ศพ – ตอนที่ 199 โจมตีกลับ

 

ตอนที่ 199 โจมตีกลับ

 

วินาทีที่ผีผู้ชายหันไป ผมก็ใช้ช่วงเวลานั้นรีบหยิบยันต์เปิดตาออกมาจากในกระเป๋าของหยางเฉ่ว

 

เมื่อผีผู้ชายรู้ตัวอีกที มันก็สายไปแล้ว

 

ผมไม่คิดและไม่ลังเลเลยสักนิด รีบเสกคาถาและตะโกนออกมาทันที

 

เสียงพูดของผมเพิ่งจางหาย ทันใดนั้นยันต์ในมือก็ระเบิด

 

แสงสีขาวส่องประกาย ยันต์ในมือมอดไหม้ภายในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันมันก็ลอยหายไปตามสายลม

 

ขณะที่ยันต์หายไปพลังของคาถาก็ปรากฏขึ้น

 

วินาทีต่อมา ผมก็รู้สึกเสียวที่ดวงตา

 

รู้สึกเย็นหน่อยๆ แต่ผมรู้ดีว่านี่ก็คือสัญญาณของการเปิดตา

 

“ แกทําอะไร นั้นมันยันต์อะไร ” ผีผู้ชายตกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

 

ผมหลับตาตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ม่านตาของผมก็ขยายออก และหดกลับมาอย่างรวดเร็ว ความมืดตรงหน้าได้สว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

ตาสวรรค์ ถูกเปิดแล้ว

 

ตอนนี้ตาถูกเปิดแล้ว ผมจึงดีใจมาก แต่สีหน้าของผม ยังไม่ได้แสดงออกมามากนัก

 

เมื่อได้ยินผีผู้ชายถามที่มุมปากของผมก็แสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ ในเมื่อแกอยากรู้งั้นฉันก็จะบอกให้ เปิดตานอกจากจะใช้น้ำตาพิเศษของวัวแล้ว ยันต์แผ่นนี้ก็สามารถใช้เปิดตาได้ เมื่อกี้ฉันใช้ยันต์ก็เพื่อเปิดตายังไงละ ! ”

 

“ อะไรนะ ยันต์เปิดตา ” ผีผู้ชายพูดด้วยความตกใจ ดูเหมือนเขาจะไม่อยากเชื่อที่ผมพูด

 

แต่ตอนนี้ผมได้เปิดตาแล้ว จึงไม่อยากพูดกับเขามากนัก ผมพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ อย่าพูดมากเอาชีวิตแกมาซะ !

 

หลังจากพูดจบ ผมก็ยกดาบไม้ขึ้นและพุ่งเข้าไปฆ่าเขาทันที

 

ผีผู้ชายกําลังตกใจ ดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด เหมือนกับเหล่าเพิ่งที่ได้ยินเรื่องยันต์เปิดตาเป็นครั้งแรก สีหน้าของเขาก็ไม่ต่างกันมากนัก

 

แต่ผมกลับไม่ให้เวลาเขาได้คิดทบทวนมากนัก ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทํา ก็คือล้มเจ้านี้ให้ได้จากนั้นก็ไป

 

ตามหาหยางเฉ่ว

 

ผีผู้ชายเห็นผมพุ่งเข้ามา เขาก็รู้สึกได้ถึงอันตราย

 

ในวินาทีที่ผมกําลังเข้าใกล้ “ ปัง” ร่างกายของเขาก็ระเบิดออกทันที เขากลายเป็นหมอกขาวอีกครั้ง

 

ในเวลานี้เขากําลังหายตัว ใช้หมอกขาวเป็นที่กําบัง

 

แต่ในเวลานี้ผมได้เปิดตาแล้ว วิธีก่อนหน้านี้จะยังใช้กับผมได้ยังไง

 

เขาสามารถซ่อนตัวจากดวงตาปกติได้ แต่ภายใต้ดวงตาสวรรค์ มันไม่มีประโยชน์แล้ว

 

ผมเล็งทิศทางที่ผีผู้ชายหนีไป จากนั้นก็ตามไปฆ่าเขาในเวลาเดียวกันผมก็แทงดาบออกไปอย่างรวดเร็ว “ ฉันจะดูซิว่าแกจะหลบยังไง! ”

 

ขณะที่พูด ดาบไม้ของผมก็วาดเป็นเส้นโค้งตรงไปทางที่ผีผู้ชายอยู่

 

ผีผู้ชายเห็นดาบไม้พันเข้ามา เขาจึงตกใจจนหน้าถอดสี สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีวินาทีนั้นเขารีบเบี่ยงตัวหลบ

 

แต่เขายังช้าไปครึ่งก้าว ไหล่ซ้ายของเขาโดนดาบไม้ฟันเป็นแผล

 

“ โอ๊ย !” ผีผู้ชายกรีดร้องออกมาทันที ขณะเดียวกันร่างกายก็เอนไปข้างหน้า

 

ผมยกมุมปากขึ้น หัวใจเต้นเร็ว ผมทนรอมานาน ในที่สุดผมก็สามารถระบายออกมาได้ซะที

 

เจ้าหมอนี้ไม่ได้กําลังได้ใจอยู่เหรอ ตอนนี้ผมเปิดตาแล้วผมจะรอดูว่าเขาจะซ่อนยังไง หรือจะดุร้ายได้ขนาดไหน ?

 

ผีผู้ชายเห็นว่าหลบไปก็ไม่มีประโยชน์ และตัวเองยังต้องบาดเจ็บ เขาจึงมั่นใจมากว่าผมได้เปิดตาแล้วจริงๆ

 

พลังของผีผู้ชายไม่สูงมาก แม้จะร้ายกาจแต่ก็จัดว่าอยู่ระดับที่อ่อนแอที่สุด

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผม ที่มีพลังอยู่ในชั้นนักพรต และคนปราบสิ่งชั่วร้ายที่เปิดตาแล้ว โอกาสชนะของเขาจึงเหลือเพียงน้อยนิด

 

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องดิ้นรนทําอะไรเยอะขนาดนี้ ทั้งทําให้พวกเราสลบ ทําลายน้ำยาเปิดตาของผมทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเรากลายเป็นคู่มือที่อ่อนแอ

 

ตอนนี้ข้อได้เปรียบของพวกเขาได้หายไปหมดแล้ว ผีผู้ชายก็ค่อนข้างฉลาด เขารู้ความสามารถของตัวเองดี

 

เขาจึงไม่คิดจะสู้กับผมเพียงลําพัง เขาระวังผมและค่อยๆถอยไปข้างหลังหลายก้าว

 

และสุดท้ายเขาก็โบกมืออย่างรวดเร็ว เปิดประตูบ้านที่เคยปิดเอาไว้ออก “ สักวันยังไงพวกเราก็ต้องได้เจอกัน ความอัปยศในวันนี้ พวกเราจะมาทวงคืนในอนาคต ! ”

 

หลังจากพูดจบ ผีผู้ชายก็เงยหน้าขึ้นไปบนชั้นสอง จากนั้นก็ตะโกนว่า “ น้องสาวพวกเราไป ! ”

 

หลังจากพูดจบ ผีผู้ชายคนนั้นก็ไม่ลังเล หมุนตัวหนีไปทัน

 

ถ้าพูดย้อนกลับไป จุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่ ก็เพื่อจัดการผีสองตนนี้

 

แล้วพวกผมจะปล่อยให้เขาหนีไปง่ายๆได้ยังไง เมื่อเห็นเขากําลังจะหนี้ ผมก็หยิบกระจกแปดทิศขึ้นมามองทิศทางที่ผีผู้ชายหนีออกจากบ้านจากนั้นก็โยนมันใส่เขาทันที

 

“ คิดจะหนี้เหรอ ฝันไปเถอะ ! ”

 

เสียงของผมเพิ่งเงียบลง กระจกแปดทิศที่ถูกโยนออกไป ก็กระแทกเข้าที่หลังของผีผู้ชาย

 

และกระจกแปดทิศยังเป็นธาตุหยาง ทําให้ศพสงบและปราบพลังชั่วร้าย มีพลังพิเศษในตัว

 

ตอนที่มันเพิ่งสัมผัสกับหลังของผีผู้ชาย ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงผีผู้ชายกรีดร้องออกมาทันที “ อ๊าก… ”

 

เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างของผีผู้ชายก็เหมือนโดนรถขุดดินชน “ ปัง ” เขากระเด็นออกไป และกระแทกลงไปกับพื้นทันที

 

กระจกแปดทิศอันนั้น แปะแน่นอยู่บนหลังของเขา

 

มันเหมือนกับหัวแร้ง คอยเผาผิวหนังของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างของเขา

 

มันส่งเสียงดัง “ ซาซ่าซ่า ” และยังมีควันสีดําโพยพุ่งออกมา

 

เห็นได้ชัดว่าผีผู้ชายตนนั้นกําลังทรมานสุดๆ เขาอยากจะใช้มือดึงกระจกแปดทิศที่หลังออก

 

แต่พลังของผีผู้ชายไม่พอ แม้แต่ผมที่เปิดตาแล้วเขายังสู้ไม่ได้ แล้วจะมีพลังดึงกระจกแปดทิศออกได้ยังไง 

 

ผลลัพธ์มือของเขาเพิ่มสัมผัสกับกระจกแปดทิศ ทันใดนั้นเขาก็เหมือนโดนไฟช็อต มือถูกดีดออกทันที

 

นิ้วมือที่สัมผัสกับกระจกแปดทิศ ถูกพลังหยางของกระจกแปดทิศแผดเผา ส่งผลให้นิ้วมือของเขาไหม้เกรียม

 

“ อาจก่อกรรมทําเข็ญ คืนนี้ฉันจะจัดการแกซะ !” ขณะที่พูด ผมก็เดินทางถึงตรงหน้าของผีผู้ชาย และยกดาบไม้ขึ้นแล้ว

 

สําหรับพวกที่ชอบฆ่าคนบริสุทธิ์ หรือผีร้ายโรคจิต ผมไม่อยากเสียเวลากับมันมาก ฆ่ามันไปซะจะได้จบเรื่อง

 

ผีผู้ชายตนนั้นถูกกระจกแปดทิ้งกดเอาไว้ ปากของเขาร้อง “ ฮือฮือฮือ ” ออกมาไม่หยุด ตัวสั่นไปหมด ไม่มีโอกาสที่เขาจะลุกขึ้นมาได้เลย เขาสูญเสียความสามารถให้การต่อต้านโดยสมบูรณ์

 

ตอนนี้ผมยกดาบขึ้น เขาเองก็ไม่มีสามารถหนีไปได้

 

หลังจากผมเล็งที่หัวของผีผู้ชายเสร็จ หัวใจของผมก็เต้นแรง ออกแรงฟันลงไปทันที

แต่ขณะที่ผมกําลังฟันลงไป ด้านหลังของผมกลับมีเสียงผี ผู้หญิงพูดด้วยความรีบร้อน 

“ ปล่อยพี่ชายของฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่ามัน ! ”

 

จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง ผมจึงหยุดลงมือ และก็หันไปมองทันที

 

เห็นเพียงบนชั้นสองของบ้าน มีคนสองคนกําลังยืนอยู่

 

หนึ่งในนั้นก็คือผีผู้หญิงหน้าทุเรศ และอีกหนึ่งคน ก็คือหยางเฉ่วที่หายตัวไปเป็นเวลานาน

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนหยางเฉ่วจะสูญเสียจิตวิญญาณ สีหน้า เรียบนิ่ง ดวงตาว่างเปล่า ยืนตัวตรง ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลยสักนิด

 

ส่วนผีผู้หญิงตนนั้น เธอกําลังใช้ตะปูจี้ที่ เส้นเลือดใหญ่บนลําคอของหยางเฉ่ว ถ้าออกแรงแค่นิดเดียวตะปูดอกนั้นก็คงแทงทะลุหลอดเลือดและหลอดลมของเธอมันดูอันตรายมากๆ

 

เมื่อเห็นอีกฝ่ายทําแบบนั้น ผมก็กลัวมาก สีหน้ามีดมนลงทันที

 

“ ทางที่ดีที่สุดแกอย่าทําร้ายเพื่อนของฉันดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะทําให้แกได้ตายอย่างอนาถ !” ผมพูดอย่างเย็นชา

 

แต่ผีผู้หญิงตนนั้นไม่กลัวเลยสักนิด “ อย่าพูดมาก รีบเอากระจกแปดทิศออกปล่อยพี่ชายของฉัน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะลากเธอไปตายด้วย !”

 

หลังจากพูดจบ ผีผู้หญิงตนนั้นก็ขยับมือเล็กน้อย ตะปูที่แหลมคมแทงเข้าไปอย่างรวดเร็ว มันกําลังเจาะเข้าไปในลําคออันขาวผ่องของหยางเฉ่ว…..

 

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset