ศพ – ตอนที่ 130 เกมมือถือ

ตอนที่ 130 เกมมือถือ

ช่วงเวลาที่ผมโยนของเล่นในมือทิ้ง หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ไม่ไกลก็ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าผมกำลังทำอะไร !

แต่พวกเขาพูดออกมาไม่ได้ จึงทำได้เพียงรอดูการกระทำของผมในขั้นต่อไป

จากนั้น ผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมา

รีบเลือกเกมยอดนิยมบนมือถืออย่างรวดเร็ว นั่นก็คือเกม Glory of Kings

เป็นเกมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และน่าสนใจมาก

ตอนผมเฝ้าร้าน แล้วไม่มีลูกค้า ผมก็เล่นเกมนี้เหมือนกัน

 

แต่ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนั้นจะถูกเกมนี่ล่อออกมาได้ไหม ระหว่างเปิดเกม ผมก็เพิ่มระดับเสียงให้สูงสุด

จากนั้นภาพกราฟิกที่สวยงามของเกมนั้นก็ปรากฎขึ้น พร้อมกับเสียงคนที่บ้าคลั่งจากเกมดังขึ้น

ผมกดเข้าเกมอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน เกมก็เริ่มขึ้น

แม้ว่าผมจะกำลังเล่นเกม แต่ปากของผมยังพูดไม่หยุด ทำเสียงโห่ร้องและเสียงต่อสู้แบบเว่อร์ๆ

“ ขึ้น ขึ้น ฆ่ามันฆ่ามัน ตีป้อม ! เจ๋งสัสๆ  แท้งไม่ไปเติมเลือดเหรอวะ…… ”

และยังพูดภาษาวัยรุ่นต่างๆ แต่เพลงของเกมนี้ กลับกระตุ้นให้คนอยากเล่น

โดยเฉพาะผีทารกที่มีนิสัยของเด็กอย่างนั้น ผมไม่เชื่อว่าเจ้าเด็กที่อยู่ในบ่อนั้น จะไม่สนใจเลยสักนิด……

 

หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ห่างออกไปคงเข้าใจแผนการของผมแล้ว ตอนนี้ถึงได้สงบนิ่งรอจังหวะโจมตี

หลังจากเล่นไปได้ 10 นาที จู่ๆผมก็รู้สึกว่ารอบๆเริ่มเย็นขึ้นมานิดหน่อย

จิตใต้สำนึกบอกให้ผมหันไปมองทางบ่อน้ำ ผลลัพธ์หลังจากหันไป ผมก็เห็นหัวใหญ่ๆเต็มไปด้วยเลือดสีแดงพอดี

ใช่แล้ว นั้นก็คือหัวของเจ้าเด็กนั้น

ตอนนี้เขากำลังแนบมันอยู่ปากบ่อ เผยให้เห็นหัวใหญ่ๆที่กำลังมองมาทางนี้ แต่ตอนนี้เขาก็กำลังใส่หน้ากากอุลตร้าแมนที่เอาไปจากผมเมื่อก่อนหน้านี้อยู่

แต่หัวของเขาใหญ่เกินไป มันจึงไม่สามารถปกปิดใบหน้าของเขาได้ทั้งหมด และยังเผยให้เห็นฟัน

 

แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ ดวงตาทั้งสองข้างของเขา กำลังจ้องมาที่หน้าจอมือถือของผม เขาจะต้องสนใจมากแน่ๆ

เมื่อเห็นเด็กคนนั้นสนใจ ผมก็เริ่มพยายามแสดงให้ดีกว่าเดิม

แสดงท่าทางเว่อร์กว่าเดิม และยังจงใจเอียงหน้าจอมือถือไปข้างนอกเล็กน้อย ทำให้เด็กคนนั้นสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม

“ สนุกมาก เจ้านี่สนุกดีนะ เจ้าหนูอยากลองเล่นไหม…… ”

ผมทำเสียงดังขึ้นบางครั้งเพื่อหลอกล่อให้เด็กติดกับ และตอนนี้เด็กคนนั้นก็เหมือนจะไม่สามารถต่อต้านแรงดึงดูดจากเกมมือถือได้

 

หัวของเขายืดยาวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีรู้เนื้อรู้ตัว ว่าร่างของเขาได้ปีนออกมาจากบ่อน้ำแล้ว

ตอนนี้กำลังนั่งยองๆอยู่บนขอบบ่อ ถูกดึงดูดอย่างลึกล่ำ และอยากรู้อยากเห็นมาก

ผมรู้ว่าเจ้านี้เหมือนกับกบ และมีลิ้นที่ยาวมาก

ดังนั้นจิตใต้สำนึกของผมจึงบอกให้ถอยไปข้างหลังสองสามก้าว ทิ้งระยะห่างอย่างสมบูรณ์ เพราะกลัวว่าเขาจะใช้ลิ้นแย่งมือถือไป

แต่เจ้าเด็กนั้นทำเพื่อให้เห็นภาพบนหน้าจอมือถือ และตัวละครในเกมของผมได้ชัดเจนกว่าเดิม จึงคลานตามไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว

ปากยังร้องตะโกนไม่หยุด “ ตุ๊กตาตัวน้อย มีตุ๊กตาตัวน้อยเยอะมาก…… ”

 

เมื่อผมเห็นว่าอีกฝ่ายติดกับ ผมก็เดินถอยหลังต่อ ผ่านไปแป๊บเดียวตัวผมก็เข้ามาในวงเวทย์แล้ว

นอกจากนี้ที่หางตาของผมยังมองไปรอบๆอย่างอัตโนมัติ พบว่าหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานพร้อมแล้ว เพียงรอให้เจ้าเด็กนั้นเข้าไปในวงเวทย์เท่านั้น

แต่ใครจะรู้ขณะที่ผมกำลังมองสองคนนั้น จู่ๆตัวละครในเกมมือถือของผมกลับถูกโจมตีจากศัตรู จากนั้นก็ตายในทันที

นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เด็กที่กำลังดูเกมอยู่ห่างออกไปนั้นกลับไม่พอใจ

เปลี่ยนสีหน้า และตะคอกใส่ผมทันที “ จบแล้วมันจบแล้ว ไม่มีตุ๊กตาตัวน้อยของหนูแล้ว ! เพราะแก เป็นความผิดของแก ! เอาตุ๊กตาตัวน้อยของหนูคืนมา…… ”

 

หลังจากพูดจบ สีหน้าของเด็กคนนั้นก็แสดงความดุร้ายออกมา อ้าปากอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้ามาหาผมทันที นี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ

ผมตกใจ จนขาดสติไปแวบหนึ่ง แต่ก็ได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเด็กนั้นพุ่งเข้ามา ผมก็รีบถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันก็โยนมือถือเข้าไปในวงเวทย์ ตรงจุดที่ธงเล็กๆนั้นปักอยู่

แต่ตาของเด็กคนนั้น ดูเหมือนจะถูกโลกของเกมล็อคเอาไว้

หลังจากที่ผมโยนออกไป เขาก็ไม่มองผมเลยสักนิด รีบคลานเข้าไปหามือถือทันที

 

จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาบนพื้น นั่งอยู่ที่เดิม และยังเรียนแบบท่าทางของผมเมื่อกี้ กดมือถือของผมแบบมั่วๆ

ในปากยังเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ตุ๊กตาตัวน้อย ตุ๊กตาตัวน้อย ตุ๊กตาตัวน้อยออกมาอีกแล้ว ออกมาอีกแล้ว…… ”

เมื่อเห็นเด็กคนนั้นติดกับดัก ในใจของผมก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ รีบตะโกนบอกหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานทันที “ ลงมือ ! ”

เมื่อเสียงของผมดังขึ้น เฟิงเฉ่วหานก็รีบถือฝาครอบตรงเข้ามาที่ปากบ่อทันที

ส่วนหยางเฉ่วก็กระโดดออกมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ด้านหลัง เริ่มเสกคาถาเปิดการทำงานของวงเวทย์ทันที

แต่เด็กที่ถือมือถืออยู่นั้น กลับไม่สนใจเลยสักนิด

 

ราวกับถูกมนต์สะกด ดวงตาทั้งสองข้างไม่ละสายตาไปจากเกมเลยแม้แต่วินาทีเดียว

แต่ตอนนั้นเอง ดูเหมือนตัวฮีโร่ที่เขาเล่นอยู่จะถูกศัตรูฆ่าตาย

ผลลัพธ์เด็กที่กำลังติดงอมแงมอยู่นั้นก็ระเบิดโทสะออกมาทันที “ ตุ๊กตาตัวน้อย ตุ๊กตาตัวน้อยของหนู คืนตุ๊กตาน้อยของหนูมา ! ”

ขณะที่พูด เจ้าเด็กนั้นก็ใช้กรงเล็บข่วนมือถือของผมไม่หยุด……

เมื่อเขาเห็นว่าฮีโร่ของตัวเองไม่ออกมาซะที จึงระเบิดความโกรธออกมาอีกครั้ง

บิดมือถือของผมแล้วโยนลงพื้น “ ตุ๊กตาตัวน้อย คืนตุ๊กตาตัวน้อยของหนูมา…… ”

 

ขณะที่พูด เขายังใช้เท้ากระทืบมันซ้ำๆ

โถ่มือถือที่น่าสงสารของผม ตอนนี้มันโดนกระทืบจนเห็นอะไหล่ และกลายเป็นเศษซากทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ผมก็รู้สึกเจ็บปวด นั้นมันโทรศัพท์ใหม่ที่ผมพึ่งซื้อมาได้แค่สามเดือนเอง !

แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นเศษซากที่ใช้การไม่ได้อีกแล้ว

โชคดีที่หยางเฉ่วเสกคาถาเสร็จแล้ว ได้ยินเพียงเสียงของเธอดังขึ้น “ เหล่าทหาร และนักรบผู้กล้าหารจงมาสถิตอยู่ ณ วงเวทย์นี้ เพี้ยง ! ”

เสียงพึ่งตกลง หยางเฉ่วก็ชี้ไปที่ธงขนาดเล็กตรงหน้าของเด็ก

 

ทันใดนั้น อักขระที่สลักอยู่บนธง ก็เปล่งแสงออกมา

กระดิ่งที่แขวนอยู่รอบๆ ก็เริ่มส่ายไปมาดัง “ กริ๊งงงงง ” ส่งเสียงที่ดังก้องออกมา

เมื่อเด็กคนนั้นได้ยินเสียงกระดิ่งพวกนี้ “ พรึบ ” สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที และรู้สึกถึงอันตราย

ตอนนี้เขาไม่สนใจเศษซากโทรศัพท์นั้นอีกต่อไป หมุนตัวคิดจะหนีไปที่บ่อน้ำ

แต่เฟิงเฉ่วหานได้ปิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แถมยังใช้ยันต์ผนึกไว้อีกสามแผ่น

หยางเฉ่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ คืนนี้แกอย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ ! ”

หลังจากพูดจบ หยางเฉ่วก็เปลี่ยนท่าประสานมือ และพูดออกมาทันที “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เปิด ! ”

 

หลังจากเสียงหลุดออกมา กระดิ่งที่อยู่รอบๆสั่นไหวไปมายิ่งกว่าเดิม

ทันใดนั้นเจ้าเด็กนั้น ก็ถูกแรงระเบิดตรงๆ และรู้สึกเหมือนได้เจอกับกำแพงล่องหน

เด็กคนนั้นแสดงท่าทีร้อนรน ร้อง “ โฮกโฮก ” ออกมา พยายามคลานหนีไปทิศทางอื่น

ผลลัพธ์กลับพุ่งชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น และถูกผลักกลับมาอีกครั้ง

แต่มันยังไม่จบเท่านี้ ตอนนี้เชือกสีแดงที่อยู่รอบๆกำลังรวมตัวกัน ขยับเข้ามาใกล้เด็กนั้นเรื่อยๆ

เจ้าเด็กนั้นคิดจะเอื้อมมือไปตัดเชือกสีแดง แต่กรงเล็บของเขาเพิ่งสัมผัสโดนเชือก เขาก็เหมือนโดนไฟฟ้าช็อต รีบดึงมือกลับทันที และที่ฝ่ามือของตัวเองก็ปรากฎรอยไหม้ขึ้น

 

ตอนนี้เจ้าเด็กนั้นมองไปรอบๆด้วยความโมโหสุดขีด ในปากยังคำราม “ โฮกโฮกโฮก ” ออกมาอย่างต่อเนื่อง และในแววตามีคำว่า “ ปล่อยฉันออกไป ” เขียนเอาไว้

แต่ตอนนี้เขา กลับเข้าก็ไม่ได้ ออกก็ไม่ได้ โดนขังอยู่ในวงเวทย์นั้นอย่างสมบูรณ์

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นการทำงานของวงเวทย์ จึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง รู้สึกว่ามันน่าทึ่งมาก

แต่จู่ๆหยางเฉ่วก็พูดว่า “ พวกนายรีบลงมือจัดการเขา ฉันมีพลังไม่พอ รั้งเอาไว้ไม่ได้นาน…… ”

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset