ศพ – ตอนที่ 132 ต่อสู้กับผีผู้หญิง

ตอนที่ 132 ต่อสู้กับผีผู้หญิง

จู่ๆเด็กนั้นก็ตะโกนไปทางบ่อน้ำว่า “ คุณป้า ” จึงทำให้พวกเราสามคนรู้สึกแปลกใจทันที ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ คุณป้างั้นเหรอ ” ผมมองเด็กอย่างสงสัย พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว

แต่เด็กคนนั้นยังอ้าปาก เผยให้เห็นเลือดที่เต็มปาก เขายังตะโกนต่อ “ คุณป้า คุณป้าช่วยหนูด้วย…… ”

เสียงแหบแห้งจนทนฟังไม่ได้ เขาเหมือนกับคนทั่วไป เพราะลิ้นขาด เสียงที่ออกมาจึงไม่ค่อยชัดเจน

แต่ใครจะรู้เสียงพูดพึ่งเงียบลง ฝาครอบบ่อที่เฟิงเฉ่วหานปิดเอาไว้ ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง “ ปัง ”

 

ฝาครอบอันนั้น “ กระเด้ง ” ขึ้นมาทันที การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ ทำให้พวกเราสามคนหันไปมองที่บ่อน้ำทันที

และเมื่อหันไปมอง ฝาครอบอันนั้นก็มีเสียงดัง “ ปัง ” และกระเด้งขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกลับพลังหยินที่ค่อยๆไหลออกมา

ยันต์สามแผ่นที่แปะเอาไว้บนฝาครอบ ตอนนี้ได้เปล่งแสงสีเหลืองอ่อนออกมาแล้ว

“ ท่าไม่ดีแล้ว ใต้บ่อยังมีสิ่งชั่วร้ายอยู่ ! ” เฟิงเฉ่วหานพูดด้วยความตกใจ

สีหน้าของผมและเฟิงเฉ่วหานเปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุกการณ์แบบนี้ขึ้น

ในบ่อน้ำนี้ ยังมีบางอย่างอยู่

 

หรือว่า หรือว่าเป็นผีผู้หญิงหน้าซีดที่ผมเห็นเมื่อคืน

ทันใดนั้นในสมองของผมก็มีความคิดผุดขึ้นมา รีบพูดออกมาทันที “ หรือว่าเป็นผีผู้หญิงหน้าซีดที่ฉันเห็นเมื่อคืน ”

แต่เสียงของผมพึ่งจางหาย ฝาครอบก็เปล่งเสียงดัง “ ปัง ”

ทันใดนั้นยันต์ที่แปะไว้ข้างบนก็ระเบิดดัง “ ตูม ” ไฟที่ลุกไหม้เปล่งแสงสีเขียวอ่อนๆ และกลายเป็นเถ้าถ่านลอยหายไปในอากาศทันที

“ อาจจะใช่ แต่ยันต์ของฉันสะกดมันไม่ได้แล้ว ! ” เฟิงเฉ่วหานพูดอีกครั้ง และแสดงสีหน้าตกตะลึง

“ อย่าประมาท ใช้ยันต์ไปสะกดมันเอาไว้ในบ่อแล้วค่อยว่ากัน ! ” หยางเฉ่วพูดต่อ หยิบยันต์ออกมา และเตรียมเข้าไปสะกดที่ปากบ่อ

 

แต่ไม่รอให้พวกเราได้เคลื่อนไหว เสียง “ ปัง ” ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ ตูม ” ยันต์สามใบที่แปะเอาไว้บนฝาครอบระเบิดตามมาติดๆ

ขณะที่ถูกเผาไหม้ด้วยไฟสีเขียว ขี้เถ้าของยันต์ก็ลอยไปตามลม

ตอนนี้ ที่บ่อน้ำไม่มียันต์แปะเอาไว้แล้ว

ฝาครอบธรรมดาๆ จะสามารถต้านทานสิ่งที่อยู่ในบ่อน้ำได้ยังไง

ผลลัพธ์เสียง “ ปัง ” ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ฝาครอบอันนั้นกระเด็นออกมา และแตกออกเป็นสี่ห้าส่วนทันที

พลังหยินที่เข้มข้น ไหลทะลักออกมา จากบ่อน้ำอย่างต่อเนื่อง

 

ขณะพลังหยินที่เข้มข้นออกมา ผีผู้หญิงที่มีดวงตาขาวโพน ก็ค่อยๆลอยตัวออกมาจากบ่อน้ำ

ใบหน้าของเธอขาวซีด  ผมยาวดำขลับ สวมใส่ชุดกระโปรงยาว

ตอนนี้เหมือนเธอกำลังยืนอยู่ในลิฟต์ ที่ค่อยๆเลื่อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเห็นฉากนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ

เยี่ยมจริงๆ เมื่อคืนผีผู้หญิงที่ผมเห็น จะต้องเป็นเธอไม่ผิดแน่

คิดไม่ถึงว่าผีผู้หญิงตนนี้ จะอยู่ในบ่อน้ำ

เพราะพลังหยินของผีผู้หญิงตนนี้เยอะมาก และแข็งแกร่งมาก ดังนั้นพวกเราสามคนจึงอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว

 

ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังใจสั่น พลังหยินที่แข็งแกร่งทำให้พวกเรารู้สึกอึดอัดมาก

ใบหน้าซีดขาวที่สยดสยองของเธอ ทำให้ผมรู้สึกถึงก้นบึ่งของหัวใจกำลังหวาดกลัว

“ คุณป้า คุณป้าช่วยหนูด้วย หนู หนูลิ้นขาดแล้ว พวกมัน พวกมันเป็นคนเลว…… ”

ผีทารกพูดเสียงแหบ แต่ก็แฝงไปด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับเลือดสดๆที่ไหลอยู่เต็มปาก

แต่ผีทารกยังไงก็คือผี เลือดสดๆพวกนั้นไม่ใช่ของจริง ดังนั้นหลังจากหยดลงพื้นจึงหายไปทันที

แต่เมื่อผีผู้หญิงที่พึ่งออกมาเห็นฉากนี้ กลับแสดงท่าทางโมโหมาก

 

สีหน้าเคร่งครึมอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่เกลียดชัง “ พวกแกมันเป็นคนเลว คืนลิ้นของหลานชายของฉันมาเดี๋ยวนี้…… ”

หลังจากพูดจบ ผีผู้หญิงตนนั้นก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว กางกรงเล็บที่ทั้งยาวและแหลมคมออก

เท้าลอยอยู่เหนือพื้น พร้อมกับสายลมเย็นๆที่พัดไปพัดมา ทันใดนั้นเธอก็พุ่งเข้ามาหาพวกเราทันที

แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าที่นี่มีผีผู้หญิงอยู่ได้ยังไง แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากขนาดนั้น ทำได้เพียงจัดการเธอก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ผมดับบุหรี่ และตะโกนออกมาทันที “ ทุกคนระวัง ! ”

 

หลังจากพูดจบ ผมก็ถอยหลังไปสองสามก้าว ดึงดาบไม้ที่ปักอยู่กับดินไว้อย่างรวดเร็ว เตรียมจะเข้าไปฆ่าผีผู้หญิง

การปรากฎตัวของผีผู้หญิง ทำผมแปลกใจมาก แต่เมื่อสู้กันแล้ว ก็ต้องทำให้เห็นความร้ายกาจเท่านั้น

เพียงชั่วพริบตา พวกเราสามคน และผีหนึ่งตนก็เริ่มสู้กัน

ผีผู้หญิงตนนั้นไม่เหมือนกับผีทารก ถึงพวกเราสามคนจะร่วมมือกัน แต่ก็ยังถูกอีกฝ่ายโจมตีจนกดดัน

และยังมีโอกาสไม่มากที่พวกเราจะโจมตีกลับได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเรากำลังเสียเปรียบมาก

จู่ๆหยางเฉ่วก็ขมวดคิ้ว และพูดออกมา “ พวกนายสองคนรับมือไปก่อนนะ ฉันจะไปเปิดการทำงานวงเวทย์ ! ”

 

หลังจากพูดจบ หยางเฉ่วก็หยิบยันต์ออกมา

“ ตูม ” มันระเบิดออกทันที เธอทำเพื่อสร้างแรงดันตัวเองไปข้างหลัง

ผมและเฟิงเฉ่วหานรีบเข้าไปรับมือ แต่ผีผู้หญิงตนนั้นกลับรุนแรงจนผิดปกติ “ ไอ้พวกชั่วน่ารังเกลียด พวกผู้ชายน่าชัง ฉันจะกินพวกแก…… ”

หลังจากพูดจบ กรงเล็บก็กวาดมาทางผมอย่างรวดเร็ว

ผมหลบไม่ทัน จึงโดนข่วนที่หัวไหล่ทันที ทันใดนั้นตัวผมก็กระเด็น ลอยไปกระแทกเข้ากับกองไม้

หลังจากผมโดนโจมตี เฟิงเฉ่วหานก็ต้องสู้เพียงลำพัง ดังนั้นเขาจึงโดนฝ่ามือของผีผู้หญิงฟาดล้มลงไปกับพื้น

 

เมื่อผีผู้หญิงเห็นแบบนั้น ก็ไม่ปราณี

อ้าปากขึ้น และเข้าไปกัดเฟิงเฉ่วหานทันที

เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็แสดงสีหน้าตกใจ

ถ้าถูกผีผู้หญิงกัดเข้าละก็ เขาจะต้องตายแน่

ในใจผมร้อนรน อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “ ระวังเหล่าเฟิง ! ”

เฟิงเฉ่วหานเองก็กลัวเหมือนกัน จึงหาทางหยุดเธอเอาไว้ตามสัญชาตญาณ

โชคดีที่ในนาทีวิกฤตนี้ เสียงของหยางเฉ่วก็ดังขึ้น “ เหล่าทหาร นักรบผู้กล้าหาร จงมาสถิตอยู่ ณ วงเวทย์นี้ เพี้ยง ! ”

 

เสียงพึ่งจางลง กระดิ่งที่หยุดนิ่งอยู่รอบๆ ก็กลับส่งเสียงขึ้นมา

กริ้งงงงง……

ในเวลาเดียวกัน เชือกแดงที่อยู่บนพื้น ก็ยืดขึ้นมาอีกครั้ง พวกมันเข้ามาป้องกันเฟิงเฉ่วหานเอาไว้ ด้วยการเปลี่ยนรูปร่างเป็นตาข่าย

และในเวลานี้ผีผู้หญิงตนนั้นก็ได้ตกใจจนกระโดดออกห่าง โดยเฉพาะเสียงกระดิ่งพวกนั้น มันทำให้เธอบ้าคลั่งมาก

และทันใดนั้นการเคลื่อนตัวของเชือกแดง ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต จึงต้องรีบถอยหลังไปหลายก้าว

 

ตอนนี้เธอยกมือปิดหูเอาไว้ แหกปากร้อง “ อร๊าย! หนวกหู หนวกหู หนวกหูเกินไปแล้ว…… ”

หลังจากพูดจบ วินาทีต่อมาเธอก็ไม่สนใจพลังของเชือกแดงอีกต่อไป เอื้อมมือออกไปจับมัน

หลังจากกรงเล็บสัมผัสเชือกแดง เสียง “ ซ่าซ่าซ่า ” ก็ดังขึ้น ทันใดนั้นควันสีดำก็ไหลออกมา แต่ผีผู้หญิงตนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือเลย

กลับกันเธอยังออกแรงมากขึ้นจนเกิดเสียง “ ปัง ” เชือกแดงเส้นหนึ่งขาดออกจากกันทันที

กระดิ่งที่แขวนด้านบน ก็หล่นลงบนพื้น และไม่ส่งเสียงใดๆออกมาอีก

เมื่อเห็นฉากนี้ พวกเราสามคนก็ตกตะลึงในทันที

 

ก่อนหน้านี้ผีเด็กก็เคยลองใช้มือตัดเชือกแดงเช่นกัน แต่เขาก็ล้มเหลว

แต่คิดไม่ถึงว่าผีผู้หญิงจะมีพลังมหาศาลขนาดนี้ ความแข็งแรงที่มีมันต่างกันจริงๆ

เมื่อหยางเฉ่วเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ก็ท่องคำพูดสุดท้ายออกมาอีกครั้ง “ เพี้ยง ! ”

กระดิ่งที่กำลังสั่นไหวพวกนั้น เริ่มรุนแรงขึ้นมาอีกระดับ

เห็นได้ชัดว่าผีผู้หญิงหงุดหงิดสุดๆ รู้สึกเบื่อหน่ายกับเสียงกระดิ่งอย่างมาก

แต่ในเวลาเดียวกันเธอ ก็เห็นหยางเฉ่วเป็นคนทำ

ใบหน้าของเธอดูน่ากลัว พูดด้วยเสียงที่ดุร้าย “ ที่แท้ก็เป็นแก ! ”

หลังจากพูดจบ เธอก็พุ่งเข้าไปหาหยางเฉ่วทันที

ผีผู้หญิงไม่สนใจการบล็อกของเชือกแดงเหล่านั้นเลย และลอยไปทางหยางเฉ่วอย่างรวดเร็ว……

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset