วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 916 เป็นห่วงเขา

“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่คุณแล้ว แต่เป็นกลุ่มมังกรที่อยู่ข้างหลังคุณต่างหาก เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่พวกมันลงมือกับจิ่งหนิง ซึ่งเป้าหมายจริง ๆ ก็ไม่ใช่จิ่งหนิง แต่เป็นตระกูลลู่และตระกูลจื่อจินที่อยู่ข้างหลังเธอ”

“อะเฉียว ผมเคยคิดว่า ผมใช้ชีวิตมาจนถึงอายุปูนนี้ ผ่านอะไรมาหลายอย่าง ผมเจอกับการต่อสู้มามากมายจนแทบจะไม่มีจุดอ่อนอะไรเหลือแล้ว แต่วันนี้ผมเพิ่งจะเข้าใจ ว่าคุณคือจุดอ่อนของผม ดังนั้น เพื่อตัวผมเอง จากนี้ไปคุณรับปากได้ไหมว่าจะดูแลตัวเองดี ๆ จะไม่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายอีก ตกลงไหม?”

เฉียวฉีเงยหน้าขึ้น พร้อมกับมองเขาอย่างลึกซึ้ง

เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นแววตาอันอ่อนโยนจากชายหนุ่ม

เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในหัว แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร หัวใจของเธอถึงได้เต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก

เธอยื่นมือออกไป ลูบแก้มที่ซีดเผือดเล็กน้อยเพราะช่วงนี้เขาต้องวิ่งวุ่นไปทั่วแถมยังต้องทำงานหนักอีก ก่อนที่เธอจะตอบว่า “ตกลง”

กู้ซือเฉียนจึงยิ้มออกมาอย่างวางใจ

ทันใดนั้นเฉียวฉีก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอรีบพูดขึ้นนอย่างร้อนรนว่า “ใช่แล้ว ฉันมีบางอย่างต้องบอกคุณ”

“อะไรเหรอ?”

“เสี่ยวเยว่เป็นคนของ กลุ่มชาวจีนก่อนหน้านี้ที่ฉันต้องตกไปอยู่ในกำมือของพวกเขา ก็เป็นเพราะการคาดการณ์ของเธอ”

กู้ซือเฉียนเลิกคิ้วก่อนจะตอบว่า “ผมรู้แล้ว”

เฉียวฉีถูกลักพาตัวไป เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาจะไม่สืบสาวราวเรื่องให้ละเอียดชัดเจนได้ยังไง?

เพราะงั้น หลังจากที่เธอหายตัวไปได้สองสามวัน เขาก็สืบพบว่าตัวตนของเสี่ยวเยว่นั้นถูกปลอมแปลงมา ชื่อจริง ๆ ของเธอคือ เยว่หลิง ซึ่งเป็นสายที่ กลุ่มชาวจีนส่งเข้ามาในปราสาท

พอเห็นว่าเขารู้แล้ว เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ก่อนจะพูดอย่างเป็นกังวลอีกว่า “คนอย่างเสี่ยวเยว่ที่อยู่ในปราสาทมาตั้งหลายปียังเป็นสายของพวกเขาได้ เราไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วที่นี่จะมีคนของพวกเขาอีกสักเท่าไร กู้ซือเฉียนฉันคิดว่าคุณควรตรวจสอบให้ละเอียดอีกรอบนะ”

กู้ซือเฉียนพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ทำไม? กลัวเหรอ?”

เฉียวฉีพยักหน้า

ชายหนุ่มชะงักไป

เมื่อก่อน หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดไหน? ถึงขนาดต่อให้มีมีดมาจ่อที่คอเธอยังไม่สะทกสะท้านเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่เธอจะยอมรับว่าตัวเองกลัว

แต่ตอนนี้ เธอกลับยอมรับออกมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ซึ่งมันแทงใจกู้ซือเฉียนเต็ม ๆ

เขาตอบเธอด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณวางใจเถอะ มีผมอยู่ พวกมันทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”

แต่ทว่า เฉียวฉีกลับส่ายหน้าเบา ๆ

“ฉันไม่ได้เป็นห่วงตัวเอง ฉันเป็นห่วงคุณ”

ขณะที่เธอพูด เธอก็กุมมือเขาพร้อมกับหลุบตาลง “คนที่ใช้ชีวิตโดยที่มีปลายมีดจ่อคออย่างพวกเรา ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้เจอกับอันตรายบ้าง ซึ่งปกติรอบตัวคุณก็จะถูกรายล้อมไปด้วยคนที่คุณไว้ใจหรือภักดีต่อคุณ แต่ฉันก็ยังเป็นห่วง ถ้าหากในกลุ่มคนเหล่านั้นมีคนที่เป็นสายลับหรือเป็นศัตรูล่ะ?”

“เหมือนกับครั้งก่อน ที่คุณเดินทางไปทำธุรกิจที่เมืองข้าง ๆ แล้วกลางดึกก็มีคนเข้ามาวางระเบิดในห้องคุณ ครั้งนั้นถือว่าคุณโชคดีที่หลบได้ทัน แต่ถ้าคุณหลบไม่ทันล่ะ? กู้ซือเฉียนฉันนึกภาพไม่ออกจริง ๆ ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง”

พอเธอพูดแบบนี้ คิ้วของกู้ซือเฉียนก็ค่อย ๆ ผ่อนลงอย่างเคร่งขรึม

คำพูดของเฉียวฉีได้เตือนสติเขาอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น เขาก็ได้ออกคำสั่งให้ ตรวจสอบคนในปราสาททุกคน แต่ตอนนั้นก็เป็นเพียงการตรวจสอบแบบผ่าน ๆ

เพราะถึงยังไงตอนนั้นก็มีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย เลยไม่สามารถตามเรื่องทั้งหมดได้ในคราวเดียว

แต่ตอนนี้ อีกไม่นาน กลุ่มชาวจีนก็จะถูกกำจัดออกไปแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะมีคนอีกจำนวนมากที่สนใจเข้าร่วมกลุ่มมังกร ปราสาทแห่งนี้ก็จะต้องส่งคนมาประจำการเพิ่มขึ้น

ส่วนเรื่องรายละเอียดแล้วก็เบื้องหลังของพวกเขาเหล่านี้คงต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดอีกที

ดังนั้น เขาจึงพยักหน้ารับ

“ตกลง ผมเข้าใจแล้ว ”

พอเฉียวฉีเห็นเขาฟังความคิดของเธอ เธอถึงจะวางใจลงได้

ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ผ่านไปไม่นาน ลุงโอก็ยกยาเข้ามาให้เธอ

เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีคนวางยาพิษในอาหารของเฉียวฉี ดังนั้นตอนนี้ ทั้งอาหารและยาของเธอทั้งหมด จึงถูกควบคุมด้วยตัวลุงโอเอง

ลุงโอเป็นคนที่ดูแลกู้ซือเฉียนมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นจึงเชื่อถือได้แน่นอน

เฉียวฉีดื่มยาเสร็จก็รู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อย จากนั้นเธอจึงหลับไปอีกรอบ

รอจนเธอหลับสนิท กู้ซือเฉียนถึงจะเดินออกจากห้องไป

เขามองไปที่ลุงโอพร้อมกับสั่งการว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้ตรวจสอบคนที่ยังเหลืออยู่ในปราสาททุกคนอีกครั้ง เรื่องนี้จัดการเงียบ ๆ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”

ลุงโอชะงัก พร้อมกับมองเขาอย่างประหลาดใจ

แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างร้อนรน “ครับ”

รอจนเขาจากไป กู้ซือเฉียนจึงเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

เศรษฐกิจของ กลุ่มชาวจีนพังทลายลง อาณาเขตทั้งหมดถูกยึดครอง แม้กระทั่งสำนักงานใหญ่ก็ถูกนำโดยกู้ซือเฉียน

ที่นั่น เขาเห็นผู้อาวุโสหลายคนที่เคยอยู่ในกลุ่มหงส์แดงและกลุ่มมังกรมาก่อน

ผ่านไปหลายปี ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แถมยังเป็นอีกฉากหนึ่ง

อย่างไรก็ตามกู้ซือเฉียนเมื่อสี่ปีก่อนไม่เคยใจอ่อนอยู่แล้ว ส่วนกู้ซือเฉียนในสี่ปีต่อมาก็ยิ่งใจแข็งมากกว่าเดิมอีก

แค่เพราะว่าสี่ปีที่แล้ว ยังมีเฉียวฉีออกหน้าขอร้องแทนพวกเขา แต่สี่ปีต่อมา พอเฉียวฉีรู้ข่าว เธอก็บอกกับเขาอย่างเฉยเมยว่า พี่น้องของเธอเสียชีวิตไปนานแล้ว คนเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอทั้งนั้น

เธอไม่พูดช่วยเหลือพวกเขาอีกแม้แต่ประโยคเดียว

ดังนั้น พวกสมาชิกระดับสูงซึ่งเดิมทีเคยอยู่ในกลุ่มมังกรและกลุ่มหงส์แดง แล้วได้ขายตัวเองให้กับ กลุ่มชาวจีนเพราะคิดว่าพวกเขาจะได้มีอนาคตที่สดใส

ทุกวันนี้ ได้แต่วกไปวนมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นจุดจบแบบนี้อยู่ดี ทั้งหมดทุกคนต่างตกอยู่ในกำมือของกู้ซือเฉียน

ส่วนเฉียวฉีเธอไม่ได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เพราะงั้น เธอเลยไม่รู้ว่ากู้ซือเฉียนใช้วิธีใดในการจัดการกับคนเหล่านั้น

เธอเองก็ไม่อยากถาม เพราะถึงยังไงคนพวกนั้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ

หลังจากการล่มสลายของ กลุ่มชาวจีนกลุ่มอำนาจของเขาก็ถูกแบ่งไปโดยหลายกลุ่ม

หลังจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มมังกรในครั้งนี้ ก็เหมือนกับได้เติมพลังพอดี ทำให้พวกเขากลับมามีพลังพอที่จะคานอำนาจทั้งหมดได้อีกครั้ง

ส่วนตระกูลจิ้นก็ยังคงอยู่ในประเทศเอฟ พวกเขาสร้างรากฐานอยู่ที่นั่น แค่อาณาเขตที่ตรงนั้นก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว ดังนั้น นอกจากจะยึดกองกำลังของ กลุ่มชาวจีนที่อยู่ใกล้เคียงแล้ว พวกเขาไม่ได้มีความคิดที่จะขยายอำนาจออกไปอีก

ด้านตระกูลลู่เดิมทีก็เริ่มมาจากวงการธุรกิจ ผ่านมาหลายปี ก็ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับกลุ่มวงการใต้ดินสักเท่าไร

ดังนั้น หลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่เบื้องหน้าของธุรกิจ ก็ถูกปล่อยให้ลู่จิ่งเซินจัดการ

ทางด้านตระกูลจื่อจิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

หลังจากที่จูเก่อเฟิงรู้ข่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับจิ่งหนิงในตอนแรกเป็นฝีมือของ กลุ่มชาวจีนเขาก็เกลียดพวกนั้นเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว ซึ่งเขาก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องกำจัดพวกนั้นให้ได้

เพราะสุดท้ายแล้ว ก็ไม่ง่ายเลยที่เขาจะหาจิ่งหนิงซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องเจอ จะให้เขาทนเห็นเธอถูกรังแกได้ยังไง?

ดังนั้น เรื่องการแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนี้ เขาก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร กลับรอให้พวกเขาแบ่งกันจนเสร็จ จากนั้นตัวเองก็ค่อยเอาส่วนที่เหลือไป

แต่ที่แปลกก็คือ ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดมาตลอดว่า ที่ตระกูลหนานลงมือ คงเป็นเพราะผลประโยชน์เช่นกัน

แต่ในตอนที่แบ่งผล กลับไม่เห็นตระกูลหนานโผล่ออกมาเลย

ในจุดนี้ ไม่ใช่แค่ลู่จิ่งเซินกับกู้ซือเฉียนที่ไม่เข้าใจ แม้แต่คนที่เจ้าอุบายอย่างจูเก่อเฟิงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

แต่ในขณะเดียวกัน ณ คฤหาสน์อันงดงามราวกับภาพวาดที่ตั้งอยู่บนเกาะ

ชายหนุ่มผู้สง่างามนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้เอนกาย เสียงเคาะเป็นจังหวะดังมาจากมือของเขา จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางขยับพัดในมือเบา ๆ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset