ศพ – ตอนที่ 200 การเจรจา

 

ตอนที่ 200 การเจรจา

 

ผีผู้หญิงร้อนรน เธอแทงตะปูเข้าไปในลําคอของหยางเฉ่วเรื่อยๆ ช่วงเวลานั้นหัวใจของผมล่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

 

เจ้าผีสองตนนี้ยังตายไม่พอ และชีวิตของพวกเขาจะมาเทียบกับหยางเฉ่วได้ยังไง

ผมจึงไม่คิดเลยสักนิด โยนดาบไม้ทิ้งทันทีจากนั้นก็พูดกับ ผีผู้หญิงด้วยความหวาดกลัว “ อย่า อย่าอย่าอย่า ฉันปล่อย พี่แกแล้ว แกก็ปล่อยเพื่อนของฉันซิ ! ”

 

จู่ๆผีผู้หญิงก็เห็นผมโยนดาบทิ้ง และยังพูดแบบนั้นออกมา ความร้อนรนเมื่อครู่จึงหยุดลงทันที

 

ในเวลาเดียวกัน ผีผู้หญิงก็พูดกับผมว่า “ แกยังอยู่นิ่งหาพระแสงอะไรอยู่ฮะ รีบเอากระจกแปดทิศออกซิ ! ”

 

แม้ว่าในใจจะโมโหมาก ความรู้สึกที่ถูกผีผู้หญิงขู่ทําให้ผมอารมณ์เสียจริงๆ

 

แต่ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือกอื่น ผมกลัวว่าผีผู้หญิงจะกลายเป็นหมาจนตรอก ไม่แยกแยะดีชั่ว ลากหยางเฉ่วให้ไปตายด้วยจริงๆ

 

ดังนั้น ผมจึงยกมือทั้งสองขึ้นบอกว่ายอมแพ้แล้ว “ ได้ได้ พวกเรามาคุยกันดีๆนะ ขอแค่เธอปล่อยเพื่อนของฉันไปก็พอ ! ”

 

ขณะที่พูด ผมก็นั่งยองๆ เอื้อมมือไปดึงกระจกแปดทิศออก

 

ของสิ่งนี้สําหรับสิ่งชั่วร้ายแล้ว เป็นอาวุทที่ทรงพลัง พวกมันไม่สามารถแตะต้องได้ตามใจชอบ

 

แต่สําหรับพวกเรามนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มันก็เป็นแค่กระจกบานหนึ่ง แม้แต่เด็กที่ฟันเพิ่งขึ้นก็ถือเอามาเป็นของเล่นได้

 

ดังนั้น ผมจึงสามารถจับกระจกแปดทิศได้อย่างสบายๆ ผมค่อยๆออกแรงยกกระจกแปดทิศขึ้นมา

 

เมื่อไม่มีพลังของกระจกแปดทิศกดเอาไว้ ผีผู้ชายที่กําลังนอนทรมานอยู่บนพื้น ก็ผ่อนคลายขึ้นมาก

 

ความเจ็บปวดหายไปทันที ราวกับร่างกายของเขาพ้นจากอันตรายแล้ว

“ ได้แล้ว ตอนนี้ก็ปล่อยเพื่อนฉันซิ ! ” ผมพูดต่อ

 

แต่ผีผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ได้สมใจผม เธอรีบหันมามองผีผู้ชายทันที “ พี่ พี่ พี่ ! ”

ขณะที่เสียงตะโกนของผีผู้หญิงดังขึ้น ผีผู้ชายถึงค่อยๆได้สติกลับมา “ ฉัน ฉันไม่เป็นไร !”

 

หลังจากนั้น ผมก็เห็นผีผู้ชายค่อยๆลุกขึ้นยืน

 

แต่เจ้าผีผู้ชายตนนี้เพิ่งลุกขึ้น ทันใดนั้นเขากลับเข้ามารัดตัวผมจากทางด้านหลัง ใช้มือข้างหนึ่งรัดคอผมเอาไว้

 

“ แกคิดจะทําอะไร ” ผมขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าโมโหเล็กน้อย

 

“ คิดจะทําอะไรงั้นเหรอ คืนนี้ถ้าแกไม่ตายฉันก็ต้องตาย ถ้าปล่อยพวกแกไปในอนาคตพวกเราจะอยู่กันได้ยังไง ” ผีผู้ชายพูดอย่างดุร้าย

 

แต่คําพูดของเขา กลับถูกต้องทุกอย่าง

 

ถ้าหยางเฉ่วปลอดภัย ผมจะต้องลงมือกับพวกเขาอีกครั้งแน่

 

เพราะผมมาด้วยเหตุผลนี้ และผีสองตนนี้ยังไม่ใช่ผีดี

 

ในเมื่อไม่ใช่ผีดี งั้นพวกเราก็ไม่สามารถยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันได้

 

ผมแสดงสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมพูดว่า “ แกคิดจะฆ่าฉัน ”

 

“ ใช่ ไม่ใช่แค่ฆ่า เพื่อนของแกก็ต้องตายอยู่ที่นี้ด้วย ช่างน่าเสียดายจริงๆ ตอนแรกแกเกือบทําสําเร็จแล้วเชียว แต่นิสัยที่น่าหดหูของคนแบบแก ทําให้แกเสียโอกาสนั้นแล้ว ” ผีผู้ชายพูดไม่เกรงใจเลยสักนิด

 

ผมขมวดคิ้ว มองผีผู้หญิงที่ยังควบคุมหยางเฉ่วอยู่ ใจผมก็กระวนกระวายจนแทบบ้า

 

แม้ว่าตอนนี้ผมจะถูกผีผู้ชายรัดคอเอาไว้ แต่การที่เขาคิดจะฆ่าผม มันกลับเป็นไปไม่ได้

 

เพราะเขาไม่รู้เลยสักนิดว่าก่อนที่ผมจะโยนดาบไม้ทิ้ง ผมได้แอบใช้มืออีกข้างหยิบยันต์ออกมา และในเวลานี้มันได้ถูกซ่อนอยู่ในฝ่ามือของผม

 

เดิมที่ผมคิดจะต่อสู้กับผีผู้หญิง ใช้ลงมือตอนที่เธอเผลอ

 

แต่ตอนนี้ผมกลับคิดไม่ถึงว่าผีผู้ชายจะโอหังขนาดนี้ ไม่เพียงไม่หนีกลับกันยังกล้าลงมือกับผมด้วย

 

ขอแค่ผมอยากลงมือ เพียงแค่พลิกฝ่ามือแปะยันต์ลงที่ร่างของผีผู้ชาย ตอนนั้นผมก็จะแก้สถานการณ์เสี่ยงตายได้แล้ว

 

ผมหนีไปได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้มีเรื่องลําบากใจนิดหน่อย

 

ถ้าผมหนีไป แล้วหยางเฉ่วจะทํายังไง

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ทําได้แค่เดิมพัน ลองดูว่าจะสามารถเจรจากับอีกฝ่ายได้ไหม

 

หลังจากคิดถึงวิธีนี้ได้ ผมก็พูดต่อทันที “ ถ้าพวกแกฆ่าเราสองคน อาจารย์และพี่น้องของพวกเราก็ต้องมาล้างแค้นจากพวกแก และสุดท้ายพวกแกก็ต้องตายอยู่ดี”

 

แกกําลังขู่ใครอยู่ฮะ หลังจากฆ่าพวกแกแล้ว พวกเราสองคนพี่น้องก็จะออกจากบ้านหลังนี้ หาที่ซ่อนสักที่ แผ่นดินกว้างใหญ่ขนาดนี้ อาจารย์และพี่น้องของแกจะหาพวก เราเจอเหรอฮะ น่าขํา !” ผีผู้ชายคนนั้นพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

 

แต่ผมกลับหัวเราะ “ ฮ่าๆ ” “ แกเป็นผี แกน่าจะรู้ดี ถ้าไม่มีหลุมศพ ไม่มีสถานที่ให้หลบแดดหลบฝน กลายเป็นผีเร่ร่อนไปวันๆ มันก็คงไม่ใช่ชีวิตที่ดีหรอกจริงไหม ?

 

“ และอีกอย่างก็ไม่มีใครยอมนาทางให้วิญญาณของพวกแก ถ้าพวกแกออกจากบ้านไปไกล พวกแกก็หาทางกลับมาไม่ได้ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า พวกแกก็จะเสียสติ สุดท้ายก็กลายเป็นศพเดินได้ ทําได้แค่ล่องลอยไปตลอดกาล !”

 

คําพูดของผมเป็นความจริงทั้งหมด ไม่หลอกลวงเลยสักนิด หลังจากที่ผีทั้งสองได้ยิน พวกเขาก็ค่อยๆเงียบลง

 

ผมเห็นอีกฝ่ายไม่พูดจาจึงพูดต่อ “ เอาแบบนี้ไหม พวกเรามาทําข้อตกลงกัน ”

“ ข้อตกลง ข้อตกลงอะไร ” จู่ๆผีผู้ชายก็พูดออกมา

 

เมื่อผมเห็นผีผู้ชายหวั่นไหว ผมก็ดีใจในใจ พูดต่อว่า “ แกปล่อยพวกเราไป พวกเราจะทําพิธีให้พวกแก ให้พวกแกได้ไปเกิดใหม่ แน่นอนถ้าพวกแกไม่อยากไปเกิดใหม่ พวกเราก็สามารถหาหลุมศพให้พวกแกได้ และทําป้ายวิญญาณให้”

 

“ แน่นอนว่า ก่อนหน้านั้น พวกแกต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ ! และต่อไปก็ห้ามทําร้ายคนอีก ถ้าทําแบบนี้ พวกเราก็จะทําภารกิจสําเร็จในวันข้างหน้า แกก็จะไม่โดนรบกวน ถึงยังไงพวกเราก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ในอนาคตถ้าคนปราบสิ่งชั่วร้ายคนอื่นมาที่ บ้านหลังนี้ก็จะไม่มีใครมาทําให้พวกแกเดือดร้อน พวกแกว่าดีไหมละ ”

 

ขณะที่ผมกําลังคิด ผมก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งเกิดใหม่ป้ายวิญญาณ ทุกอย่างดูดีมีน้ำใจพอแล้วมั้ง

 

แต่ใครจะรู้ผมเพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นผีผู้ชายก็โมโห “ ข้อตกลงบ้าบออะไรสุดท้ายก็บอกว่า ให้พวกเราปล่อยพวกแกไป และยังให้พวกเราออกจากบ้านตัวเอง ! นี่ เรียกว่าข้อตกลงเหรอ ข้อตกลงกับผีนะซิ ”

 

“ ฉันจะบอกแกให้นะ ตอนนั้นพวกเราใช้เงินที่เก็บสะสมมาทั้งหมด มาสร้างบ้านหลังนี้ เพื่อให้หลังจากตายแล้วจะได้มาอยู่ที่นี่ ! ใช้ชีวิตสงบสุขร่วมกับน้องสาว แกยังบอกให้พวก เราออกไปแล้วไปเกิดใหม่ ไปอยู่ในหมุนศพเน่าๆไม่กี่เมตรนั้นงั้นเหรอ แม่…ซิ ”

 

เห็นได้ชัดว่าผีผู้ชายอารมณ์เสียมาก มือที่รัดคอผมเอาไว้แน่นขึ้นมาก ทําให้ผมเริ่มหายใจลําบากขึ้นนิดหน่อย

 

แต่ผีผู้หญิงที่ไม่พูดอะไรมาแสนนาน ทันใดนั้นเธอกลับพูดออกมา “ พี่ ไม่ต้องพูดกับมันแล้ว รีบฆ่าพวกมันทิ้งเถอะ จะได้จบเรื่องซะที ถ้ามีคนมาล้างแค้นให้พวกมันจริงๆ พวกเราก็ค่อยไปหลบหลังภูเขา !”

 

เมื่อผมได้ยินคําพูดนี้ ผมก็ตกใจทันที

 

ในเวลาเดียวกันผมก็คิดไม่ถึงว่าที่ฮวงจุ้ยของบ้านนี้มีปัญหาสุดๆ นั้นเป็นเพราะที่นี่คือบ้านที่มีสองพี่น้องเป็นคนสร้างให้กับตัวเอง สวรรค์ผมเพิ่งรู้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย

 

ผู้กํากับจางไม่ได้บอกว่า เจ้าของบ้านหลังนี้ย้ายไปอยู่ที่อื่นเหรอ

 

เมื่อดูจากคําพูดในตอนนี้ เจ้าของย้ายไปที่อื่นกะผีนะซิ ที่นี่สร้างไว้ให้ผีอยู่ชัดๆ

เมื่อการเจรจาล้มเหลว อีกฝ่ายคิดจะลงมือฆ่าผมกับหยางเฉ่ว ทําให้ผมเริ่มทําอะไรไม่ถูก

 

ผมจะรีบต่อต้าน หรือคิดวิธีถ่วงเวลาพวกเขาต่อ เพื่อมองหาโอกาสดีๆ

 

ถ้าผมลงมือ ผีผู้หญิงจะต้องฆ่าหยางเฉ่วทันที ถ้าผมช่วยหยางเฉ่วก็ตายเหมือนเดิม

แต่ถ้าผมไม่ลงมือ ผมสองคนก็ต้องตายทั้งคู่

 

ผมอยากหาวิธีที่ทั้งสองฝ่ายโอเคกับมัน แต่เวลากลับไม่คอยท่า ผีสองตนนั้นยังไม่ให้โอกาสผมอีก

 

ในเวลาเดียวกัน ผีสองตนก็แสดงสีหน้าเย็นชา แยกเขี้ยวออกมา พวกเขาคิดจะลงมือแล้ว

 

หัวใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้ง ผมสับสนมาก

 

แต่วินาทีนั้น จู่ๆผมก็เห็นบางอย่างเดิมที่เธอไม่ขยับเลย หยางเฉ่วผู้ถูกผีร้ายควบคุมโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เธอเริ่มขยับเล็กน้อย และยังกระพริบตาให้ผมด้วย..

 

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset