วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 893 เธอเป็นหนอนบ่อนไส้

พูดจบก็หันหลังเดินจากไป

อย่างไรก็ตาม ลิ่วเสิ่นก็เตรียมตัวมาก่อน จะถูกเขาตามจับได้อย่างไร

ตามไปได้ครึ่งทาง ก็หายไปแล้ว

เหนือท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ จะไปหาร่องรอยของอีกฝ่ายได้จากไหน

กู้ซือเฉียนโยนแจกันดอกไม้ด้วยความหัวเสีย

แต่ในที่สุด ตอนนี้เขาก็แน่ใจแล้วว่า เฉียวฉีตกอยู่ในกำมือของกลุ่มชาวจีน

ดวงตาของเขามืดมน

อา หนีได้แค่ชั่วคราว อย่างไรก็ต้องเจอปัญหาอยู่ดี คิดว่าตัวเองจะหนีได้เหรอ?

ดังนั้น เขานับกำลังคนทันที, ก่อนจะรีบเร่งรุดไปที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มคนจีนแห่งประเทศF

อีกด้าน

เมื่อเฉียวฉีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในรถแล้ว

ไม่ใช่รถคันเล็ก แต่เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่

ในเวลานี้ เธอกำลังนอนอยู่บนตู้โบกี้ของรถบรรทุก ในรถมีเบาะรองนั่ง2 อัน เนื่องจากประตูปิดอยู่ บริเวณโดยรอบจึงมืด มีเพียงแสงจากรอยแยกที่ตรงประตูเท่านั้น ที่ทำให้มองเห็นว่าข้างนอกยังเป็นตอนกลางวัน

เธอตกใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง

เมื่อนั่ง เธอก็พบว่ามือและเท้าของตัวเองถูกมัด

ยังคงเป็นการมัดเงื่อนที่ขี้โกง ยิ่งดิ้นเท่าไหร่มันก็จะยิ่งรัดแน่น

หัวใจของเฉียวฉีหม่นลง เธอไม่เคลื่อนไหว เขาพิงกำแพงรถ และนึกย้อนไปตอนก่อนจะสลบ

ในตอนนั้น มีคนบุกเข้ามาจากด้านนอก และเธอได้โอกาสหลบหนีพอดี

แต่ไม่คิดเลยว่า ลิ่วเสิ่นจะจับเสี่ยวเยว่ และใช้ชีวิตของเสี่ยวเยว่มาต่อรอง

เธอรู้ว่า คนที่อยู่นอกประตูคงไม่สามารถเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว และเธอยังทนเห็นเสี่ยวเยว่บาดเจ็บไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงประนีประนอมชั่วคราว และรับปากว่าเธอจะแลกตัวเองกับเสี่ยวเยว่

แน่นอน ว่าเธอสามารถหนีไปได้ทันที ในเวลานี้ถ้าปล่อยให้ตัวเองตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอีก เฉียวฉีจะไม่ทำเรื่องแบบนี้

ดังนั้น ฉากหน้าเฉียวฉับปาก แต่ในความเป็นจริง เธอกลับเตรียมการไว้แบบลับๆ ทำได้เพียงแต่เข้าใกล้คู่ฝ่ายตรงข้าม และเริ่มโจมตี ก่อนจะใช้โอกาสนี้ในการช่วยเหลือเสี่ยวเยว่

อันที่จริง เธอทำสำเร็จ อีกฝ่ายไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน แถมเพราะความชุลมุนด้านนอก เขาเลยไม่ค่อยโฟกัส

เมื่อถูกโจมตีโดยเธอ เฉียวฉีก็พาเสี่ยวเยว่วิ่งออกไป ต่อมา เมื่อเธอกำลังจะวิ่งไปถึงประตู

ทันใดนั้น ก็มีคนลงมือทำให้เธอสลบ

คนที่ลงมือคือคนนั้น คนที่เธอปกป้องอย่างสุดหัวใจ และต้องการช่วยชีวิตเธอด้วยชีวิตของตัวเอง

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของเฉียวฉีก็เย็นชา

เธอไม่เคยคิดว่าเสี่ยวเยว่จะทำเช่นนี้

จนกระทั่งถึงเวลานี้เอง ที่เธอรู้สึกผิดปกติ

ทุกวันนี้ คำพูดและการกระทำของเสี่ยวเยว่ที่อยู่ข้างตัวเอง เธอถูกพามาที่นี่โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ และเหตุผลที่เธอถูกจับกุมตั้งแต่แรกก็เพราะเธอไปห้องน้ำเป็นเพื่อนเสี่ยวเยว่

ถ้าอย่างนั้น… เธอเป็นคนของกลุ่มชาวจีนมาโดยตลอดเหรอ?

เธอซ่อนอยู่ข้างตัวเธอเอง ทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย เพื่อที่พร้อมจะตลบหลังเธอตอนไหนก็ได้?

ดังนั้น แม้กระทั่งการลอบสังหารและการวางยาพิษที่เกิดขึ้นในปราสาทก่อนหน้านี้ ก็เป็นอุบายของเธอด้วยใช่หรือไม่?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉียวฉีก็นิ่งไป

รู้สึกว่าเหงื่อเย็นๆ ไหลที่หลัง

ในขณะนี้ รถหยุดลง

ประตูรถเปิดออก และร่างผอมบางก็ได้ปีนขึ้นมา

เฉียวฉีมองไปที่เธออย่างเย็นชา

เสี่ยวเยว่ ควรจะเรียกว่าเยว่หลิง สังเกตเห็นแววตาของเธอ แต่ก็ไม่แปลกใจ เธอเดินเข้าไปหา วางอาหารที่เธอยกมาไว้ข้างเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปเอาผ้าที่อุดอยู่ที่ปากของเธอออก

“ถ้าอยากรอดอย่าส่งเสียง อย่าคิดว่าฝีมือตัวเองดีแล้วไม่เห็นหัวใคร ในรถคันนี้ทุกคนเป็นคนของเรา รอบๆเป็นถนนร้างไร้คน คนของกู้ซือเฉียนก็ยังตามมาไม่ทัน ดังนั้นถ้าหากพวกเราฆ่าเธอจริงๆ ก็ไม่มีใครมาช่วยเธอได้”

เธอพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ราวกับคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจของเธอได้

จริงๆแล้ว เฉียวฉีก็อยากฉวยโอกาสนี้ลงมือจริงๆ

เธอไม่ใช่คนที่ใครต่อใครก็หิ้วไปมาได้

ถูกหลอกเหมือนคนโง่ และตอนนี้กลายเป็นปลาบนเขียง เป็นความอัปยศที่สุดสำหรับเธอแล้ว

เธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกพวกเขาพาไปนู้นนี่แบบนี้ได้อีก

ดังนั้น เธอจึงต้องการใช้ประโยชน์จากความไม่พร้อมของอีกฝ่าย แล้วหาโอกาสลงมือแล้วหนี

เพราะเธอรู้สึกว่าถึงแม้เวลานี้ร่างกายของเธอจะถูกมัด แต่ความแข็งแกร่งของเธอก็ยังอยู่ อีกฝ่ายคงไม่ได้ใช้ยากับตัวเองด้วย ด้วยฝีมือของเธอ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช้อาวุธปืน เธออาจจะไม่โอกาสชนะ

แต่คำพูดของเสี่ยวเยว่ปัดความคิดนั่นของเธออย่างสิ้นเชิง

ไม่ใช่เพราะเธอกลัว แต่เพราะว่าในเมื่ออีกฝ่ายคาดเดาความคิดของเธอได้ จึงต้องมีการเฝ้าระวังที่สอดคล้องกัน

แม้ว่าเธอจะหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาได้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องฉวยโอกาสตอนที่ไม่พวกเขาไม่ระวัง ไม่ใช่ลงมือตอนที่พวกเขาเฝ้าระวังอย่างสุดความสามารถ

ดังนั้น ไม่ใช่ว่าไม่หนี แต่ไม่สามารถทำได้ตอนนี้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หัวใจของเธอก็จมดิ่ง

เธอจ้องไปที่เสี่ยวเยว่ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะถาม “เธอหลอกฉันเหรอ?”

เยว่หลิงมองไปที่เธอ โดยไร้คำพูด

เฉียวฉีถามทีละคำ “เธอเป็นคนของพวกเขา ทุกวันนี้ที่คอยอยู่เคียงข้างฉัน คอยเป็นหูเป็นตาเพื่อดูความเคลื่อนไหวของฉัน?”

เยว่หลิงเม้มริมฝีปาก รู้ว่ามันคงไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายในตอนนี้ ก็เลยถือโอกาสตกลงไปง่ายๆ

“เธอทายถูกครึ่งเดียว”

เธอหยุดพูด ก่อนจะหมุนฝาขวดน้ำในมือ ประคองคอของเธอ แล้วให้เธอจิบ

เฉียวฉีไม่ได้ปฏิเสธ

อันที่จริงเธอกระหายน้ำอย่างมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอไม่ได้โง่เขลาไร้เหตุผลที่จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหลอกตัวเอง เลยขัดขืนแบบไม่ดื่มหรือไม่กินอะไร

เพราะเธอเข้าใจดี ว่าเฉพาะคนที่เป็นห่วงเท่านั้นที่จะโกรธเวลาคุณไม่ดื่มกิน แต่ศัตรูไม่ใช่

ถึงเวลานั่น ตัวเองเท่านั้นที่จะลำบาก

ดังนั้นเธอจะไม่ปฏิเสธ

และเธอไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะวางยาให้ตัวเอง เพราะสถานการณ์ของเธอตอนนี้ อันตรายกว่าการวางยาอีก

อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย

เมื่อเห็นว่าเธอดื่มน้ำ เยว่หลิงก็บิขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ และป้อนเข้าไปในปากของเธอ

จากนั้น เธอก็พูดว่า “ฉันไม่ได้อยากซ่อนอยู่ข้างคุณ แต่ในขณะที่ซ่อนอยู่ในปราสาทของกู้ซือเฉียน คุณมาที่นี่โดยบังเอิญ กู้ซือเฉียนให้ฉันช่วยดูแลคุณ ฉันไม่มีทางนี่ ใช่ไหมละ?”

ดวงตาของเฉียวฉีเย็นชา และยิ้มเยาะ “เธอยอมรับแล้วสินะ ว่าเป็นคนของกลุ่มชาวจีน?”

เยว่หลิงเหลือบมองเธอ และพูดเบาๆ ว่า “ถ้าเธอคิดว่าใช่ ก็ใช่แล้วกัน”

เฉียวฉีสำลัก

เธอไม่เข้าใจว่า เธอหมายถึงอะไรในประโยคนี้

คิดว่าใช่ก็คือใช่เหรอ?

เธอคิดในใจว่า ตอนนี้เธอคงหนีไม่พ้นหรอก ทางที่ดีอย่าหนีเลย ต้องหลอกถามไปก่อน ถามแค่ไหนก็ได้แค่นั้น

ดังนั้นเธอจึงพูดเสียงเข้มว่า “ดังนั้นเรื่องครั้งนี้ เธอเป็นคนจัดการคนเดียว เธอจงใจกระตุ้นความรู้สึกผิดของฉัน จงใจให้ฉันพาเธอออกไปซื้อของ และจงใจแกล้งทำเป็นเมาแล้วขอให้ฉันพาไปที่ห้องน้ำสินะ”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset