและบนคิ้วของเธอไม่สามารถปกปิดกันได้

เธอพูดอย่างใจเย็นว่า “เสี่ยวเยว่ ถ้าหากเธอเจอความยากลำบากอะไร แล้วไม่เหนือบ่ากว่าแรงของฉัน เธอก็สามารถบอกฉันได้นะ”

ท้ายที่สุดเธอก็ฝืนยิ้ม ก่อนส่ายหัว “พี่ช่วยฉันไม่ได้หรอกค่ะ”

เธอจะช่วยฉันได้อย่างไร?

เฉียวฉีขมวดคิ้ว

เธอไม่รู้ว่าเสี่ยวเยว่เจอเรื่องอะไร แต่เธอรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่เห็นเสี่ยวเยว่เป็นแบบนี้ เฉียวฉีได้แต่ถอนหายใจ

“โอเค ในเมื่อเธอไม่อยากพูด ก็ไม่เป็นไร กินข้าวกันก่อนเถอะ”

พูดพลาง เอาชิ้นเนื้อสดใส่หม้อ ก่อนจะคีบใส่ชามของเธอให้

เสี่ยวเยว่มองไปยังเนื้อในชามของตัวเอง แต่ไม่ขยับ

ภายในดวงตาและดวงใจมันยุ่งเหยิงอลหม่านไปหมด

เมื่อเฉียวฉีเห็นเธอไม่จับตะเกียบ ก็ถาม “นั่งนิ่งทำอะไร? กินสิ”

ทันใดเสี่ยวเยว่ก็พูดขึ้นมาว่า “พี่เฉียวเฉียว ฉันอยากดื่มเหล้า ฉันดื่มเหล้าสักนิดได้ไหม”

เฉียวฉีตะลึง

ทันใดเธอก็พบว่า ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ดวงตาของเสี่ยวเยว่ค่อยๆ แดงก่ำขึ้น

เธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร และไม่รู้ว่าจะปลอบใจจากตรงไหน ทำได้เพียงพยักหน้า

“ได้สิ ได้อยู่แล้ว”

เธอพูดพลาง กดกริ่งบริการ ไม่นานนัก พนักงานก็เดินเข้ามา

เธอถามเสี่ยวเยว่ “อยากดื่มเหล้าอะไร?”

เสี่ยวเยว่ตอบ “อะไรก็ได้ค่ะ”

ดังนั้น เฉียวฉีจึงสั่งไวน์แดงหนึ่งขวดที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ค่อนข้างต่ำให้เธอ

หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟออกไป เธอมองที่เสี่ยวเยว่อย่างกังวลและพูดว่า “เธอเป็นอะไรกันแน่?”

เสี่ยวเยว่พูดว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่รู้สึกจิตใจไม่โอเคนิดหน่อย”

เธอพูดพลาง ขบริมฝีปาก มองไปทางเฉียวฉี

“ขอโทษนะพี่เฉียวเฉียว ฉันรู้ว่าที่ฉันเป็นอย่างนี้มันไม่ดีมาก และไม่มีมารยาทเลย ฉันไม่ควรให้อารมณ์ของตัวเองมากระทบต่อพี่ ขอโทษจริงๆ”

เธอไม่รู้จะปลอบเสี่ยวเยว่ยังไง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย

สุดท้าย เธอก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“กินก่อนเถอะ”

ไม่นานนัก ไวน์ก็ถูกนำมาเสริฟ์

เสี่ยวเยว่รินให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ก่อนจะรินให้เธออีกหนึ่งแก้ว

เพราะแผลบนร่างกายของเฉียวฉียังไม่หายดี ก็เลยไม่สามารถดื่มได้เยอะ แต่เธอไม่ต้องการปล่อยให้อีกฝ่ายดื่มคนเดียว ดังนั้นก็แค่ดื่มเป็นเพื่อนเล็กน้อยเท่านั้น

เสี่ยวเยว่ยกแก้วขึ้น ก่อนพูด “พี่เฉียวเฉียว ขอบคุณที่ตอนนี้ดูแลฉันเป็นอย่างดี ฉันขอดื่มให้พี่”

เฉียวฉียิ้มบาง ยกแก้วขึ้นชนกับเธอ

เธอแค่จิบ แต่เสี่ยวเยว่ดื่มราวกับเป็นน้ำเปล่าจนหมดแก้ว

เธอมองเข้าไปในดวงตา ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่นานก็คลายลง

ช่างเถอะ ในเมื่ออยากดื่ม ก็ให้เธอดื่มเถอะ

ถึงแม้เธอจะไม่เห็นด้วยกับการดื่มสุราเพื่อให้ลืมปัญหา ถึงอย่างไรถ้ามีคนหนึ่งมีเรื่องไม่สบายใจ แม้เพียงจะเมา เรื่องวุ่นนั่นก็คงไม่ถูกแก้

รอให้สร่างก่อนเถอะ ไม่เพียงแค่ ต้องเผชิญความไม่สบายกายหลังจากเมาค้างเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับเรื่องวุ่นนี้ด้วย มันไม่ยิ่งน่าปวดหัวกว่าหรือ?

ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เฉียวฉีจะเลือกวิธีนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

แต่ทว่า เธอก็เข้าใจ บนโลกใบนี้ อย่างไรทุกคนก็ไม่มีความคิดเดียวกันกับเธอหมดหรอก

ถ้าหากพูดว่า แอลกอฮอล์สามารถทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายและมีความสุขได้ชั่วคราวจริงๆ เธอก็ยินดีที่จะเคารพอีกฝ่าย

หากไม่ได้ผล ก็เพียงใช้มันระบายอารมณ์ออกมาก็โอเค

เฉียวฉีไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากเป็นเพื่อนเธอดื่มไปสองแก้ว ต่อมาตัวเธอเองก็ไม่ได้ทำอะไร เสี่ยวเยว่ยังคงกระดกแก้วดื่มต่อไป

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset